“แฟลชม็อบ” ลาม ศรีสุวรรณชง กกต.ยุบพรรคอนาคตใหม่ ชี้ไม่ได้มุ่งเล่นงานส้มหวาน แต่เพราะเห็นทำผิดกฎหมาย “พุทธิพงษ์” ปูดจับมือโพสต์มิบังควรแล้ว “ช่อ” เดือดซัดย้อนยุคดาวสยาม-วิทยุยานเกราะ ไหนบอกไม่ใช่เผด็จการทำไมมุมมิบจับกุม
เมื่อวันพุธที่ 18 ธ.ค. ยังคงมีความต่อเนื่องจากการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบบริเวณสกายวอล์กหน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ ที่แกนนำพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้จัดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค., นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อนค. และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค. ซึ่งเป็นกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค จัดกิจกรรมแฟลชม็อบเข้าข่ายเป็นการก่อกวน คุกคามความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ขัดมาตรา 45 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองเป็นเหตุให้ กกต.เสนอศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งยุบพรรคตามมาตรา 92 (3) หรือไม่
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า การชุมนุมดังกล่าวผิดกฎหมายหลายฉบับ ไม่ได้มีการขออนุญาตใช้พื้นที่ รวมทั้งเข้าข่ายก่อความวุ่นวาย ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดเดือดร้อนกับผู้ใช้ทางเท้าและสกายวอล์ก ซึ่งเข้าข่ายผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 อีกทั้งสถานที่จัดกิจกรรมก็อยู่ในรัศมี 150 เมตร จากวังสระปทุม ซึ่ง พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะก็ห้ามมิให้ดำเนินการ
“แม้การชุมนุมจะเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่พรรคอนาคตใหม่และกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดเป็น ส.ส.ในสภา สามารถนำความเดือดร้อนหรือปัญหาที่ตนเองเห็นว่ามีการแก้ไขไม่ถูกต้องไปเสนอต่อที่ประชุมสภาได้ แต่กลับไปใช้สิทธิในการชุมนุม ไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด จึงเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง หากทำเช่นนี้ต่อไป ส.ส.หรือคนที่ไม่เห็นด้วยก็จะออกมาก่อม็อบทำให้บ้านเมืองเกิดความไม่สงบ กระทบเศรษฐกิจบ้านเมือง”นายศรีสุวรรณกล่าว และว่า การยื่นคำร้องตรวจสอบ ไม่ได้มุ่งเป้าเฉพาะพรรค อนค. ถ้าเห็นว่าการกระทำของบุคคลใดหรือพรรคการเมืองใดขัดหรือแย้งกับกฎหมาย ก็จะยื่นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบอยู่แล้ว ไม่ใช่ดำเนินการกับเฉพาะพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
ในเวลาไล่เลี่ยกัน นายมหัศจักร โสดี ในฐานะราษฎร พร้อมคณะ ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายแทนคุณ จิตต์อิสระ เลขานุการคณะทำงานทางการเมืองประธานสภาเรื่อง ขอให้อบรม ตักเตือน ห้ามปราม พรรคการเมือง และ ส.ส.จากการชุมนุมแฟลชม็อบ โดยระบุว่า พี่น้องคนไทยได้เห็นภาพบางภาพแล้วไม่สบายใจ ซึ่งผู้ที่กระทำการไม่เหมาะสมได้รับผลกระทบทางสังคมและด้านกฎหมายแล้ว ขณะเดียวกัน พรรคการเมือง นักการเมือง และ ส.ส. ที่ทำให้การชุมนุมเกิดขึ้นกลับไม่ได้มีท่าทีในการแสดงออกถึงการรับผิดชอบใดๆ จึงมายื่นหนังสือถึงนายชวนให้อบรม ตักเตือน พรรคการเมือง และ ส.ส. อย่าได้นำสถาบันอันเป็นที่เคารพของคนไทยมาเกี่ยวข้อง
ขณะที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ได้จับกุมผู้โพสต์ภาพรายหนึ่ง ซึ่งเป็นภาพชูป้ายในแฟลชม็อบ และได้โพสต์ภาพอันมิบังควรและทำร้ายจิตใจคนไทยทั่วทั้งแผ่นดิน ซึ่งตนเองและทีมงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้รีบดำเนินการเก็บหลักฐานทางสื่อออนไลน์ต่างๆ จนล่าสุดตอนนี้ตำรวจได้จับกุมตัวผู้กระทำผิดแล้ว แต่ยังไม่สามารถเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และจะมีผลต่อรูปคดี ซึ่งถ้าแถลงข่าวได้เมื่อใดจะรีบแจ้งทันที
“เรื่องแบบนี้คงไม่มีใครทนได้ ผมก็เช่นกัน ขอต่อสู้อย่างที่สุด เพื่อปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของผองไทย” นายพุทธิพงษ์โพสต์
ด้าน น.ส.พรรณิการ์ได้แถลงข่าวว่า กังวลภายหลังการจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น เนื่องจากมีความพยายามในการทำลายความน่าเชื่อถือของการชุมนุม รวมทั้งผู้เข้าร่วม ขณะที่นโยบายการจัดการข่าวปลอมของรัฐบาลที่โดนเจ้าหน้าที่จากสำนักนายกฯ ไปแจ้งความเอาผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ ในข้อหาบิดเบือนข้อความของนายกรัฐมนตรี ซึ่งมองว่าเป็นเพียงเรื่องตลกนั้น กลับกันทางศูนย์จัดการเฟกนิวส์กลับไม่ได้ดำเนินการข่าวปลอมของผู้เข้าร่วมกิจกรรมแต่อย่างใด
“ได้ติดต่อโดยตรงไปยังนายพุทธิพงษ์ ในกรณีเพจเดรัจฉานแฉ โพสต์ภาพนายธนาธรพร้อมข้อความที่พูดพาดพิงสถาบัน ซึ่งเป็นข่าวปลอม 100% เพราะในวันนั้นมีทั้งสื่อมวลชน มืออาชีพ และมือสมัครเล่น รวมทั้งประชาชนบันทึกวิดีโอเอาไว้ ไปเช็กดูได้ว่าไม่มีคำพูดเหล่านี้เกิดขึ้นแม้แต่เพียงครึ่งคำ นายพุทธิพงษ์ก็รับปากว่าจะจัดการให้ แต่จนถึงขณะนี้โพสต์ดังกล่าวก็ยังอยู่ ไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างใด กลับไปจัดการข่าวอื่นอย่างการล้อเลียนคำขวัญนายกฯ” น.ส.พรรณิการ์ระบุ
น.ส.พรรณิการ์กล่าวอีกว่า ที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่งคือกรณีนายพุทธิพงษ์โพสต์เฟซบุ๊กว่าได้รวบรวบพยานหลักฐานไปสู่การจับกุมผู้โพสต์ภาพ ตามที่คุณพุทธิพงษ์บอกว่าเป็นการกระทบกระเทือนจิตใจของคนไทย ซึ่งขอตั้งคำถามว่า นี่คือความตกต่ำของประเทศไทยใช่หรือไม่ สมัยก่อนเราเห็นพาดหัวที่ยุยงปลุกปั่นสร้างความเกลียดชังจนคนฆ่ากันเองได้แบบนี้ จากหนังสือพิมพ์ดาวสยาม หรือวิทยุยานเกราะ แต่ปัจจุบันไม่ใช่สื่อแล้วที่ทำแบบนี้ แต่กลับเป็นบุคคลระดับรัฐมนตรีที่อยู่ในพรรครัฐบาล
"ดิฉันขอถามว่า การทำแบบนี้ในฐานะที่ท่านเองเป็นคนรับผิดชอบข่าวบิดเบือนและการเผยแพร่วาทะเกลียดชัง สมควรหรือไม่ที่บุคคลระดับรัฐมนตรีจะทำแบบนี้ และการที่อยู่ๆ ดีโพสต์ว่ามีการจับกุมบุคคล โดยไม่ได้มีการบอกว่าใช้อำนาจตามกฎหมายข้อใด ข้อหาอะไร เป็นใคร และจับไปไว้ที่ไหน บ้านเมืองนี้ยังมีขื่อมีแปอยู่หรือไม่ เราอยู่ในอยู่ยุคเผด็จการ คสช.หรืออย่างไร” น.ส.พรรณิการ์กล่าว
โฆษกพรรค อนค.กล่าวต่อว่า รัฐบาลพูดเสมอว่าหยุดพูดว่าเผด็จการได้แล้ว นี่อยู่ในยุครัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่หากเป็นแบบนั้น ท่านก็ช่วยพิสูจน์ให้เราเห็นทีว่าท่านเห็นหัวประชาชนจริงๆ หากเป็นแบบนั้น ทำไมบุคคลระดับรัฐมนตรีจึงโพสต์ลักษณะแบบนี้ ซึ่งพรรค อนค.ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อยืนยันหลักการที่ว่า ประชาชนคือผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศนี้ เพื่อยืนยันหลักการที่ว่าระบอบประชาธิปไตยต้องยึดมั่นเสรีภาพของประชาชน กิจกรรมเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. เป็นการแสดงออกของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ ว่าพวกเขาไม่พอใจกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน
ส่วน น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ (พช.) ส่งข้อความผ่านกลุ่มไลน์สื่อมวลชนพรรคว่า มั่นใจในข้อมูลข่าวสารที่นำเสนอไปว่าเป็นข้อเท็จจริงที่มีหลักฐานจากเว็บไซต์ราชการยืนยันในข้อเท็จจริงของข้อมูล ทุกประเด็น พร้อมทั้งแนบลิงก์ข่าวดังกล่าว ก่อนระบุอีกว่า การตั้งข้อสังเกตในเนื้อข่าว คือการสอบถามรัฐบาลแทนสตรีทั้งประเทศตามหน้าที่นักการเมืองและผู้เสียภาษีคนหนึ่ง และไม่มีข้อความว่ารัฐขึ้นภาษีผ้าอนามัยในข่าวนั้น ซึ่งพร้อมชี้แจงต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมที่เกิดขึ้น และพร้อมแจ้งความฟ้องกลับ ถ้าเป็นการแจ้งความเท็จและเจตนาบิดเบือนข่าวของตนเองเพื่อให้สังคมเข้าใจว่าเป็นเฟกนิวส์
พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการออกไปเคลื่อนไหวบนท้องถนนเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมาของ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่บางคนว่า ตนไม่เห็นด้วย เพราะ ส.ส.มีหน้าที่ทำงานในสภา ส่วนนายธนาธรนั้นถือว่าสามารถทำได้ เพราะไม่ได้เป็น ส.ส.แล้ว หลักการทางการเมืองคือคนที่ไปเดินกับประชาชนต้องบริสุทธิ์ เพราะความบริสุทธิ์นั้นคือพลังในการเคลื่อนไหว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในปี 63 ว่า เขาก็มีเชิญมา แต่เราคิดว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่ถึงขนาดต้องไปลงถนน เพราะการวิ่งก็เป็นการออกกำลังทั่วไป ไม่ได้ไปชุมนุมอะไร เพียงแต่วิ่งไล่ลุง รัฐบาลอย่าไปคิดอะไรมาก วางใจให้เป็นกลางเฉยๆ ก็หมดเรื่อง หรือการที่เขาไปชุมนุมบนสกายวอล์ก ก็ไม่ได้ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ไม่ควรต่อต้าน เดี๋ยวจะลามไปใหญ่ กิจกรรมพวกนี้ปล่อยๆ ปิดตาบ้างก็ไม่เป็นไร สำหรับผมคิดว่าเมื่อเราอยู่ในสภาก็ต้องสู้กันในสภา ถึงแม้เสียงตอนนี้จะน้อยกว่า แต่ก็ไม่เป็นไร เราก็พยายามหาเหตุผล
"เรียนให้ทราบว่าตอนยังไม่ได้เป็น ส.ส. มี กปปส.มาเชิญขึ้นเวที ผมก็ไม่เคยไปสักที ไม่เหมือนหลายคนในสภานี้ แม้กระทั่งประธานยังเป่านกหวีดกับเขาด้วย แต่สำหรับผม ถ้าไม่ก็คือไม่ ดังนั้นตอบตรงนี้เลยว่าคงไม่ได้ไปร่วมวิ่งไล่ลุงด้วย เพราะตอนนี้เราเป็น ส.ส. ต้องทำหน้าที่ให้ดี" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |