ตุ๊กตาตัวเงิน-ตัวทอง 4 ส.ส.งูเห่าโผล่หน้าห้องประชุม กก.บริหารพรรคอนาคตใหม่ ก่อนมีมติเอกฉันท์ขับออกพ้นพรรค "ช่อ" บอกไล่ออกถือว่าคุ้ม อุดมการณ์ขัดพรรคไม่จำเป็นต้องรักษาไว้ ลูกหาบส้มหวานตามขยี้ออกไป อนค.จะเจริญขึ้น "จารึก-สารวัตรต๊อก" เข้าพรรคเล็กขอเป็นฝ่ายค้านอิสระ "พรรคใหญ่" พร้อมอ้าแขนรับ "อดีตโฆษก กรธ." ดับฝันอนาคตใหม่ขับงูเห่าหมดสิทธิ์นับคะแนนใหม่ "พี่ศรี" เล็งร้อง กกต.เอาผิด "ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ" จัดแฟลชม็อบเข้าข่ายถึงยุบพรรค "ตร." ยันดำเนินคดีตามขั้นตอน
ที่พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) วันที่ 17 ธ.ค. เวลา 10.00 น. นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค อนค. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ของพรรค เพื่อพิจารณาการขับ 4 ส.ส.ของพรรค ประกอบด้วย น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี, พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี และ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ ซึ่งทั้ง 3 คนโหวตสวนมติพรรค รวมถึงนายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี โหวตสวนมติพรรครับร่าง พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลฯ ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (9) หลังในการประชุมใหญ่สามัญพรรคเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมามีมติให้ขับไล่ 4 ส.ส.ออกจากพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงก่อนประชุมพรรค บริเวณหน้าห้องประชุม ที่ชั้น 8 อาคารไทยซัมมิท พบตุ๊กตาตัวเงินตัวทอง ติดชื่อ 4 ส.ส. ที่ได้รับมติขับออกจากพรรคอย่างไม่เป็นทางการมาวางไว้หน้าห้องประชุม ส.ส.อนาคตใหม่ โดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนนำมาวางไว้
มีรายงานว่า บรรยากาศการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ครั้งนี้ นายปิยบุตรได้ขานชื่อของ ส.ส.ที่จะถูกขับออกที่ละคนตามลำดับ ได้แก่ กวินนาถ, นายจารึก, พ.ต.ท.ฐนภัทร และ น.ส.ศรีนวล และให้ที่ประชุมโหวต สำหรับ ส.ส.แต่ละคนได้ 3 แบบคือ งดออกเสียง ไม่ขับออกจากพรรค และขับออกจากพรรค โดยที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขับออกจากพรรคทั้ง 4 คน โดยไม่มีเสียงแตกเป็นอย่างอื่น
น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค. กล่าวว่า ผลการประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์แล้วให้ขับ 4 ส.ส.ออกจากพรรค ขั้นตอนต่อไปทางพรรคจะทำหนังสือแจ้งไปยังเจ้าตัว ทาง กกต.และรัฐสภาด้วย ซึ่งทั้ง 4 คนจำเป็นต้องแสวงหาพรรคใหม่ภายใน 30 วัน ไม่เช่นนั้นจะสิ้นสภาพการเป็น ส.ส.
น.ส.พรรณิการณ์กล่าวว่า มติดังกล่าวจะเป็นทางที่ดีขึ้นของพรรค และอยากให้ประชาชนจับตาดูว่าพรรคไหนจะรับ 4 ส.ส.นี้ไว้ ซึ่งที่ผ่านมาเราพยายามทำตามกฎระเบียบของพรรคมากที่สุด แต่เมื่อมีการโหวตสวนมติพรรคเกิดขึ้น เราให้คณะกรรมการวินัยตั้งสอบเรื่องการโหวตสวนมติพรรค และการนำความลับของที่ประชุมไปเปิดเผย และให้สัมภาษณ์ ทำให้เพื่อนสมาชิกและพรรคเสื่อมชื่อเสียง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้นำไปสู่การภาคทัณฑ์ในครั้งแรก แต่ก็ยังมีการกระทำผิดซ้ำ ดังนั้นการทำผิดครั้งที่ 2 จึงต้องมีมาตรการเพิ่มขึ้น และนำมาซึ่งการขับออกจากพรรค และนี่คือขั้นตอนตามระเบียบข้อบังคับของพรรค ไม่ใช่การตัดสินใจของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
“การที่ ส.ส.โหวตสวนมติพรรคแล้วเราจะขับออกจากพรรคคงไม่ใช่ เพราะเราอภิบายเสมอว่าก่อนจะโหวตแต่ละครั้ง ที่ประชุมส.ส.จะคุยกันก่อน เพื่อนำไปสู่ข้อสรุป และบางครั้ง ส.ส.บางท่านขอสงวนสิทธิ์ เช่น กมธ.เรื่องความหลากหลายทางเพศ แต่ ส.ส.บางคนมีข้อจำกัดทางศาสนา ก็ขอสงวนสิทธิ์ ทางพรรคก็เข้าใจ ไม่มีการลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น แต่ในกรณีการขับ 4 ส.ส.ออก คือการโหวตสวนมติพรรค โดยเฉพาะนโยบายที่พรรคหาเสียง คือการล้างมรดก คสช. ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาชนเลือกคุณมา ดังนั้นถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรง” น.ส.พรรณิการ์กล่าว
อนค.ดาหน้าไล่ 4 ส.ส.
ถามถึงการคำนวณคะแนนเสียงเมื่อขับ 4 ส.ส.ออกไป โฆษกพรรค อนค.กล่าวว่า เราคำนวณทิศทางที่จะเป็นไปได้ ซึ่งมี 2 ทางว่า กกต.จะตีความอย่างไร ซึ่ง 4 คนเป็น ส.ส.เขต รวมคะแนนประมาณ 1.6 แสนคะแนน 1.คะแนนดังกล่าวยังเป็นของพรรครวมเป็น 6.2 ล้านคะแนน ส.ส.พึงมีจะเป็น 81 คน ส่วน ส.ส.มี 80 คนขับออกไป 4 คน เหลือ 76 คน จึงต้องมีปาร์ตี้ลิสต์ให้ครบ 81 คน โดยไปตัดปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคอื่นออก เพราะ ส.ส.ในสภาต้องมีแค่ 500 คน แต่กรณีที่ กกต.ตีความว่าคะแนนไปกับ ส.ส.ด้วย เราก็ยังมี ส.ส.พึงมี 78 ที่นั่ง เราจะหายไป 2 เสียง เรื่องนี้เมื่อเทียบกับบรรทัดฐานที่พรรคต้องดำเนินการก็ถือว่าคุ้มค่า
ซักถึงตุ๊กตาตัวเงินตัวทองที่วางไว้หน้าห้องประชุม ใครเป็นผู้นำมาวางไว้ โฆษกพรรค อนค.กล่าวว่า ตนไม่ทราบจริงๆ ว่าใครเป็นผู้นำมาวาง แต่ถือเป็นการแสดงออกทางสัญลักษณ์ ซึ่งสะท้อนถึงความไม่พอใจอย่างสูงภายในพรรคเอง เพราะต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา เสียงส่วนใหญ่ไม่พอใจกับ ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรค และตอนนี้ถือเป็นทางออกที่ดีของพรรค
"เรื่องที่ต้องจับตาคือพรรคใดที่รับ ส.ส.เหล่านี้ไป ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเองว่าที่ผ่านมามีแต่คนพูดว่าให้กล้วย รับกล้วย แต่คราวนี้จะได้ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญคืออุดมการณ์ของพรรค ซึ่งหากเสียงที่มีอยู่ไม่ได้เป็นไปตามอุดมการณ์ของพรรค เราก็ไม่จำเป็นต้องรักษาเสียงเหล่านั้นไว้" โฆษกพรรค อนค.กล่าว
ถามถึงกรณีตำรวจจะดำเนินคดีที่นัดพบกันที่สกายวอล์กปทุมวัน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า เราแค่เชิญชวนคนที่ไม่ทนอีกแล้ว ไม่ถอยอีกแล้ว ไม่ต้องการเห็นสภาพบ้านเมืองเป็นแบบนี้ต่อไป ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ 2560
"เรายังใช้กลไกทางสภาอยู่ การตั้งอภิปรายหรือการยื่นญัตติต่างๆ ยังคงดำเนินการต่อไป และเราไม่คิดว่าในวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมาไม่ใช่การชุมชนทางการเมือง ถ้าเป็นการชุมนุมทางการเมืองจะเจอของจริงมากกว่านี้ ส่วนกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ไม่ใช่กิจกรรมของพรรคอนาคตใหม่ และกิจกรรมชุมชนของพรรคจะมีอีกครั้งเมื่อไร ต้องคอยดูตามสถานการณ์" น.ส.พรรณิการ์กล่าว
ส่วนนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค อนค. หรือเจี๊ยบ นครปฐม โพสต์เฟซบุ๊ก "Amarat Chokepamitkul อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล" ระบุว่า ยังกล้าเรียกตัวเองว่าผู้แทนราษฎรอยู่อีกหรือ พวกคุณไม่มีสถานะเป็นผู้แทนประชาชนอีกต่อไป การไปอยู่พรรคอื่นในฐานะ ส.ส.ของคุณมันไม่ชอบธรรมอีกต่อไป เพราะคุณทรยศคนที่เลือกคุณเข้ามา ควรลาออกไปลงเลือกตั้งใหม่เองดีกว่ารอให้พรรคขับออก ให้ประชาชนตัดสินใหม่อีกที พรรคอนาคตใหม่พยายามสร้างความเชื่อและศรัทธาต่อพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด การเมืองไทยไม่มีทางก้าวไปไกลหากยังมีคนที่คิดแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวแบบนี้อยู่ ประชาชนขาดศรัทธาต่อการเมืองในระบอบ เพราะเจอนักการเมืองกลับกลอกเช่นนี้
"อย่างไรก็ตาม เมล็ดพันธุ์แห่งประชาธิปไตย หว่านลงตรงไหนก็งอกงาม เมล็ดพันธุ์แห่งเผด็จการ หว่านออกไปไม่นานก็ฟ้องตัวเองว่าเป็นเพียงวัชพืช หลังจากนี้อนาคตใหม่จะเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งประชาธิปไตยที่จะเติบโตรวดเร็ว เพราะเราถอนวัชพืชที่ทำลายต้นกล้าทิ้งแล้ว ประชาชนจงเติบโต ประชาธิปไตยจงงอกงาม" นางอมรัตน์ระบุ
เช่นเดียวกับนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองโฆษกพรรค อนค. โพสต์เฟซบุ๊ก ตอนหนึ่งระบุว่า อยากจะฝากให้ทั้ง 4 คนคิด หากประชาชนและพรรคอนาคตใหม่ไม่ให้โอกาสคุณ จะมีโอกาสมากอบโกยกินกล้วยแบบนี้หรือไม่ นี่คงเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่จะได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พวกคุณน่าจะสร้างความทรงจำที่ดีกว่านี้ให้ตัวเองและครอบครัวได้ภูมิใจ มากกว่าการเหยียบย่ำหัวใจประชาชนเช่นนี้
"ขอให้พวกคุณโชคดี ส่วนพวกเราพรรคอนาคตใหม่ โชคดีมากที่วันนี้พรรคได้คัดกรองคนที่หักหลังประชาชนออกไป คงจะไม่ได้อยู่ที่เดิม ผมจะไม่ยอมทำอย่างนี้ใช้ไม่ได้" รองโฆษกพรรคผู้นี้กล่าว
'จารึก-ส.ว.ต๊อก'ไปพรรคเล็ก
ขณะที่นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี ซึ่งถูกมติขับออกจากพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ยอมรับมติของพรรค และจากนี้ไปคงจะอยู่กับพรรคเล็กๆ พรรคหนึ่ง คงจะไม่ไปอยู่พรรคใหญ่ เพราะคนจะมองว่าเรากินกล้วย มองว่าเราเป็นงูเห่า คงไปอยู่พรรคที่เป็นฝ่ายค้านอิสระ ซึ่งพรรคที่ตนจะไปอยู่เป็นพรรคที่จดทะเบียนไว้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว แต่ยังไม่มี ส.ส. และตนได้พูดคุยเรื่องนี้กับ พ.ต.ท.ฐนภัทรแล้ว และคาดว่าเขาจะไปกับเรา ซึ่งเราจะเป็น ส.ส. 2 คนแรกของพรรคนี้
"แม้ขณะนี้พรรคนี้จะไม่มีบทบาทในสภา แต่เราแค่ไม่อยากให้คนครหาว่าเรากินกล้วย ตอนนี้กระแสเรื่องนี้มาแรง ซึ่งทางจังหวัดจันทบุรีพื้นที่ของผมก็มีคนรักผมเยอะ ถ้าเรากินกล้วย เราขายตัว ให้อำนาจเงินครอบงำ ประชาชนจะเสียความรู้สึก เสื่อมศรัทธา ดังนั้นเราต้องแสดงจุดยืนโดยการทำงานในสภา เราจะยืนอยู่บนความถูกต้อง ตรงไหนประชาชนได้ประโยชน์ก็ยกมือให้ ส่วนชื่อพรรคที่จะไปอยู่นั้นขออุบไว้ก่อน" นายจารึกกล่าว
ด้านนายอุดม รัฐอมฤต อดีตโฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า การลงมติไล่ให้ออกจากพรรคเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 พรรคสามารถมีมติให้ ส.ส.พ้นจากการสังกัดพรรคการเมืองได้ และให้สิทธิ ส.ส.ที่ถูกลงมติให้พ้นพรรคนั้นหาสังกัดใหม่ได้ภายใน 30 วัน แต่จะไม่มีผลให้พรรคได้การเติมเต็ม ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ เพราะการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่นั้น จะใช้เฉพาะกรณีเดียวคือการกระทำที่ทุจริตการเลือกตั้ง ภายใน 1 ปีนับจากวันเลือกตั้งทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 94 กำหนดเท่านั้น
“เมื่อคุณไล่ ส.ส.ออกจากพรรค จะอ้างสิทธิให้คำนวณ ส.ส.บัญชีใหม่ของพรรคไม่ได้ เพราะคุณไปไล่เขาออก ไม่ใช่การทุจริตเลือกตั้ง เมื่อ ส.ส.ถูกขับให้พ้นพรรค ไม่มีผลอะไรที่ทำให้คะแนนที่เคยได้ พรรคหนึ่งยังคงพรรคเดิมหรือเปลี่ยนพรรคใหม่ไม่มีผลทั้งสิ้น อีกทั้งคะแนนที่ประชาชนในเขตเลือกตั้ง ซึ่งทำให้ได้ ส.ส. ไม่ได้บอกว่าเป็นคะแนนของพรรค ดังนั้นอย่านำเรื่องการขับ ส.ส.ออก หรือการย้ายพรรค และทำให้เกิดการคำนวณคะแนนใหม่มาปนกัน หรือหาก ส.ส.ทั้ง 4 ไม่สามารถหาพรรคใหม่สังกัดใหม่ได้ทัน 30 วัน ต้องพ้นจาก ส.ส.และให้มีการเลือกตั้งใหม่ เช่นเดียวกับกรณีที่เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ หากใครถูกมติพรรคขับออกและหาสังกัดใหม่ไม่ทัน พรรคที่มีมติขับนั้นไม่สามารถอ้างสิทธิเลื่อนบัญชีรายชื่อของพรรคได้เช่นกัน” อดีตโฆษก กรธ.กล่าว
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมรับ 4 ส.ส.พรรค อนค.เข้าร่วมทำงานหรือไม่ว่า ไม่รู้จะเป็น 4 ส.ส.หรือ ส.ส. ทุกอย่างก็เป็นไปตามข่าว ก็เป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองจะไปพิจารณากันเอาเอง 4 ส.ส.ของพรรค อนค.ก็ต้องไปหาพรรค เพื่อที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่วนจะสมัครใจไปอยู่กับใครก็แล้วแต่เขา
ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการรับ 4 ส.ส.พรรค อนค.เข้าพรรค พปชร.ว่า ก็ต้องไปถามเขาดูว่าจะมาหรือยัง มาหรือยังล่ะ เดี๋ยวต้องดู ต้องถามลูกพรรคดูด้วย
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะแกนนำพรรค พปชร. ยืนยันว่า 4 ส.ส.พรรค อนค.ไม่น่าจะมาอยู่กับ พปชร. ซึ่งในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ นั้นตนไม่ทราบ
'พี่ศรี'ตามจัดหนักแฟลชม็อบ
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการรับ 4 ส.ส.พรรค อนค.เข้าพรรค ภท.ว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกับใคร ก่อนหน้านี้ที่ น.ส.ศรีนวลเคยมาพบ ก็แค่มาประสานเรื่องโครงการที่ยังค้างคาอยู่ของกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ในเขตเลือกตั้งของเขา
ถามว่ามีเงื่อนไขหรือไม่หากเขาจะย้ายมาอยู่กับพรรค ภท. นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่ได้คิด และข้อกฎหมายจะเป็นอย่างไร จึงยังไม่ได้คิดอะไรถึงขนาดนั้น การเมืองยังไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่จะต้องขาดโน่นขาดนี่
ซักว่าหากมาจริงไม่มีเงื่อนไขอะไรใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรค ภท.กล่าวว่า ต้องมานั่งดูเงื่อนไขอะไรเป็นอย่างไร ยังไม่ได้คิด อย่างที่บอกการขับออกเป็นทางการหรือยัง เราก็ยังไม่รู้ ข่าวบางกระแสบอกว่าเป็นเพียงแนวคิด อีกกระแสบอกว่าขับเรียบร้อยแล้ว ถ้าขับแบบนี้ก็แน่นอนว่าอย่างน้อยเขาไม่ได้อยู่อีกฝั่งหนึ่ง เราก็ไม่ต้องไปคิดอะไร
ถามว่าการที่จะย้ายมาอยู่กับพรรค ภท. เขาอาจจะอุ่นใจที่มาอยู่พรรคกลางๆ จะไม่โดนโจมตีมากเกินไป นายอนุทินกล่าวว่า เราบอกแล้วว่ามาทำงาน เอาผลงานเอาการทำงานเป็นหลัก เรื่องการเมืองเป็นเรื่องรอง เราต้องรู้ตัวเองว่าเราไม่ได้เป็นพรรคใหญ่หรือพรรคหลัก ถ้าสังเกตอยู่ในสภาวะที่อยู่ในระเบียบวินัยมาตลอด โหวตเมื่อไรก็ทำตามมติของพรรคร่วมรัฐบาลทุกครั้ง ไม่มีปัญหา ตรงนี้คือจุดแข็งของพรรค ภท.
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวเช่นกันถึง 4 ส.ส.พรรคอนค.ว่า ถ้าเขามีอุดมการณ์เดียวกันกับเราก็อยู่ด้วยกันได้ แต่ถ้าอุดมการณ์ต่างกันก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็ต้องพูดคุย การเมืองต้องเปิดกว้าง
"แต่ประเภทว่าให้เราไปดูด เราไม่เอา เราไม่ทำ เพราะว่าเราเป็นสถาบัน" นายเฉลิมชัยกล่าว
ถามว่าเขาต้องมาเองใช่หรือไม่ เลขาฯ พรรค ปชป.กล่าวว่า ก็ต้องพูดคุยกัน แล้วแต่ถ้าเขาพึงพอใจว่าแนวทางจุดยืนของเราเป็นอย่างนี้ อุดมการณ์เราเป็นอย่างนี้ ถ้าพร้อมจะร่วมก็โอเคไม่มีปัญหา
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวพน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวน 4 ส.ส.พรรค อนค.เข้าพรรค โดยตอนหนึ่งระบุว่า ยินดีต้อนรับ 4 ส.ส. พรรคไทยศรีวิไลย์เป็นพรรคเล็ก แต่เต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่ 60%-รุ่นกลาง 20%-รุ่นเก่า 20% มีนโยบายพรรค 10 ข้อ เน้นแก้ปัญหาแบบลงมือทำจริง อาทิ ปราบโกง ปฏิรูประบบราชการ ปกป้องคนจน
วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า สมาคมจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ กกต. ให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัย กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค.และกรรมการบริหารพรรคหลายคน อาทิ นายปิยบุตร น.ส.พรรณิการ์ ได้เป็นแกนนำในการจัดชุมนุมบริเวณสกายวอล์ก หน้าหอศิลป์ ในวันเสาร์ที่ 14 ธันวา. เวลา 17.00-18.00 น.ที่ผ่านมา มีการปราศรัยกล่าวโจมตีผู้นำประเทศอย่างเปิดเผย พร้อมนำตะโกนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออก อันสะท้อนให้เห็นถึงวิถีทางของการใช้มวลชนกดดันรัฐบาล โดยไม่คำนึงถึงระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาที่พรรคอนาคตใหม่ใช้เป็นธงนำในการป่าวประกาศต่อสาธารณะมาโดยตลอด ในวันพุธที่ 18 ธ.ค.2562 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการ อาคาร B ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กทม.
"นายธนาธร นายปิยบุตร และ น.ส.พรรณิการ์ มิใช่ประชาชนทั่วไป หากแต่เป็นถึงหัวหน้าพรรคการเมืองและเป็นผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมือง เป็น ส.ส. ย่อมรู้ดีว่า พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 มีข้อห้ามไว้เด็ดขาดเพียงใด ซึ่งอาจมีความผิดตาม ม.92 (3) ประกอบ ม.115 ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้ กกต.มีอำนาจไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัย หากพบว่าฝ่าฝืนให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้นได้ และต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น" นายศรีสุวรรณกล่าว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงคดีแฟลชม็อบว่า บช.น.กำลังพิจารณาเรื่องการฝ่าฝืนกฎหมาย พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะอยู่ คดีดังกล่าวไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนดำเนินการไปตามกระบวนการ ตนเพียงแต่รับทราบว่ามีการดำเนินการเรื่องนี้อยู่ หากจะมีความคืบหน้าอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการสอบสวน คงไม่มีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไร
"ข้อหาอื่นๆ ยังไม่ทราบ ไม่ได้กำชับให้ดำเนินการอะไรเป็นพิเศษ แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำตามระบบอยู่แล้ว" รอง ผบ.ตร.กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |