เมื่อคิมขี่ม้าขาวขึ้นภูเขาศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ย่อมหมายถึงการเตรียมการเพื่อจะก่อเหตุให้มะกันเกรงขาม
คิม จองอึน เพิ่งประกาศว่าเกาหลีเหนือได้ทดลองอาวุธ “ครั้งสำคัญยิ่ง” เป็นครั้งที่สองในไม่ถึงสองสัปดาห์
หลังจากที่สัญญาว่าจะส่ง “ของขวัญคริสต์มาส” ให้กับสหรัฐ โดยที่ให้วอชิงตันเป็นคนเลือกด้วยซ้ำไป
คิมกำลังจะบอกทรัมป์ว่าแม้จะเคยพบกันมาแล้ว 3 ครั้ง และเคยกล่าววาจาภาษาดอกไม้ให้แก่กันบ่อยๆ แต่ท้ายที่สุดถ้อยคำที่ส่งให้วันนี้คือ
เราคงรักกันไม่ได้เสียแล้ว
เพราะคิมบอกว่าทรัมป์ไม่รักษาคำพูด ไม่ยอมเลิกการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจดั่งที่ได้รับปากไว้
คนของทรัมป์ก็ยืนยันว่าเปียงยางต่างหากที่เบี้ยวข้อตกลง ไม่ยอมมีแผนที่นำทางบอกว่าจะเลิกโครงการนิวเคลียร์เมื่อไหร่, อย่างไร
และที่สำคัญคือ จะตรวจสอบอย่างไรให้แน่ใจว่าเกาหลีเหนือทำจริงอย่างที่บอกว่าจะทำ
ความร้าวฉานระหว่างสองประเทศนี้จึงกลับมาสู่ที่เดิม
นั่นคือการข่มขู่จะทำลายล้างกันและกัน และจะกดดันอีกฝ่ายหนึ่งจนถึงที่สุด
ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา เกาหลีเหนือได้ทดลองขีปนาวุธพิสัยใกล้และกลางมาแล้ว 13 ครั้ง
เท่ากับว่ามีการท้าทายสหรัฐอย่างน้อยเดือนละครั้ง
หมายความว่าคิมไม่ได้มีความเกรงกลัวคำขู่ของสหรัฐเลยแม้แต่น้อย
นั่นย่อมแปลว่าการพบปะระหว่างสองผู้นำสามครั้งที่ผ่านมาไม่ได้มีผลทางปฏิบัติเลยแม้แต่น้อย
วันก่อน ผมคุยกับอดีตเจ้าหน้าที่ CIA ที่เพิ่งเกษียณจากตำแหน่งหัวหน้าหน่วยที่ทำหน้าที่ประสานงานกับเกาหลีเหนือของสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ
เขาบอกว่าคงเป็นเรื่องยากที่สองประเทศจะตกลงกันได้
เหตุเป็นเพราะทั้งทรัมป์และคิมไม่ได้สนใจความคาดหวังจากการทูตระหว่างประเทศ
หากแต่ทั้งสองมีเป้าหมายหลักอยู่ที่การเมืองในประเทศ ซึ่งทำให้ยากที่แต่ละฝ่ายจะยอมประนีประนอม
ทรัมป์ต้องการจะชนะเลือกตั้งครั้งใหม่ในปลายปีหน้า ดังนั้นทุกอย่างสำหรับทรัมป์ รวมถึงประเด็นการเจรจากับเกาหลีเหนือนั้นก็มุ่งที่จะให้ฐานเสียงของตนในอเมริการู้สึกว่าเขาสามารถกดดันให้คิมยอมเขาได้
ทรัมป์รู้ว่าหากตนเองตัดสินใจอะไรที่ถูกมองว่าไม่แข็งกร้าวกับเกาหลีเหนือพอก็จะถูกมองว่าอ่อนแอเกินกว่าที่จะเป็นผู้นำของโลก
Make America Great Again! คือคำขวัญที่ผู้สนับสนุนทรัมป์เชื่อว่าเป็นสิ่งที่เขาจะสามารถทำให้เห็นทั้งในบ้าน (สู้กับนักการเมืองฝ่ายพรรคเดโมแครต) และต่างประเทศ (ฟาดฟันกับจีนและเกาหลีเหนือ) อย่างเด่นชัด
ส่วนคิมนั้นก็ไม่อาจจะทำให้คนเกาหลีเหนือเห็นว่าตนเอาทรัมป์ไม่อยู่ เพราะผู้นำอย่างคิมได้พร่ำบอกกับประชาชนของตนตลอดว่าเขาไม่มีวันยอมก้มหัวให้กับศัตรูอย่างอเมริกาได้เป็นอันขาด
ถ้าทรัมป์ไม่ผ่อนคลายการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือ คิมจะเอาอะไรไปบอกกับประชาชนของตนว่าเขาสามารถจะทำให้อเมริกายอมโอนอ่อนผ่อนตามตนแล้ว
ผมถามอดีตซีไอเอคนนี้ว่า ไหนว่าทรัมป์บอกว่าจีนจะช่วยพูดกับเกาหลีเหนือไง?
เขาตอบว่า “ยาก...จีนไม่ใช่ honest broker เพราะจีนคงไม่อยากให้เกาหลีเหนือสนิทสนมกับสหรัฐ ถ้าคุณเป็นจีน คุณจะอยากให้เพื่อนบ้านอย่างเกาหลีเหนือคุณมีความใกล้ชิดสนิทชิดเชื้อกับสหรัฐที่เป็นศัตรูและคู่แข่งอันดับหนึ่งของโลกกระนั้นหรือ”
อดีตซีไอเอคนนี้เคยเป็นเกาหลีเหนือพร้อมกับรัฐมนตรีต่างประเทศไมค์ ปอมเปโอ มาแล้วสามครั้ง สัมผัสมือกับคิมและสังเกตทุกอิริยาบถของผู้นำเกาหลีเหนือคนนี้มาแล้ว
“คิม จองอึน ไม่ธรรมดา อายุแค่ 30 เศษๆ ขณะที่ทรัมป์อายุ 73 แต่ผมเฝ้าดูสไตล์ของคิมตอนที่เจอทรัมป์มาแล้วหลายรอบ คิมนิ่งมาก มือไม้ไม่สั่น พูดจาคล่องแคล่ว...”
อดีตซีไอเอคนนี้เล่าให้ฟังว่า
พอคิมเจอทรัมป์ครั้งแรก ก็เกริ่นว่า
“เห็นว่าท่านประธานาธิบดีสามารถอ่านคนออกได้เพียงแค่เจอหน้ากันหนึ่งนาทีใช่ไหมครับ”
ทรัมป์ตอบ “ใช่...ความจริงเจอกันแค่ 30 วินาที ผมก็อ่านทะลุแล้ว”
คิมพูดต่อทันที “งั้น ท่านอ่านผมออกไหม”
ทรัมป์บอกว่า “แน่นอน ท่านเป็นคนเก่ง, ฉลาด, มีความรู้ความสามารถสุดยอด”
คิมถามต่อ “ท่านคิดว่าผมน่าไว้วางใจไหม”
ทรัมป์สวนทันควัน “แน่นอน ผมไว้วางใจท่านเต็มที่”
ว่าแล้วคิมก็หันไปที่ยอห์น โบลตัน, ที่ปรึกษาความมั่นคงของทรัมป์ที่มีชื่อเสียงว่ากระซิบบอกทรัมป์ตลอดเวลาว่าอย่าได้วางใจคิมเป็นอันขาด
คิมถามโบลตันว่า “ท่านที่ปรึกษาครับ เมื่อท่านประธานาธิบดีของท่านบอกว่าไว้ใจผม ท่านว่าไงครับ....”
ทำเอาโบลตันหน้าจ๋อยไปทันที!
(จากนั้นไม่นานทรัมป์ก็ปลดโบลตัน!).
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |