‘ช่อ-เกศปรียา’เซ่น‘เฟกนิวส์’


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กตู่" เสียใจฝ่ายการเมืองปล่อยเฟกนิวส์รีดภาษีผ้าอนามัย สั่งดำเนินคดีให้หลาบจำ "เกศปรียา" เสียงอ่อยปัดดรามาโจมตีรัฐบาล แค่ท้วงติงให้ผู้หญิงใช้ของถูกลง "ช่อ" โดนแล้ว! สำนักนายกฯ แจ้งเอาผิดตัดต่อคำขวัญวันเด็ก โฆษก อนค.เซ็งไร้อารมณ์ขัน 

    ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงมาตรการจัดการกับเฟกนิวส์ โดยเฉพาะที่ฝ่ายการเมืองออกมาระบุว่าจะมีการขึ้นภาษีผ้าอนามัยว่า โฆษกรัฐบาลได้ชี้แจงไปแล้ว แต่เสียใจอย่างหนึ่ง ข่าวนี้ปล่อยมาจากฝ่ายการเมือง เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้มีคดีความอะไรกันหรือเปล่า ลองไปว่ากัน ตอนนี้เขากำลังทบทวนกันอยู่ในเรื่องเหล่านี้ ใครเสนอข่าวเฟกนิวส์ออกมา ถ้ามีผลกระทบมากๆ ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะกฎหมายมีอยู่ หากไม่ทำจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ 
    "วันๆ หนึ่งมีเฟกนิวส์ประมาณ 20-30 ข้อมูลออกมา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมก็รายงาน และมีการชี้แจงอะไรเป็นข่าวปลอม ขณะเดียวกันโฆษกรัฐบาลก็ไปหาเรื่องจริงมาว่าคืออะไร ก็ไม่พบว่าเป็นอย่างที่นำเสนอเลย อยู่ดีๆ อุปโลกน์ขึ้นมาได้อย่างไรข่าวแบบนี้" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
    นอกจากนี้ อยากชี้แจงกรณีเฟกนิวส์ที่ระบุว่าภรรยาตนเป็นมุสลิม นับถือศาสนาอิสลาม เรื่องนี้เห็นกันอยู่ ภรรยาตนไปใส่บาตร กราบพระ ไหว้พระ และตนเองก็เป็นไทยพุทธอยู่แล้ว ดังนั้นหน้าที่ของรัฐบาล นายกฯ ต้องดูแลคนทุกกลุ่มทุกฝ่าย การไปโพสต์แบบนี้คิดว่าไม่เป็นธรรมกับตนและครอบครัว ขอให้ทำความเข้าใจกันด้วย อย่าไปแพร่กันเรื่อยเปื่อย ไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ในที่ประชุม ครม. มีการพูดคุยถึงเรื่องการขึ้นภาษีผ้าอนามัย หลังจากมีผู้ออกมาให้ข่าวว่า ครม.มีมติจัดให้ผ้าอนามัยเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยและจะคิดภาษีในอัตราที่สูงสุดถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม ไม่เป็นความจริง เป็นเท็จทั้งหมด และรัฐบาลและ ครม.ไม่เคยมีแนวคิดไปเก็บภาษี เนื่องจากเป็นสินค้าที่ต้องใช้ทุกเดือน และเป็นสินค้าจำเป็น ทั้งนี้ จากนี้คงจะต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป เนื่องจากเป็นการนำข้อมูลที่เป็นเท็จเผยแพร่สู่สาธารณะ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการต่อไป
    นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งจัดการกับขบวนการข่าวปลอม Fake ews ที่เกิดขึ้นในสังคมออนไลน์ ทั้งกรณีการปล่อยข่าวว่าคณะรัฐมนตรีมีมติจัดเก็บภาษีผ้าอนามัยดังกล่าว และการปล่อยข่าวออกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในช่วงการชุมนุมของพรรคอนาคตใหม่ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ประกาศให้เป็นข่าวปลอมแล้ว และอยู่ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินคดี
    ส่วนกรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ทวีตภาพเอกสารคำขวัญวันเด็กของนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการบิดเบือนเพิ่มข้อความเชิญชวนเยาวชนออกไปชุมนุมกับพรรคอนาคตใหม่นั้น ล่าสุดทางนิติกรของสำนักนายกรัฐมนตรีได้ไปแจ้งความดำเนินคดีและร้องทุกข์กล่าวโทษกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เนื่องจากเป็นคำขวัญที่ออกในนามนายกรัฐมนตรี และสำนักนายกรัฐมนตรี
    ขณะที่ น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ ส่งข้อความชี้แจงผ่านกลุ่มไลน์สื่อมวลชนพรรคเพื่อชาติว่า จากกรณีที่ออกมาให้ข่าวเรื่องผ้าอนามัย อันดับแรก ขอยืนยันความบริสุทธิ์ใจที่พูดถึงประเด็นนี้ ว่าไม่ได้ต้องการเล่นเรื่องนี้เป็นดรามาหรือโจมตีรัฐบาล แต่ทำหน้าที่ในฐานะเป็นนักการเมือง เป็นปากเสียงประชาชน ที่ต้องการเปลี่ยนแปลง โดยคิดว่าผู้หญิงควรได้ราคาผ้าอนามัยที่ถูกกว่านี้ เพราะปัจจุบันในหลายประเทศได้มีการผ่านกฎหมายยกเลิกภาษีผ้าอนามัยแล้ว
    นอกจากนี้ ยังเป็นการท้วงติงไปยังรัฐบาล เพื่อพิจารณาเปลี่ยนหมวดหมู่ของผ้าอนามัยไปอยู่ในเวชภัณฑ์ หรือหมวดที่เหมาะสมมากกว่าหมวดเครื่องสำอาง เพราะไม่อยากให้ประชาชนต้องแบกรับภาระที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ รวมถึงถือว่าเป็นการช่วยให้สังคมช่วยกันจับตาในประเด็นนี้ด้วย
    ส่วนกรณีของผ้าอนามัย ที่เป็นสินค้าที่จัดอยู่ในหมวดของเครื่องสำอาง ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย สามารถมีเพดานภาษีได้ถึง 40% นั้น ในส่วนนี้ไม่ได้ก้าวล่วงไปบอกว่ารัฐได้จัดเก็บภาษีในส่วนตรงนี้แล้ว เพียงแต่แสดงความเป็นห่วงว่าเพดานภาษีที่ 40% สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยนั้นเป็นปลายเปิดทางช่องกฎหมาย ที่สำคัญพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ควบคุมสินค้า มีอายุความเพียง 1 ปี ซึ่งอีกไม่กี่เดือนจะหมดแล้ว ทั้งนี้ ในหลายประเทศยังมีการเรียกร้องให้ผ้าอนามัยเป็นสินค้าปลอดภาษี เนื่องจากผ้าอนามัยถือเป็นสินค้าที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของผู้หญิง
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงค่ำเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา น.ส.เกศปรียา ส่งข้อความผ่านกลุ่มไลน์สื่อมวลชนพรรคเพื่อชาติ ระบุว่า ดูตามเอกสารจากเว็บ ht tp://www.oic.go.th/FILEWEB/CABINFOCENTER7/DRAWER100/GENERAL/DATA0000/00000302.PDF ซึ่งสรุปสาระสำคัญของการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2561 หมวดกฎหมาย ข้อ 4 ระบุว่า ... ร่างกฎกระทรวงกำหนดผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสำอาง พ.ศ. ...  เครื่องสำอางจัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ดังนั้นผ้าอนามัยแบบสอดจึงถูกจัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งในความคิดของตน ผ้าอนามัยทุกชนิดไม่ควรถูกกำหนดให้เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย เพราะเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตของสตรีทั้งโลก แม้จะมีการชี้แจงว่า ผ้าอนามัยถูกระบุใน พ.ร.ก. ว่าเป็นสินค้าควบคุม แต่ผ้าอนามัยแบบสอดยังไม่ถูกปลดออกจากสินค้าประเภทเครื่องสำอางซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย อีกทั้ง พ.ร.ก.ดังกล่าวยังมีผลบังคับใช่เพียง 1 ปีเท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วควรทำให้เป็นสินค้าควบคุมถาวร จึงให้ข้อมูลข่าวประเด็นนี้ในฐานะเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง อยากจะถามแทนสตรีทั้งประเทศเพื่อให้ได้คำชี้แจงจากทางรัฐบาลว่า ทำไมถึงได้มีมติ ครม.อนุมัติเรื่องแบบนี้ ซึ่งถือเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นสำหรับสตรี
    น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดว่ามีนิติกรของสำนักนายกรัฐมนตรีไปแจ้งความเอาผิดตามที่ศูนย์ต่อต้านเฟกนิวส์ระบุ ซึ่งเข้าใจว่าประชาชนทุกคนที่ได้เห็นทวีตข้อความดังกล่าว คงเข้าใจเหมือนกันว่าเป็นมุกตลก และภาพดังกล่าวไม่ใช่ตนที่เป็นคนตัดต่อ โดยข้อความที่ระบุว่า“เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย” มีคำว่า "และอย่าลืมไปสกายวอล์กพรุ่งนี้" ต่อท้ายนั้น ตนเข้าใจว่าเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น นอกจากนี้ โพสต์ดังกล่าวมีเขียนในวงเล็บไว้ว่า "นายกรัฐมนตรีไม่ได้กล่าวไว้" พอรู้ว่าถูกแจ้งก็รู้สึกตลก และคิดว่าผู้แจ้งและศูนย์ต่อต้านเฟกนิวส์น่าจะมีอารมณ์ขันมากกว่านี้
    “เราติดตามการทำงานของศูนย์ต้านเฟกนิวส์มาอย่างต่อเนื่อง ว่ามีกลไกการทำงานที่เป็นอิสระหรือไม่ ถ้าจะใช้จัดงานแบบให้มีประสิทธิภาพรัฐเองก็ควรกลั่นกรอง ไม่ว่าจะเป็นข่าวของฝ่ายใด โดยเฉพาะเมื่อรัฐเองมีอำนาจในตัดสินว่าเรื่องไหนคือความจริง หากจะตัดสินเฉพาะข่าวที่ได้รับผลกระทบเฉพาะฝ่ายตัวเองนั้น จะเข้าข่ายการใช้อำนาจโดยมิชอบหรือไม่ เชื่อว่าประชาชนทุกคนคงจะตอบได้ พฤติกรรมดังกล่าวยิ่งเป็นการตอกย้ำ หน่วยงานที่ตั้งขึ้นมา รัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่ไม่ได้ทำเพื่อจัดการปัญหาข่าวปลอมที่เป็นปัญหาที่ทั่วโลกกำลังจับตา แต่กลับใช้เป็นเครื่องมือกำจัดฝ่ายตรงข้าม” โฆษกพรรคอนาคตใหม่ระบุ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"