“ประยุทธ์” ลั่นพยายามสร้างชาติอย่าทำลาย เด็ก พปชร.พาเหรดถล่ม “ธนาธร” ใช้เรื่องส่วนตัวทำประเทศเสียหาย “หมอวรงค์” ผวาซ้ำรอยเผาเมืองหลังปลุกแก้ด้วยเลือด “ภูมิธรรม” โหนแฟลชม็อบให้นายกฯ ลาออก ตำรวจถกเครียดจัดหนักแกนนำ “สนธิญา” ยื่นฟ้อง 3 ข้อหาทั้ง “ทอน-ปิยบุตร-ช่อ-พิธา” ผู้จัดวิ่งไล่ลุงย้ำกิจกรรม 12 ม.ค.ยังเดินหน้าไม่เลิก-เลื่อน “เลขาฯ อนค.” ขู่ฟ้องอาญา กกต.มาตรา 157 ซัดเร่งรัดคดียุบพรรค ยกกรณี ปชป.รับเงินบริจาคทีพีไอบีบศาลยกคำร้อง “ทอน" รับมีพรรคสำรองไว้กรณีส้มหวานถูกยุบแล้ว
เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) ได้กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างเป็นประธานเปิดโครงการเสริมสร้างการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ว่า การแก้ปัญหาอะไรก็ตามขึ้นอยู่คนไทยทุกคน ซึ่งทุกคนมีศักยภาพ มีอุดมการณ์ รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรักครอบครัวเราเอง สิ่งเหล่านี้ลืมไปหรือไม่ ถ้าลืมต้องดึงกลับมา จะทำให้บ้านเมืองของเราปลอดภัยและสงบสุข
“ผมเข้าใจว่าไม่มีใครชอบให้บังคับใช้กฎหมาย ผมก็ไม่ชอบ แต่อยากให้เข้าใจว่ารัฐบาลมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้นอย่ามองว่ารัฐบาลบังคับใช้เพียงอย่างเดียว รัฐบาลเพียงแต่ให้แต่ละหน่วยงานนำกฎหมายมาพิจารณาและบังคับใช้อย่างระมัดระวัง จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเข้าใจและจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีความสุข มีความปลอดภัย ซึ่งรัฐธรรมนูญเป็นกรอบกว้างๆ แต่ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย รวมทั้งพระราชบัญญัติต่างๆ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความสงบสุขในแผ่นดินผืนนี้ ดังนั้นขอให้ทุกคนทำความเข้าใจให้ชัดเจนด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีช่วงนี้พูดเน้นเรื่องความรักความสามัคคีอยู่บ่อยครั้งว่า “ฉันพยายามสร้าง พวกเธอก็อย่าทำลายแล้วกัน”
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ปฏิเสธแสดงความเห็นการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ว่าต้องไปถามนายธนาธร เพราะเขาเป็นคนดำเนินการ อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะดูแลงานด้านความมั่นคง แต่ขณะนี้ทุกคนก็ยังปลอดภัยอยู่ ในส่วนของนายธนาธรเขาไปดำเนินการอะไรก็เรื่องของเขา หน่วยงานความมั่นคงก็ไม่ได้ประเมินการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบแต่อย่างใด
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ขณะนี้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศเริ่มไม่สบายใจที่นายธนาธรประกาศนำม็อบลงถนนในเดือน ม.ค.63 เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มองว่าบ้านเมืองสงบสุขแล้ว ประเทศกำลังเดินหน้า ไม่อยากเห็นประเทศหวนกลับไปสู่ความขัดแย้งอีก จึงอยากวิงวอนพี่น้องประชาชนว่าอย่าตกเป็นเหยื่อของพรรคอนาคตใหม่ เพราะสิ่งที่นายธนาธรใช้ปลุกปั่นพี่น้องประชาชนให้ออกมาชุมนุมนั้นเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนกับความเป็นจริง วันนี้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยแล้ว รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งไม่มีการสืบทอดอำนาจ ไม่มี คสช.แล้ว อย่าพยายามให้ข้อมูลเท็จแก่พี่น้องประชาชน
เตือนธนาธรใช้สติ
“บ้านเมืองกำลังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก รัฐบาลกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อประคองเศรษฐกิจให้เดินหน้าไปได้ หากนายธนาธรปลุกม็อบลงถนนจะก่อให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจขึ้นใหม่ทันที ขอให้เห็นแก่ประเทศชาติและประชาชน อย่าทำด้วยความสะใจ ขอให้นายธนาธรใช้สติ อย่าใช้อารมณ์หรือยึดประโยชน์ส่วนตัวในการปลุกระดมชาวบ้าน เพราะสุดท้ายแล้วความเสียหายจะตกอยู่กับพี่น้องประชาชน ไม่อยากเห็นความขัดแย้งอีก อยากให้ใช้เวทีสภาในการแก้ปัญหาต่างๆ มากกว่า วันนี้ประเทศบอบช้ำมามากแล้ว อย่าซ้ำเติมประเทศมากไปกว่านี้อีกเลย” นายธนกรกล่าว
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า การชุมนุมที่สกายวอล์กเห็นได้ชัดว่าเป็นการจัดกิจกรรมชุมนุมที่เกิดจากเหตุที่ กกต.มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปมเงินกู้ 191 ล้านบาทที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่ากิจกรรมชุมนุมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของพรรคตนเอง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อนค.ควรหยุดสื่อสารกับสังคมแบบบิดเบือนว่าการยุบพรรคเกิดจากผู้อื่น เพราะเรื่องเงินกู้ซึ่งอาจทำให้พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบนั้น เกิดจากการกระทำของพรรคอนาคตใหม่เองทั้งสิ้น
ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ลาออกเถิดครับ” โดยระบุถึงผลงานของรัฐบาล คสช.นับตั้งแต่เข้ามารับผิดชอบบริหารประเทศจนถึงปัจจุบัน ว่านอกจากไม่เกิดผลงานแล้วยังสร้างความขัดแย้ง ทำลายหลักการประชาธิปไตยจนแทบไม่เหลือมาตรฐานทางการเมือง หลักการแห่งความยุติธรรม แปลงร่างเป็นหลักกูและพวกพ้องอย่างไม่รู้สึกอับอาย พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามกลับถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น จนแทบจะขยับตัวทำอะไรไม่ได้ มิหนำซ้ำยังถูกตัดสินเอาผิด จนอาจนำไปสู่ข้อกล่าวหาถึงขั้นยุบพรรค
“การแสดงออกของประชาชนในปรากฏการณ์สกายวอล์กที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. คือความพร้อมเพรียงของความรู้สึกเบื่อหน่ายถึงขั้นทนไม่ได้อีก ลาออกเถอะครับ ท่านนายกฯ การยื้อยุดไปเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ประเทศชาติเสียหายและประชาชนหมดศรัทธา ผู้นำที่เข้าใจสถานการณ์และปรับตัวได้เร็วยังจะพอมีที่ยืนในประวัติศาสตร์แห่งอนาคตนะครับ” นายภูมิธรรมระบุ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวเช่นกันว่า ไม่แน่ใจว่าใครเป็นกุนซือให้คำแนะนำ พล.อ.ประยุทธ์สวมเชิ้ตขาวลงพื้นที่ถนนคนเดินเยาวราชสู้กับแฟลชม็อบไล่ลุงสกายวอล์ก เพราะปกติวันเสาร์-อาทิตย์เป็นวันหยุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ทำงาน แต่เมื่ออดรนทนไม่ได้ออกมาเดินวัดเรตติงแข่งกับเขา ถ้ามีคนไปร้องบ้างว่าเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะจะตอบอย่างไร
หวั่นซ้ำรอยเผาเลย
ส่วน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อคำว่าเลือดกับเผา ระบุว่า "ก่อนหน้านี้เคยมีการชุมนุมเกิดขึ้น แกนนำได้ประกาศบนเวที เรื่องเผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง สุดท้ายกรุงเทพฯ ก็เป็นทะเลเพลิง รวมทั้งเผาศาลากลางอีกหลายแห่ง ล่าสุดเราเริ่มได้ยินคำว่าแก้ด้วยเลือด ซึ่งคำคำนี้ไม่ควรหลุดออกมาจากปากคนที่จะนำมวลชน มันสะท้อนถึงความรุนแรงที่อยู่ภายใต้จิตสำนึก ซึ่งคนที่เดือดร้อนที่สุดคือประชาชน เพราะเลือดนั้นไม่ใช่เลือดของแกนนำ แต่มักเป็นเลือดของประชาชน
เราต้องเรียกร้องความสงบสุข ปราศจากความรุนแรง บ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว เรามีสภาที่ใช้แก้ปัญหาประเทศ เรามีการเลือกตั้งที่ทุกประเทศยอมรับ อย่าปล่อยให้คนที่หลักไม่อยู่กับร่องกับรอย มีความผิดและเรียกร้องประชาชนให้มาปกป้องความผิดตนเอง ปราบลัทธิชังชาติด้วยความจริง หยุดคำว่าแก้ด้วยเลือด" นพ.วรงค์ระบุ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กเช่นกันว่า "อ่านข่าวคุณธนาธรไปปราศรัยที่ จ.ยโสธร เมื่อ 15 ธ.ค.พูดเรื่องที่ดินใน 20 จังหวัดภาคอีสาน พูดถึงเรื่องคนจนถูกขับไล่ออกจากที่ดินทำกิน และเสนอแนวทางแก้ปัญหาที่ดินให้กับคนจน ซึ่งคุณธนาธรน่าจะพูดไปน้ำตาคลอไปสงสารคนจน แต่ก่อนหน้านี้มีข่าวแม่ของคุณธนาธรครอบครองที่ดินของรัฐประมาณ 300 ไร่ ที่จังหวัดราชบุรี ตอนนี้อธิบดีกรมป่าไม้บอกว่าแม่คุณธนาธรคืนที่ดินทั้ง 300 ไร่ให้แก่รัฐแล้ว ข่าวทั้ง 2 เรื่องนี้ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง จึงไม่อยากเห็นคนรวยพูดแล้วคนจนต้องหลั่งน้ำตาอีกต่อไป"
ขณะที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น.เป็นประธานประชุมคณะพนักงานสอบสวน กรณีนายธนาธรเป็นแกนนำเชิญชวนประชาชนรวมตัวกันร่วมกิจกรรมแฟลชม็อบบนสกายวอล์ก โดยไม่ได้ขออนุญาตการชุมนุมในที่สาธารณะต่อ สน.ปทุมวันก่อนการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง
มีรายงานว่า พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย ผกก.สน.ปทุมวัน ได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ก่อนหน้านี้รวม 3 ข้อหา คือ ร่วมกันชุมนุมในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และใช้เครื่องกระจายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานว่าจะดำเนินคดีทั้งหมดกี่คน
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวย้ำว่า การชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ไม่ได้มีการขอนุญาต ส่วนจะเข้าข่ายความผิดข้อใดต้องให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ในเรื่องนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.เป็นผู้ดูแล
ด้านนายสนธิญา สวัสดี สมาชิกพรรค พปชร.เดินทางเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับนายธนาธร, นายปิยบุตร, น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค. และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.พรรค อนค. กรณีเป็นแกนนำจัดชุมนุมแฟลชม็อบที่สกายวอล์กใน 3 ข้อหา คือ ละเมิดสถาบันตามมาตรา 6 ความผิดตามมาตรา 116 เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินและความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ซึ่งไม่ได้ขออนุญาตการชุมนุม และการชุมนุมต้องอยู่ห่างจากพระราชวังไม่ต่ำกว่า 150 เมตร
“แม้การชุมนุมเป็นสิทธิของคนไทยที่ทำได้ แต่ต้องไม่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้มีปัญหามาจากรัฐบาล แต่มาจากพรรคเอง และพรรคอนาคตใหม่เคยโจมตีรัฐธรรมนูญและไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ แต่กลับอ้างว่าใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ” นายสนธิญาระบุ
ยันมีวิ่งไล่ลุงแน่
ขณะเดียวกันที่ลานโพธิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายธนวัฒน์ วงค์ไชย ผู้จัดงานวิ่งไล่ลุง กล่าวว่า ตนขอตั้งคำถามไปยังผู้มีอำนาจว่าเหตุใดถึงถูกยกเลิกการแถลงข่าวถึง 2 ครั้ง สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าประเทศไทยปกครองด้วยระบอบเผด็จการซ่อนรูปโดยมีประชาธิปไตยบังหน้า และขอยืนยันว่างานวิ่งครั้งนี้ไม่ใช่ม็อบและสามารถจัดได้ตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐกำหนดไว้ ส่วนของ พ.ร.บ.ชุมนุมนั้นระบุว่างานมหรสพ งานกีฬาไม่จำเป็นต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ แต่เราได้ขออนุญาตการใช้เส้นทางวิ่งกับตำรวจไปแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ผ่านไป 2 สัปดาห์ก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงอยากถามว่าเป็นงานนี้เพียงงานเดียวหรือไม่ที่ถูกจับตาจากผู้มีอำนาจ ทั้งที่งานเดินตามลุงหรืองานวิ่งเพื่อแผ่นดินก็เป็นงานการเมืองเช่นกัน
“ยืนยันว่าต้องจัดงานนี้และต้องมีขึ้นในวันที่ 12 มกราคม 2563 เพราะถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และยืนยันว่างานนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองหรือนักการเมืองคนใด เพราะเงินที่จัดงานทุกบาทเกิดจากการสนับสนุนของนิสิต นักศึกษา และโลกออนไลน์ รวมไปถึงเงินที่ขายของที่ระลึกในงานที่ได้จากประชาชน” นายธนวัฒน์กล่าวและว่า ได้ส่งบัตรเชิญไปยังพรรคการเมืองทุกพรรค รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร เพื่อให้มาฟังเสียงของประชาชนที่ท่านไม่เคยได้ยิน โดยกลุ่มตั้งเป้าว่าจะมีผู้มาร่วมกิจกรรม 2 พันคน ขณะเดียวกันในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศก็จะมาวิ่งด้วยเช่นเดียวกัน
นายธนวัฒน์กล่าวอีกว่ายังมีกิจกรรมพิเศษสำหรับผู้ที่เคยชุมนุมกับ กปปส. โดยหากมีภาพถ่ายที่มีสัญลักษณ์กับ กปปส.ทั้งนกหวีดและธงชาติ สามารถนำมาโชว์ได้ที่งานและจะได้รับเหรียญปราบกบฏทันที ส่วนข้อเรียกร้องในการวิ่งไล่ลุงครั้งนี้มี 3 เรื่อง คือ 1.เรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่ขอให้รัฐบาลทำตามสัญญาที่เคยหาเสียงไว้ในเวลา 3 เดือน 2.ขอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามประชาธิปไตย และ 3.ขอให้หยุดใช้อำนาจเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องและหยุดรังแกผู้ที่เห็นต่าง ซึ่งข้อ 2-3 ขอให้รัฐบาลดำเนินการทำทันที หากรัฐบาลไม่ดำเนินการทางกลุ่มจะยกระดับกิจกรรมให้มากกว่าการวิ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ผู้จัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงได้แจ้งต่อสื่อมวลชนว่าจะมีการแถลงข่าวที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ แต่ได้รับแจ้งว่ายกเลิกและมาแถลงข่าวที่ลานโพธิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แทน โดยนายธนวัฒน์อ้างว่า เมื่อคืนวันที่ 15 ธ.ค.โรงแรมถูกกดดันอย่างหนักจากผู้มีอำนาจ ไม่ให้ใช้สถานที่จัดแถลงข่าวงานดังกล่าว ซึ่งกิจกรรมวิ่งไล่ลุงถูกขัดขวางไม่ให้แถลงข่าวมาแล้ว 2 ครั้ง ในระหว่างการแถลงข่าวก็มีตำรวจนอกเครื่องแบบมาสังเกตการณ์ด้วย
ขณะที่เฟซบุ๊ก ฟอร์ด เส้นทางสีแดง ของนายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ กลุ่มคนเสื้อแดง โพสต์เฟชบุ๊กว่า "ขอเชิญประชาชนชาวไทยเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ด้วยการบอกต่อ แชร์ และนัดหมายให้ออกมาแสดงออกถึงความรู้สึกของท่านต่อเหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน โดยตนเองและเพื่อนๆ จะเข้าร่วมกิจกรรมด้วย ในฐานะประชาชนที่ไม่มีสีเสื้อ พบกันเช้าตรู่วันที่ 12 ม.ค.บนถนนราชดำเนิน"
ยกกรณี ปชป.เทียบ
สำหรับความคืบหน้าคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค อนค.กรณีการกู้ยืมเงินจากนายธนาธร 191 ล้านบาทนั้น นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อนค.แถลงว่า พรรคเตรียมยื่นฟ้องคดีอาญาต่อ กกต. ตามมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยจะยื่นภายในสัปดาห์นี้ เพราะ กกต.เร่งรัดการไต่สวนเพื่อรีบส่งศาล เพราะตามขั้นตอน กกต.ต้องไต่สวนจากผู้ถูกกล่าวหาและทำคำชี้แจงพร้อมพยานหลักฐาน จากนั้นเลขาธิการ กกต.เสนอสำนวนให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยเพื่อเสนอความเห็นต่อ กกต.ก่อนจะมีมติฟ้องหรือไม่ฟ้อง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรค อนค.มีเพียงขั้นตอนการสืบสวนไต่สวน และเข้าสู่กระบวนการมีมติสั่งฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญทันที ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีการส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์หลังพบว่ามีการกู้เงิน และศาลได้มีคำวินิจฉัยยกคำร้องเหตุเพราะ กกต.ไม่ได้ทำตามกระบวนการขั้นตอนที่กำหนดไว้
“ขอเรียกร้องให้ กกต.อย่าโกหกตัวเอง แม้จะมีความเคลือบแคลงสงสัยจากประชาชน และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการที่ไม่เห็นชอบกับการทำงานของ กกต.ออกมาเปิดเผยข้อมูลให้สังคมรับทราบด้วย”
ขณะเดียวกันเพจพรรคอนาคตใหม่ได้โพสต์ในเรื่องเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวางบรรทัดฐานไว้ในคำวินิจฉัยที่ 15/2553 คดีทีพีไอโพลีนบริจาค 258 ล้านให้พรรคประชาธิปัตย์ ว่าเป็นกรณีที่ต้องยกคำร้องเพราะ กกต.ดำเนินการไม่ครบกระบวนการ งานนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าคดีเงินกู้พรรคอนาคตใหม่จะออกมาเป็นอย่างไร
ด้านนายธนาธรกล่าวเรื่องนี้ว่า เอาจริงๆ มีใครไม่คิดบ้าง แค่ไม่ช้าก็เร็ว ในคดีใดคดีหนึ่งก็ต้องยุบพรรค ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใจ แต่อยากบอกพ่อแม่พี่น้องประชาชนยืนยันในคำมั่นสัญญาที่เคยให้ ว่าเราจะสู้จนถึงที่สุดเพื่อให้ได้ประชาธิปไตยกลับมา ดังนั้นสู้ต่อแน่นอน
เมื่อถามถึงแผนสำรองหากมีการยุบพรรค นายธนาธรกล่าวว่าไม่มีอะไรมาก แค่เปลี่ยนบ้านใหม่ ซึ่งต้องมีพรรคสำรองไว้ แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนเราพร้อมจะสู้ต่อแน่ๆ เราหนักแน่นในจุดยืนที่จะต่อต้านการสืบอำนาจของ คสช.ต่อไป
ด้านนายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรค อนค.กล่าวถึงแผนรับมือหากถูกยุบพรรคว่า เรามองทางออกไว้หลายทางอยู่ และคุยกันเรื่องการไปอยู่พรรคสำรองซึ่งก็เหมือนหลายพรรค เราก็ประชุมใหญ่ เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนกรรมการบริหาร และกำหนดนโยบายให้สอดรับกับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งกฎหมายอนุญาตในส่วนนี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |