ตั้งรางวัล5หมื่น นำจับฆ่าต่อเนื่อง


เพิ่มเพื่อน    


    ตำรวจภาคอีสานร่วมกองปราบฯ ระดมล่า "สมคิด เดอะ ริปเปอร์" หลังออกจากคุกมาฆ่าหญิงเป็นศพที่ 6 ตั้งรางวัลนำจับ 5 หมื่นบาท ลูกเหยื่อเรียกร้องโทษประหารฆาตกรต่อเนื่อง "สมศักดิ์" รอราชทัณฑ์ชี้แจงสาเหตุปล่อยตัวเร็ว เล็งติดอุปกรณ์อีเอ็มผู้พ้นโทษที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง นายกฯ สั่งยกเครื่องกระบวนการลดหย่อนผ่อนโทษ
    คดีฆ่ารัดคอนางรัศมี มุลิจันทร์ หรือฝ้าย อายุ 51 ปี ที่บ้านพักท้องที่หมู่ 19 ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น โดยญาติและเพื่อนบ้านไปพบศพเมื่อคืนวันอาทิตย์ในสภาพศพถูกห่อด้วยผ้าห่ม ท่อนล่างเปลือย ลำคอถูกพันด้วยสายไฟและเทปใส ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระนวน ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 รวบรวมพยานหลักฐานจนทราบตัวผู้ก่อเหตุคือนายสมคิด พุ่มพวง อายุ 55 ปี ชาว จ.ตรัง ฉายา “คิด เดอะ ริปเปอร์” ที่เคยก่อคดีฆ่าต่อเนื่องมาแล้ว 5 ศพ และเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำ โดยขณะนี้ศาลได้อนุมัติหมายจับในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ห้วงวันอังคารที่ผ่านมา ตำรวจเจ้าของคดี รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง ได้ส่งกำลังออกติดตามแกะรอยนายสมคิดในทุกทาง โดยที่ สภ.กระนวน พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกุล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.ขจรฤทธิ์ วงษ์ราช ผกก.สภ.กระนวน ประชุมตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.กระนวน, ภ.จว.ขอนแก่น, กองปราบปราม และ บก.สส.ภ.4 เพื่อวางแนวทางการติดตามนายสมคิด ฆาตกรต่อเนื่อง
ระดมกำลังล่าฆาตกรต่อเนื่อง
    พล.ต.ต.พุฒิพงศ์กล่าวว่า หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เผยแพร่ภาพคนร้ายออกไป มีการแจ้งเบาะแสมาอย่างต่อเนื่อง โดยแจ้งว่าชาวบ้านเจอตัวบวชเป็นพระที่ตลาดพันดอน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี และพบตัวที่จังหวัดหนองคาย แต่ตรวจสอบแล้วไม่พบเบาะแสหรือตัวคนร้ายแต่อย่างใด ทั้งนี้ จากพยานหลักฐานและพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ ยืนยันชัดเจนว่าคือนายสมคิด พุ่มพวง ซึ่งเคยก่อเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องมาแล้ว 5 ศพ และถูกจำคุกจนได้รับอภัยโทษออกมาเมื่อวันที่ 17 พ.ค.2562 ก่อนจะรู้จักกับผู้ตายผ่านทางเฟซบุ๊ก และเดินทางมาอาศัยอยู่กับผู้ตายเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา  
    "ขณะนี้ทางคดีมีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี มั่นใจว่าจะสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้เร็วๆ นี้" พล.ต.ต.พุฒิพงศ์กล่าว และว่า ขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้นำชุมชน และทางสื่อโซเชียลมีเดียให้ประชาชนทราบและช่วยแจ้งเบาะแสของผู้ก่อเหตุรายนี้ไปยังผู้นำชุมชนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่โดยด่วน เนื่องจากเป็นบุคคลอันตราย ใครพบเห็นให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที และหากใครให้การช่วยเหลือไม่ยอมแจ้งตำรวจ ก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหาให้ที่พักพิงผู้ต้องหาได้รับโทษตามกฎหมายไปด้วย
    ขณะที่ พ.ต.อ.ขจรฤทธิ์ วงษ์ราช ผกก.สภ.กระนวน เปิดเผยว่า นางรัศมีถูกมัดมือ มัดเท้า และรัดคอโดยใช้สายไฟรัดและใช้เทปใสพันทับอีกชั้น ซึ่งสันนิษฐานว่าขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ด้านนิติเวชว่าขาดอากาศหายใจก่อนใช้สายชาร์จโทรศัพท์รัดขา หรือรัดขาก่อนค่อยใช้สายไฟรัดคอจนขาดอากาศหายใจ ก็จะทราบว่าผู้ตายตายตอนยังนอนหลับอยู่หรือตอนรู้สึกตัวปกติ ส่วนเลือดคาดว่าน่าจะเกิดจากการถูกทำร้าย ตบหน้า หรือชกหน้า หลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับตัวคนร้ายขณะนี้ มีเสื้อผ้าที่นายสมคิดสวมใส่ ลายนิ้วมือแฝง และภาพจากกล้องวงจรปิดยืนยันตัวบุคคล นอกจากนี้ พบว่าผู้ต้องหารายนี้ฉลาด ทิ้งโทรศัพท์ให้ตำรวจรู้เลยว่าเป็นใคร เพื่อไม่ให้ตำรวจตามจากโทรศัพท์มือถือได้
    สำหรับสมคิด พุ่มพวง หรือบัง เคยก่อเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อช่วงปี 2548 จำนวน 5 ศพ โดยเฉพาะเดือน มิ.ย.48 เดือนเดียว ก่อเหตุถึง 4 คดี โดยพฤติกรรมของสมคิด คล้ายกับพฤติกรรมของ แจ็ก เดอะ ริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่อง 5 ศพ ฆ่าหญิงโสเภณีในย่านสลัม ไวต์ชาเปล ของลอนดอน ช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน ปี ค.ศ.1888 ทำให้นายสมคิดได้รับฉายา เดอะ ริปเปอร์ เมืองไทยคนแรก ทั้งนี้ นายสมคิดก่อเหตุคดีแรกเมื่อวันที่ 30 ม.ค.48 ฆ่า น.ส.วารุณี พิมพะบุตร นักร้องคาเฟ่ ตายในสภาพถูกมัดและกดน้ำเสียชีวิตภายในห้องพักของโรงแรมใน อ.เมือง จ.มุกดาหาร โดยเหยื่อถูกปลดทรัพย์สินไปเกลี้ยง
    ต่อมาวันที่ 4 มิ.ย.48 นายสมคิดบีบคอฆ่า น.ส.ผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย หมอนวดแผนโบราณ ตายคาโรงแรมใน ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลำปาง จากนั้นวันที่ 11 มิ.ย.48 นายสมคิดฆ่านางพัชรีย์ อมตนิรันดร์ นักร้องคาเฟ่ โดยการรัดคอด้วยสายไฟ ตายในห้องพักโรงแรมชื่อดัง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง และเหยื่อรายต่อมาก่อเหตุซ้ำอีกในวันที่ 18 มิ.ย.48 ฆ่า น.ส.พรตะวัน ปังคะบุตร หมอนวดสาว โดยจับหัวเหยื่อกดน้ำตายในโรงแรม อ.เมือง จ.อุดรธานี และรายล่าสุดฆ่า น.ส.สมปอง พิมพรภิรมย์ อายุ 25 ปี หมอนวดแผนโบราณ เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.48 เมื่อคดีสู่ศาลและถึงที่สุด นายสมคิดถูกจำคุกตลอดชีวิต กระทั่งได้รับพระราชทานอภัยโทษออกจากคุกเมื่อวันที่ 27 พ.ค.62
ตั้งรางวัลนำจับ 5 หมื่น    
    พล.ต.ต.มาโนช สุภาพพูล ผบก.สส.บช.ภ.4 เปิดเผยว่า ขณะนี้การไล่ล่าจับกุมนายสมคิดตามหมายจับของศาล จ.ขอนแก่น ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้ายนั้น จากการทำงานของทางเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภายหลังจากมีการเผยแพร่ภาพของผู้ต้องหาออกไปในทุกช่องทาง เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน และทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลและเบาะแสของคนร้ายมากขึ้น การสืบสวนก็คืบหน้ามากขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ บก.สส.ภ.4 ร่วมกับ สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น ได้ตั้งรางวัลนำจับ จำนวน 50,000 บาท ซึ่งจะมอบให้พลเมืองดีที่แจ้งเบาะแสและที่อยู่อาศัยของคนร้ายจนนำไปสู่การจับกุมตัวได้ ส่วนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยนั้น ขณะนี้ได้กระจายกำลังกันลงไปในพื้นที่หลายจังหวัดขอนภาคอีสานและภาคอื่นๆ เพื่อติดตามร่องรอยของคนร้ายตามที่รับแจ้งอย่างกระชั้นชิด เพื่อจับกุมนายสมคิด ฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ให้ได้โดยเร็ว”
สั่งแจง "สมคิด" พ้นคุกเร็ว
    เมื่อวันจันทร์ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ออกมาชี้แจงว่า นายสมคิด อดีตผู้ต้องขังคดีฆ่าผู้อื่นและลักทรัพย์ รวม 5 คดี ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตทั้ง 5 คดี ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวางตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย.48 ต่อมาได้ขอย้ายกลับภูมิลำเนา มาควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำจังหวัดหนองคาย ขณะที่นายสมคิดถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำ เป็นนักโทษที่มีความประพฤติดี เรียบร้อย จนได้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม และได้รับการลดโทษตามกระบวนการทางกฎหมายเรื่อยมาตามลำดับ จนกระทั่งพ้นโทษเมื่อวันที่ 27 พ.ค.62 
    พ.ต.อ.ณรัชต์กล่าวว่า ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์รับผิดชอบผู้ต้องขังกว่า 370,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งจำนวนนักโทษเกินความจุของเรือนจำที่จะรองรับได้ 3 เท่า จึงทำให้เกิดสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการแก้ไข ปรับปรุง และทำให้เกิดการกระทำผิดซ้ำเมื่อพ้นโทษออกมา อย่างไรก็ตาม กรมราชทัณฑ์จะเร่งทบทวนและเพิ่มมาตรการป้องกันมิให้ผู้กระทำผิดซ้ำในคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และใคร่ขอวิงวอนให้พี่น้องประชาชนอย่าได้เหมารวม หรือปิดโอกาสของผู้พ้นโทษในการกลับตัวเป็นคนดีของสังคม
    ส่วนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนายสมคิดว่า เบื้องต้นยังเร็วเกินไปที่จะสรุปเป็นความผิดพลาดจนต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวน ต้องรอการชี้แจงจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก่อน ซึ่งกลไกการปล่อยตัวนักโทษประเภทโรคจิตและฆาตกรต่อเนื่อง ต้องรายงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกเดือน ดังนั้น จึงต้องดูว่าการปล่อยตัวได้ดำเนินการครบถ้วนตามขั้นตอนหรือไม่ และเห็นว่าจากนี้อาจต้องเพิ่มมาตรการป้องกันเพิ่มขึ้น เช่น การติดอุปกรณ์ EM ผู้กระทำผิดในคดีร้ายแรง เพื่อเป็นระบบติดตาม 
นายกฯ สั่งยกเครื่องลดโทษ
    นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวกรณีนายสมคิดว่า นายสมคิด คนร้ายก่อเหตุฆ่าเหยื่อมา 5 คดี ซึ่งอัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลให้ลงโทษแล้ว คดีทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อปี 2548 คดีแรก ก่อเหตุเมื่อวันที่ 30 ม.ค.2548 ฆาตกรรมชิงทรัพย์ น.ส.วารุณี พิมพะบุตร อายุ 25 ปี นักร้องคาเฟ่ ในห้องพักโรงแรม ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2548 ฆ่า น.ส.ผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย อาชีพหมอนวดแผนโบราณในโรงแรมที่ ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลำปาง คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2548 ฆ่าชิงทรัพย์นางพัชรีย์ อมตนิรันดร์ นักร้องคาเฟ่ ในห้องพักโรงแรม ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2548 ฆ่า น.ส.พรตะวัน ปังคะบุตร หมอนวดแผนโบราณ ที่โรงแรมใน อ.เมืองอุดรธานี คดีที่ 5 เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2548 ฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.สมปอง พิมพรภิรมย์ อาชีพหมอนวดแผน ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์
    นายประยุทธกล่าวว่า จะเห็นว่าในเดือน มิ.ย.2548 เพียงเดือนเดียว นายสมคิดก่อเหตุฆ่าเหยื่อ 4 ศพ ทั้งหมดพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาล 5 คดี ซึ่งผลการพิจารณาคดีของศาลตั้งแต่ชั้นต้นจนถึงชั้นฎีกา ศาลพิพากษาประหารชีวิต แต่เนื่องจากนายสมคิดให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นสอบสวน การพิจารณาเป็นประโยชน์ ศาลลดโทษให้เหลือจำคุกตลอดชีวิตทั้ง 5 คดี
    "เรื่องนี้จึงเป็นประเด็นข้อกฎหมายที่ว่า เมื่อศาลมีคำพิพากษาประหารชีวิตแล้ว สามารถประหารชีวิตได้เพียงครั้งเดียว แต่สุดท้ายเมื่อศาลลดโทษให้เหลือจำคุกตลอดชีวิตทั้ง 5 คดี ซึ่งโทษจำคุกตลอดชีวิตตามกฎหมาย สามารถจำคุกได้ 50 ปี แต่ตามกฎหมายไม่ใช่การนำตัวเลข 50 ปี มาคูณ 5 ซึ่งจะทำให้โทษเป็น 250 ปี แต่กฎหมายให้ลงโทษได้สูงสุด 50 ปีเท่านั้น นับตั้งแต่วันที่นายสมคิดถูกจำคุกครั้งแรกคือวันที่ 29 มิ.ย.2548 และก็ได้รับการลดหย่อนโทษในขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ กระทั่งถูกปล่อยตัวไปเมื่อช่วงเดือน พ.ค.2562 เมื่อปล่อยตัวก็กลับไปก่อเหตุซ้ำอีกตามที่เป็นข่าว"
    นายประยุทธกล่าวยืนยันว่า คดีที่ผ่านมานั้น ทางสำนักงานอัยการสูงสุดได้ดำเนินคดีทุกคดีตามพยานหลักฐานและข้อกฎหมายครบถ้วน ส่วนคดีที่นายสมคิดก่อเหตุขึ้นใหม่ ทางอัยการจะมีแนวทางในการดำเนินคดี เพื่อให้ความมั่นใจกับสังคมและประชาชน โดยในการพิจารณายื่นฟ้อง ทางอัยการจะต้องดูประวัติการกระทำผิด รวมถึงพฤติการณ์เพื่อบรรยายในคำฟ้อง รวมถึงการนำสืบให้ศาลเห็นพฤติการณ์ของจำเลย หากจะต้องมีการดำเนินการฟ้องขอให้ลงโทษเด็ดขาดรุนแรง อัยการก็จะทำหน้าที่ตรงนั้นอย่างสุดความสามารถ โดยตามกฎหมายแล้ว หากมีการกระทำผิดภายในระยะเวลา 5 ปีหลังพ้นโทษ อัยการสามารถฟ้องขอให้ศาลเพิ่มโทษ 1 ใน 3 ได้ แต่หากเป็นข้อเท็จจริงว่าคดีใหม่นี้เป็นคดีฆ่าโดยไตร่ตรองหรือฆ่าชิงทรัพย์ โทษสูงสุดจะประหารชีวิต ก็จะไม่สามารถเพิ่มโทษได้อีก
    ถามว่าในตอนยื่นฟ้อง หากจำเลยรับสารภาพจะขอให้ศาลลงโทษสถานหนักโดยไม่มีการลดโทษได้หรือไม่ นายประยุทธกล่าวว่า เราจะไม่ก้าวล่วงการใช้ดุลพินิจลงโทษของศาล แต่ก็มีหลักกฎหมายอยู่ว่า ถ้าการรับสารภาพของจำเลยหรือผู้ต้องหาไม่ว่าจะเป็นชั้นสอบสวน หรือชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ ศาลก็จะลดโทษให้ แต่ก็มีกฎหมายอีกจุดหนึ่ง ซึ่งตนเชื่อว่าอัยการก็จะต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า การที่จำเลยรับสารภาพนั้นไม่ใช่การสำนึกผิด แต่เป็นเพราะจำนนต่อหลักฐาน ให้ศาลเห็นว่า การกระทำที่ฆาตกรรมต่อเนื่องมา 5 คดี ไม่ได้ทำให้เข็ดหลาบ ที่ผ่านมาการทำหน้าที่ของอัยการ ถ้าเรานำสืบให้ศาลเห็นว่ารับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน ศาลก็จะไม่ยกประโยชน์ แต่ทั้งนี้ต้องดูข้อเท็จจริงในสำนวนคดีด้วย
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า คดีนายสมคิดก่อเหตุฆ่าหญิงเป็นศพที่ 6 รัฐบาลได้ตระหนักและรับทราบ โดยหามาตรการที่รัดกุมเพื่อไม่ให้นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ทำผิดซ้ำ ซึ่งตนได้สั่งการให้กระทรวงยุติธรรมไปหามาตรการที่เหมาะสม การลดหย่อนผ่อนโทษต้องไปพิจารณาใหม่ทั้งหมด เพราะยังเป็นกฎกติกาเดิมๆ ที่มีอยู่ วันนี้เราต้องปรับให้สอดคล้องกับรูปแบบปัจจุบัน ว่าคดีอุกฉกรรจ์ต้องทำอย่างไร รวมถึงต้องไปดูรัฐธรรมนูญและกฎหมายกระบวนการยุติธรรมของโลก เพราะเขาจ้องจับตาตรงนี้อยู่เหมือนกัน ฉะนั้น การแก้ไขอะไรก็ตามก็ต้องไม่กระทบซึ่งกันและกัน ซึ่งกำลังปรึกษาหารือกันอยู่
ลูกเหยื่อขอโทษประหาร
    ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดศรีสว่าง บ้านศรีสุข หมู่ 7 ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพนางรัศมี มุลิจันทร์ และจะมีพิธีฌาปนกิจในบ่ายวันเดียวกัน พบกับนายจักรกฤษณ์ เชือกพรม อายุ 25 ปี บุตรชายของผู้ตาย กล่าวว่า ล่าสุดตำรวจแจ้งว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุฆาตกรรมแม่คือฆาตกรต่อเนื่อง ก็รู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก เพราะกลัวว่าจะไปฆ่าคนอื่นอีกหากตำรวจยังจับตัวไม่ได้
    "ผมขอให้คุณแม่ผมเป็นเหยื่อรายสุดท้ายที่ตายจากน้ำมือของฆาตกรรายนี้ ไม่น่าจะปล่อยให้รอดออกมาก่อเหตุได้อีก เพราะเป็นบุคคลอันตราย ควรได้รับโทษประหารชีวิตเท่านั้น"
    นายจักรกฤษณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม้จะไม่อยู่กับแม่ แต่ก็โทรศัพท์ติดต่อกับแม่มาตลอด โดยเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา แม่ได้โทร.มาหาพร้อมทั้งขอเลขบัตรประชาชน โดยบอกว่ามีแฟนใหม่ และแฟนใหม่จะออกรถเก๋งให้ ซึ่งเกรงว่าเครดิตของแม่จะไม่ผ่าน จึงขอเลขบัตรประชาชนของตนเองเพื่อไปตรวจสอบเครดิต ทั้งยังบอกว่าแฟนใหม่ทำงานเป็นทนายความ เดินทางว่าความและให้คำปรึกษาทางกฎหมายทั่วประเทศ จะมาอยู่ด้วยที่บ้าน ต่อมาวันที่ 14 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันก่อนที่แม่จะถูกฆ่าตาย ได้ทักแช้ตเฟซบุ๊กคุยกันก็ไม่มีลางบอกเหตุอะไร
    เวลาต่อมา นางศิริพร น้อยพินิจ ผู้อำนวยการสำนักงานยุติธรรมจังหวัดขอนแก่น ได้มอบหมายให้นายฟ้าใส ดีรักษา พนักงานคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เข้ามาช่วยเหลือญาติของนางรัศมี ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 เบื้องต้นทางญาติจะได้รับค่าตอบแทนในทางคดี 50,000 บาท ค่าจัดการศพ 20,000 บาท ค่าเลี้ยงดู 40,000 บาท รวมเป็นเงิน 110,000 บาท 
    ในเฟซบุ๊กกองปราบปรามได้โพสต์ข้อความแจ้งเตือนในโลกออนไลน์พร้อมภาพของนายสมคิด และจักรยานยนต์ที่คาดว่าน่าจะใช้ในการหลบหนี ระบุข้อความว่า “หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสนายสมคิด พุ่มพวง อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาในเหตุฆาตกรรมหญิงสาวอายุ 51 ปี ที่ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เมื่อ 15 ธ.ค.62 สังเกตที่คิ้วซ้ายจะมีรอยบาก แจ้งกองบังคับการปราบปรามได้ที่ Facebook: กองปราบปราม, Twitter: @CSDThailand, Instagram: csdpolice, Email: [email protected] โทร.1195
    จ.หนองคาย ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย และศุลกากรหนองคาย ตรวจเข้มทั้งรถและบุคคลที่ผ่านเข้า-ออกด่านพรมแดน รวมทั้งติดรูปถ่ายและหมายจับของนายสมคิดไว้ประจำตู้จุดตรวจ นอกจากนี้ยังสืบสวนหาข่าวตามจุดจอดเรือประเพณีและจุดผ่อนปรนไทย-สปป.ลาว เพื่อป้องกันผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สภ.เมืองหนองคาย ได้ตรวจสอบประวัติของนายสมคิด พบว่าไม่เคยมีภูมิลำเนาอยู่ที่หนองคาย ส่วนกรณีมีข้อมูลการขอย้ายนายสมคิดจากเรือนจำบางขวางมาเรือนจำจังหวัดหนองคาย เพื่อสะดวกต่อญาติมาเยี่ยม แต่จากการสอบถามไปยังเรือนจำจังหวัดหนองคายแล้ว ทราบว่าตลอดระยะเวลาที่นายสมคิดถูกคุมขังไม่เคยมีญาติมาเยี่ยมเลย
    มีรายงานว่า ตลอดทั้งวันอังคาร ตำรวจ สภ.เมืองหนองคายออกลาดตระเวนทั่วเมืองหนองคายหลายรอบ เนื่องจากมีประชาชนพลเมืองดีแจ้งเบาะแสพบบุคคลต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นนายสมคิด ฆาตกรต่อเนื่อง เดินป้วนเปี้ยนตามที่ต่างๆ บ้างก็ว่าโบกรถขอไปด้วย หรือไปเดินอยู่แล้วสถานีรถไฟ แต่ตรวจสอบแล้วไร้เบาะแส
    พ.ต.อ.อดุลย์ ชัยประสิทธิ์กุล รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ อดีตนายตำรวจที่เคยจับกุมตัวนายสมคิด พุ่มพวง ในคดีฆ่าหญิงสาวพนักงานร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ในแมนชั่นพื้นที่ ต.ชุมเห็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า ขอฝากเตือนไปยังสถานบริการต่างๆ หากพบเห็นนายสมคิด พุ่มพวง ผู้ต้องหาที่กำลังตกเป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที เนื่องจากเป็นฆาตกรที่มีพฤติกรรมโหดเหี้ยม ชอบฆ่าเหยื่อโดยการรัดคอ ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่ล้วนเป็นหญิงสาวที่ทำงานในสถานบริการต่างๆ ทั้งนักร้องคาเฟ่ ร้านคาราโอเกะ และหมอนวดแผนโบราณ เป็นต้น
    ที่จังหวัดตรัง มีกระแสข่าวสะพัดว่านายสมคิดได้ย้อนกลับไปซ่อนตัวยังบ้านที่เคยอาศัยแต่เด็ก พื้นที่หมู่ที่ 2 ต.เขาปูน อ.ห้วยยอด แต่ตำรวจเข้าตรวจสอบแล้วไม่พบใคร โดยประตูบ้านปิดใส่กุญแจ ทราบว่าเป็นบ้านของนางรี หรือเอียด ไพลิน น้องของแม่เลี้ยงนายสมคิด ซึ่งนายธวัช แก่นจันทน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางกรมราชทัณฑ์ได้แจ้งมายังตนว่า นายสมคิด หรือแดง พุ่มพวง มีความประสงค์ว่าหลังออกจากคุกจะมาพักที่นี่ แต่เมื่อตนเองมาแจ้งให้นางรีทราบ นางรีบอกว่าหากนายสมคิดจะกลับมาอยู่ที่นี่ ตนเองคงรับไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้เป็นอะไรกัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"