17ธ.ค.62- น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีการประชุมวิสามัญของพรรคในวานนี้ (16ธ.ค.) มีมติ 250 ต่อ 5 เสียง ให้ขับส.ส. 4 คน คือ 1.น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ 2.นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี 3.พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี และ 4.น.ส.กวินนาท ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี เนื่องจากมีประพฤติกรรมสวนทางอุดมการณ์พรรค ว่า ตามข้อบังคับของพรรคที่ระบุเอาไว้ การขับส.ส.ออกจากพรรค จะไม่ใช่มติของที่ประชุมวิสามัญ แต่จะเป็นมติของกรรมการบริหารร่วมกับที่ประชุมส.ส. เพื่อมีมติเสียงส่วนมากเพื่อขับส.ส.ออกจากพรรค ส่วนที่ประชุมวานนี้ถือเป็นตัวตั้งเรื่องนี้เท่านั้น เพราะที่ผ่านมามีปัญหากันเยอะ จึงส่งเรื่องร้องเรียนเข้ามาหลายเดือนนับตั้งแต่เริ่มมีการโหวตสวนมติพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนโยบายกมธ.วิสามัญ การศึกษาผลกระทบมาตรา 44 ซึ่งในวันนี้จะมีผลสรุปจากการประชุมกรรมการบริหารและส.ส. อย่างเป็นทางการว่าขับส.ส. ทั้ง 4 ออกจากพรรค จากนั้นทางพรรคจะมีหนังสือไปยังส.ส. และแจ้งไปยังคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.)
เมื่อถามว่าการขับส.ส.ในครั้งนี้ ถือเป็นบรรทัดฐานในการทำงานของพรรคอนาคตใหม่ด้วยหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราพยายามทำตามกฎระเบียบของพรรคมากที่สุด แต่เมื่อมีการโหวตสวนมติพรรคเกิดขึ้น เราให้คณะกรรมการวินัยตั้งสอบเรื่องการโหวตสวนมติพรรค และการนำความลับของที่ประชุมไปเปิดเผย และให้สัมภาษณ์ทำให้เพื่อนสมาชิกและพรรคเสื่อมชื่อเสียง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้นำไปสู่การภาคทัณฑ์ในครั้งแรก แต่ก็ยังมีการกระทำผิดซ้ำ ดังนั้นการทำผิดครั้งที่ 2 จึงต้องมีมาตรการเพิ่มขึ้นและนำมาซึ่งการขับออกจากพรรค และนี่คือขั้นตอนตามระเบียบข้อบังคับของพรรค ไม่ใช่การตัดสินใจของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
“การที่ส.ส.โหวตสวนมติพรรค แล้วเราจะขับออกจากพรรคคงไม่ใช่ เพราะเราอภิบายเสมอว่าก่อนจะโหวตแต่ละครั้ง ที่ประชุมส.ส.จะคุยกันก่อน เพื่อนำไปสู่ข้อสรุป และบางครั้งส.ส.บางท่านขอสงวนสิทธิ เช่น กมธ.เรื่องความหลากหลายทางเพศ แต่ส.ส.บางคนมีข้อจำกัดทางศาสนา ก็ของสงวนสิทธิ ทางพรรคก็เข้าใจ ไม่มีการลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น แต่ในกรณีการขับ 4 ส.ส. ออก คือ การโหวตสวนมติพรรค โดยเฉพาะนโยบายที่พรรคหาเสียง คือ การล้างมรดก คสช. ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาชนเลือกคุณมา ดังนั้นถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรง” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวถึงการคำนวนคะแนนเสียงเมื่อขับ 4 ส.ส.ออกไป ว่า เราคำนวณทิศทางที่จะเป็นไปได้ ซึ่งมี 2 ทาง ว่า กกต.จะตีความยังไง ซึ่ง 4 คน เป็นส.ส.เขต รวมคะแนนประมาณ 1.6 แสนคะแนน 1.คะแนนดังกล่าวยังเป็นของพรรค รวมเป็น 6.2 ล้านคะแนน ส.ส.พึงมีจะเป็น 81 คน ส่วนส.ส. มี 80 คนขับออกไป 4 คน เหลือ 76 คน จึงต้องมีปาร์ตี้ลิสต์ให้ครบ 81 คน โดยไปตัดปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคอื่นออก เพราะส.ส.ในสภาต้องมีแค่ 500 คน แต่กรณีที่กกต.ตีความว่า คะแนนไปกับส.ส. ด้วย เราก็ยังมีส.ส.พึงมี 78 ที่นั่ง เราจะหายไป 2 เสียงเรื่องนี้เมื่อเทียบกับบรรทัดฐานที่พรรคต้องดำเนินการ ก็ถือว่าคุ้มค่า
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า เรื่องที่ต้องจับตาคือ พรรคใดที่รับส.ส.เหล่านี้ไป ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง ว่าที่ผ่านมามีแต่คนพูดว่า ให้กล้วยรับกล้วย แต่คราวนี้จะได้ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญคือ อุดมการณ์ของพรรค ซึ่งหากเสียงที่มีอยู่ไม่ได้เป็นไปตามอุดมการณ์ของพรรค เราก็ไม่จำเป็นต้องรักษาเสียงเหล่านั้นไว้
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |