ซูเปอร์โพลเผยหาก อนค.ถูกยุบ ส.ส.ควรเข้าร่วมกับพรรคฝ่ายรัฐบาล ห่วงความขัดแย้งทำให้ ศก.แย่ลงไปอีก ยังไม่เห็นคนอื่นทำให้บ้านเมืองสงบนอกจาก "ประยุทธ์-ประวิตร" ผบก.น.6รวบรวมหลักฐานฟันแกนนำแฟลชม็อบผิด พ.ร.บ.ชุมนุมฯ นายกฯเตือนอันไหนเกิดปัญหาอย่าทำ บ้านเมืองจะสงบ โฆษกรัฐบาลระบุนายกฯ ห่วงความปลอดภัย ปชช. แนะ อนค.ไปสู้ในศาล พปชร.จัดกิจกรรมเดินลงถนนลงชุมชน ถามปัญหา ปชช. "ธนาธร" ฟุ้งไฟแห่งความหวังถูกจุดขึ้นแล้ว ปลุกสาวกเตรียมตัววิ่งไล่ลุงไล่รัฐบาลพร้อมกันทั่วประเทศ "ปิยบุตร" ซัดผู้มีอำนาจต้องการให้ อนค.แตกหวังดูด ส.ส. ลั่นหากถูกตัดสิทธิ์จะรณรงค์ทุกพื้นที่ประเทศไทย
เมื่อวันอาทิตย์ นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจภาคสนามเรื่อง ทางรอดอนาคตใหม่ กับเสียงประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” จำนวน 2,737 ตัวอย่าง และ“เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” จำนวน 1,144 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 11-14 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา เมื่อสอบถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณีถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจริง ส.ส.ควรทำอย่างไรเพื่อความอยู่รอดของตนเองและช่วยแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนได้ด้วย พบว่า เกินครึ่งหรือร้อยละ 51.5 ระบุควรเข้าร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ในขณะที่ร้อยละ 34.3 ระบุควรเข้าร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และร้อยละ 14.2 ยังไม่รู้ ไม่แน่ใจ
ที่น่าสนใจคือ ร้อยละ 40.0 ระบุควรเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทย รองลงมาคือร้อยละ 18.3 ระบุควรเข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทย, ร้อยละ 15.9 ระบุพรรคชาติไทยพัฒนา, ร้อยละ 13.5 ระบุพรรคประชาธิปัตย์ และร้อยละ 12.3 ระบุพรรคพลังประชารัฐ ตามลำดับ
ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.5 ระบุความขัดแย้งทางการเมืองมีผลทำให้เศรษฐกิจแย่ลงไปอีก มากถึงมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 17.5 ระบุน้อยถึงไม่มีผลเลย
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนว่ามีคนอื่นอีกหรือไม่ที่จะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยนอกเหนือไปจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พบว่าเกินครึ่งหรือร้อยละ 53.3 ระบุไม่มี ในขณะที่ร้อยละ 10.0 ระบุว่ามี ได้แก่ ธนาธร ร้อยละ 4.5, ปิยบุตร ร้อยละ 1.6 และคนอื่นๆ ร้อยละ 3.9 และที่เหลือร้อยละ 36.7 ระบุ ยังไม่รู้ใครจะทำได้ ไม่ตอบ
นายนพดลกล่าวด้วยว่า ผลการสำรวจ “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” พบว่า เรื่องของพรรคอนาคตใหม่กำลังเข้าถึงคนในโลกโซเชียลทั้งหมด 32,109,909 คน แต่มีคนที่สนใจพูดถึงเรื่องของพรรคอนาคตใหม่ในโลกโซเชียลจำนวน 165,937 คน อย่างไรก็ตาม เสียงตอบรับต่อเรื่องของพรรคอนาคตใหม่ที่ค้นพบครั้งนี้เป็นเสียงตอบรับเชิงบวกร้อยละ 52.3 และเสียงตอบรับเชิงลบมีร้อยละ 47.7
งัด พรบ.ชุมนุมฟันแกนนำม็อบ
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) จัดกิจกรรมแฟลชม็อบเชิญชวนประชาชนลุกขึ้นต่อสู้ทวงคืนความยุติธรรม หลังถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เสนอยุบพรรค ที่บริเวณสกายวอล์ก แยกปทุมวัน ว่าในเบื้องต้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและพนักงานสอบสวนในพื้นที่รับผิดชอบกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน ต้องดูต่อไปว่าใครกระทำความผิดกฎหมายตัวไหน ก็จะดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ เพราะก่อนที่จะจัดกิจกรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งเตือนไปแล้วว่าจะสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายข้อใด ส่วนที่ถามว่าต้องให้ทหารเป็นคนร้องทุกข์หรือไม่ ต้องไปดูก่อนว่าเข้าข้อกฎหมายใดหรือไม่
พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 กล่าวว่า ขณะนี้ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้รวบรวมพยานหลักฐานว่าการกระทำของแกนนำม็อบผิดกฎหมายหรือไม่ อย่างไร การชุมนุมเมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 ธ.ค. ผิดกฎหมายแน่นอน คือ พ.ร.บ.ชุมนุมฯ เพราะไม่มีการขออนุญาตเจ้าหน้าที่ จะทำอะไรต้องทำตามกฎหมายบ้านเมือง
เย็นวันเดียวกัน ที่ถนนสีลม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดโครงการนําร่องถนนคนเดิน (Walking Street) โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ทุกคนต้องเริ่มแก้ที่ตัวเราเอง เหมือนตนก็แก้ที่ตัวเองว่าจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น โดยแก้ไขปรับปรุงตนเอง ดังนั้นอยากให้ทุกคนคิดด้วยว่าอันไหนดีก็ให้ช่วยกันทำต่อ อันไหนเกิดปัญหาอย่าทำ บ้านเมืองก็จะสงบเรียบร้อย และมีคนมาท่องเที่ยว วันนี้ถึงเวลาที่พวกเราต้องร่วมมือกัน ช่วยทำคุณงามความดีเพื่อเแผ่นดินนี้ แผ่นดินที่เราเกิดมาเป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองประเทศไทย
ภายหลังจากพิธีเปิด นายกฯ เยี่ยมชมร้านจำหน่ายสินค้าและกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน โดยมีประชาชนให้ความสนใจขอถ่ายรูปเซลฟีเป็นที่ระลึกตลอดทาง ทั้งนี้ นายกฯ ได้ร่วมร้องเพลง “คนดีไม่มีตาย” ของศิลปินธีร์ ไชยเดช พร้อมกล่าวด้วยว่า “ขอให้ร่วมกันทำความดี เพื่อประเทศชาติ เพราะการทำความดี ไม่มีวันตาย”
ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมแฟลชม็อบ นำโดยนายธนาธรเมื่อเย็นวันที่ 14 ธ.ค. ว่านายกรัฐมนตรีได้มีการติดตามสถานการณ์การชุมนุมดังกล่าวโดยตลอดจากการรายงานของฝ่ายความมั่นคง แต่ไม่ได้มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่เป็นห่วงคือเรื่องความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่โฆษกกระทรวงกลาโหมได้ย้ำแล้วว่าจะต้องเป็นการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ใช่การยั่วยุ เพราะตามข้อมูลข้อเท็จจริงที่ กกต.มีมตินั้น เงินที่ให้กู้ไม่ได้อยู่ในหมวดของที่จะเป็นรายได้พรรคได้ เมื่อมีข้อสรุปว่าส่งศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ ทางพรรคเองก็ต้องไปชี้แจงโต้แย้ง สู้ด้วยหลักการบนชั้นศาล ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเองก็ต้องให้โอกาสในการส่งเอกสารหลักฐานเพื่อชี้แจงได้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ทางตำรวจกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อแจ้งเอาผิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ นางนฤมลกล่าวว่า ตรงนั้นเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ในส่วนของนายกฯ ก็เป็นเรื่องของการได้รับรายงานเรื่องสถานการณ์ความปลอดภัย ซึ่งไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเสียหายอะไรของประชาชน เมื่อเชื่อว่าตัวเองใช้สิทธิหน้าที่ในการออกมาชุมนุม นายกฯ ก็ไม่ได้ว่าอะไร เว้นแต่ถ้าออกมาทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาเราต่างเห็นแล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งแต่ละครั้งปัจจัยก็ต่างกัน เราควรไปว่ากันในระบบในศาล ส่วนความไม่พอใจอะไรเกี่ยวกับรัฐบาล ก็ไปว่ากันในรัฐสภา ทุกอย่างมีขั้นตอนอยู่แล้ว
พปชร.เดินลงถนนลงชุมชน
ส่วนการที่นายธนาธรและกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศรวมตัวชุมนุมอีก โดยการลงถนนในช่วงเดือนม ม.ค.นั้น นางนฤมลกล่าวว่า ก็ต้องติดตามดูต่อไป อยากฝากไปยังพี่น้องประชาชนว่า ขอให้รับฟังข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้ครบถ้วน เพราะเพียงแค่ฟังการรายงานของแต่ละฝ่ายนั้นก็ไม่ตรงกันแล้ว และต้องนำมาพิจารณาวิเคราะห์ถึงเหตุผลว่าจะลงมาร่วมชุมนุม เหตุผลนั้นสมควรแล้วหรือยัง หากทุกอย่างเข้าสู่ระบบ ก็ไม่จำเป็นต้องมาชุมนุม
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า รัฐบาลและพรรค พปชร.มีนโยบายเร่งด่วน โดยขอความร่วมมือ ส.ส. และอดีตผู้สมัครของพรรค เดินลงถนน ลงในชุมชน ถามปัญหาประชาชน และให้ช่วยประสานเร่งแก้ไขโดยด่วน ยังมีหลายปัญหาของประชาชนที่ต้องการให้แก้ไข เขาหวังพึ่งพานักการเมืองที่พวกเขาลงคะแนนเลือกตั้งไปเป็นผู้แทนราษฎรทำหน้าที่ในสภา แต่สิ่งที่เราเห็นกันอยู่ในตอนนี้คือนักการเมืองกำลังเอาปัญหาของตนเองไปเป็นปัญของประชาชน และกำลังใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาของตนเอง นายธนาธรเคยปราศรัยหาเสียงว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจผ่านกลไกสภา แต่กลับชวนประชาชนมาลงถนน ซึ่งทำให้เกิดภาพและบรรยากาศที่น่าวิตกกังวล และความไม่เชื่อมั่นต่อสายตาของชาวต่างชาติว่าอาจจะเกิดความไม่สงบขึ้น และอาจมีเป็นเหตุในการขัดขวางหรือทำลายเศรษฐกิจอีกด้วย
"ตอนนี้ประชาชนต้องการให้แก้ไขปัญหาปากท้องเป็นหลักนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ดีควรมุ่งแก้ไขปัญหาเพื่อประชาชนและส่วนรวมก่อน ควรร่วมเดินหน้าพัฒนาประเทศไปข้างหน้า ไม่ใช่ระดมมวลชลมาแก้ไขปัญหาของพรรคการเมืองของตนเอง ที่พลาดพลั้งเอง ผิดกฎหมายเอง หรือจงใจที่จะเลี่ยงบาลีในกฎหมาย เมื่อถูกจับได้ก็กล่าวโทษคนอื่น และยกพวกมาข่มขู่ องค์กรอิสระคล้ายแก๊งอันธพาลเช่นนี้" น.ส.ทิพานันกล่าว
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า รู้สึกโล่งใจและสบายใจที่เห็นการชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้การจัดการชุมนุมของพรรคอนาคตใหม่จะเป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ไม่อยากให้ด่วนตัดสินใจนำประชาชนออกมาสู่ท้องถนน อยากให้ไปต่อสู้ในแนวทางรัฐสภาให้ถึงที่สุดเสียก่อน พรรคการเมืองต้องเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา พรรค อนค.ยังมีเวทีที่จะต่อสู้ในเวทีรัฐสภาได้อย่างเต็มที่ ส่วนตัวพร้อมสนับสนุนแนวทางการต่อสู้ในระบอบรัฐสภาของทุกพรรค พรรค อนค.ได้เสนอญัตติตั้ง กมธ.ศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญส่วนการแก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมืองนั้น ตนก็พร้อมที่จะลงชื่อสนับสนุนด้วย
"ขณะนี้เห็นว่าการเมืองยังไม่ถึงทางตัน นักการเมือง พรรคการเมือง ยังมีเวทีการต่อสู้ในระบบรัฐสภาได้ ถ้าทุกคนเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภาจริง บ้านเมืองก็สามารถเดินต่อไปได้ ขอให้การเปลี่ยนแปลงใดๆ ทางการเมือง เป็นการเปลี่ยนแปลงในวิถีทางประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภา อย่าให้อำนาจนอกระบบมาเกี่ยวข้อง ประชาธิปไตยของประเทศไทยก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง" นายเทพไทกล่าว
นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์ข้อความแสดงความเห็นกรณีแฟลชม็อบของนายธนาธรว่า คงต้องติดตามดูว่าม็อบที่จะเรียกมวลชนมาแก้ปัญหาให้ตนเอง เพราะความไร้ประสบการณ์ของฝ่ายกฎหมายจะเป็นอย่างไร ปราบลัทธิชังชาติด้วยความจริง
ด้านนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์ข้อความ ระบุว่า Save คนรุ่นใหม่ ไม่เป็นเครื่องมือนักการเมือง??? ถ้าเป็นผมถูกยุบพรรค-ตัดสิทธิ์การเมือง เพราะความไม่รอบคอบของตนเอง จะไม่ไปโทษใคร ถ้าตนเองไปทำในสิ่งที่กฏหมายห้ามไว้ จะไม่ไปชวนแนวร่วมหรือสมาชิกพรรคหรือคนรุ่นใหม่ไปทำผิดกฎหมายบ้านเมือง จะไม่ให้ใครไปเดือดร้อนบาดเจ็บ ล้มตายเพื่อตนเอง เพื่อให้เกิดเงื่อนไขทางการเมืองเพื่อต่อรองกับผู้มีอำนาจ ผมก็จะยอมรับผิดเลิกเล่นการเมืองทันที
เตือนจากขุนกลายเป็นหมาก
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์ข้อความว่า การชุมนุมที่สกายวอล์กสยาม มีความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะ 2558 แม้จะอ้างสารพัด แต่อีกไม่กี่วันสำนักงานตำรวจแห่งชาติคงต้องมีหมายเรียกให้นายธนาธรและ น.ส.พรรณิการ์ไปรับทราบข้อกล่าวหาผิด พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะ ส่วนนายปิยบุตรนั้น ไม่เห็นหลักฐานยืนยันในสื่อว่าเป็นผู้เข้าข่ายจัดการชุมนุม นอกจากการไปเข้าร่วมปราศรัย หลายคนมองว่าคงหลบรอดพลิ้วไปได้ตามประสานักกฎหมายอีก
นายพิชิต ไชยมงคล อดีตโฆษกกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และเคยร่วมเคลื่อนไหวกับนายธนาธร สมัยเป็นนักศึกษาในสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กว่า กรณีชุมนุมราชประสงค์ปีนั้นจากช่วยทักษิณ พยายามยกระดับเป็นเพื่อประชาธิปไตย ท้ายสุดก็ก้าวข้ามไม่ได้ ทั้งนี้เพราะว่าจุดเริ่มต้นไม่ได้มาจากส่วนรวม ความชอบธรรมในการอธิบายไม่มากพอ ได้แค่ความชอบใจ เกมนี้เพื่อไทยและทักษิณ ชินวัตร ได้ประโยชน์เต็มๆ เพราะนี่คือการขับเคี่ยวของพรรคการเมือง ไม่มีมิตรแท้ในหมู่นักการเมือง ผลักเพื่อนเป็นหมากลงถนน สุดท้ายเอกจะเป็นผู้ชนะในความพ่ายแพ้ ธนาธร คุณกำลังเดินตามเกมเขาแล้วละ เกมของเพื่อน (พรรคร่วม) และเกมของฝั่งตรงข้าม จากขุนกลายเป็นหมาก
น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ความท้าทายอยู่ที่ก้าวต่อไป อนค.ต้องเข้าใจชัดเจนว่าคนที่ออกมาในวันนี้คือคนที่ไม่พอใจกับรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจมาจากคณะรัฐประหาร ที่ร่างกติกาบิดเบี้ยวและสร้างวัฒนธรรมการเลือกปฏิบัติอย่างเข้มข้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อนค.หรือผู้นำการชุมนุมตามจุดต่างๆ ต้องไม่เข้าใจผิดว่าทุกคนที่ออกมาคือกองเชียร์ธนาธร หรือ อนค. แม้จะเป็นแนวร่วม แต่หากสารที่สื่อในการชุมนุมหรือการส่งเสียงนำมวลชนไขว้เขวไปเป็นเรื่องของพรรคจะเป็นการจำกัดกลุ่มผู้เข้าร่วมและขยายตัวยาก ก้าวต่อไปจึงต้องเป็นก้าวที่ชัดเจนในเป้าหมายส่งเสริมการยืนระยะ และการขยายตัว
ที่ร้านกาแฟพีซคอฟฟี่แอนด์ไลบรารี่ อิมพีเรียลลาดพร้าว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า เป็นดังที่เคยวิเคราะห์ไว้ นายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่รอดยาก นายธนาธรมีอย่างน้อย 4 ดาบที่ต้องเจอ ตนเชื่อว่าไม่รอด กรณีการจัดแฟลชม็อบ ขอแนะนายธนาธรว่าการจัดชุมนุมครั้งต่อไปต้องระวังมากกว่านี้ ด้วยการจัดชุมนุมเช่นนี้ โอกาสที่จะถูกแทรกแซง สร้างสถานการณ์เป็นไปได้ง่าย หากจะเลือกเดินทางนี้ ก็ขอให้เตรียมตัวให้ดี หากยังคงจัดชุมนุมเช่นเดียว เกรงว่าจะสุ่มเสี่ยง
นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า สำหรับกิจกรรมแฟลชม็อบบริเวณสกายวอล์ก จะเห็นว่ามีผู้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมาก และได้แสดงออกให้เห็นถึงความอัดอั้นต่อการบริหารประเทศและการใช้อำนาจของรัฐ ไม่พอใจผู้มีอำนาจที่ใช้อำนาจเกินขอบเขต ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลว่าหากใช้อำนาจที่ได้มาแบบไม่ชอบธรรม ไม่ยุติธรรม เอื้อประโยชน์ให้แต่กับพวกพ้อง ก็จะสร้างวิกฤติขึ้นได้
ไฟแห่งความหวังถูกจุดแล้ว
ทางด้านนายธนาธรโพสต์ข้อความแสดงความเห็นหลังการจัดแฟลชม็อบประสบความสำเร็จ มีคนเข้าร่วมจำนวนมาก เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่าขอบคุณทุกคนจากใจจริง ร่วมรักษาไฟแห่งความหวังนี้อย่าให้ดับลง ขอบคุณที่ทุกคนออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านระบอบที่ฉุดรั้งแช่แข็งประเทศไทยไม่ให้ไปข้างหน้าร่วมกันเมื่อวานที่สกายวอล์กแยกปทุมวัน กรุงเทพฯ และที่จัดกันเองอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ เช่น เชียงใหม่, ลำพูน, สมุทรปราการ, ขอนแก่น และอุดรธานี พลังที่เราแสดงออกมาร่วมกัน เปิดให้เห็นถึงความหวังและความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่หลายคนไม่กล้าหวังมาก่อน จึงยอมจำนนก้มหน้ารับชะตากรรม
"เมื่อวานนี้ไฟแห่งความหวังได้ถูกจุดขึ้นแล้ว เพราะเรากล้าที่จะฝัน กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความอยุติธรรมร่วมกันเดินหน้าต่อไป แม้พวกเขาจะทำลายเราทุกรูปแบบ ยัดเยียดคดีเพิ่มเติม, ลดความน่าเชื่อถือของการเคลื่อนไหวผ่านข่าวปลอม, จุดไฟโหมกระพือความเกลียดชังในหมู่ประชาชน, สร้างมวลชนปะทะ, คุกคาม และลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก และเกมสกปรกอีกหลายรูปแบบที่เราอาจคิดไม่ถึง แต่นั่นจะไม่ทำให้เราย่อท้อ เขาต้องการให้เรากลัว ดังนั้นเราจะไม่กลัว ผมทำคนเดียวไม่ได้ จึงต้องการกำลังและแรงสนับสนุนของทุกคนมาร่วมกันทำ ให้กำลังใจกันและกัน ก้าวเดินไปด้วยกันด้วยความหนักแน่น นี่เป็นการทวงอนาคตของเราทุกคนคืนมา ขอบคุณทุกคนจากใจจริง รักษาไฟแห่งความหวังนี้ อย่าให้มันมอดดับลง #ไม่ถอยไม่ทน Keep the fire burning" นายธนาธรระบุ
น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค. กล่าวว่า การชุมนุม เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นแล้วว่าประชาชนที่มารวมตัวกันนั้น ไม่ได้มาเพื่อสร้างความวุ่นวายตามที่มีบางคนแสดงความกังวล คนที่ออกมาชุมนุมล้วนทำกิจกรรมอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แสดงให้เห็นว่าเราออกมารวมตัวกันด้วยความสงบ โดยไม่สร้างความเดือดร้อน ขณะที่จำนวนคนที่ออกมานั้นมากกว่าที่เราคิดไว้แต่แรก
เมื่อถามว่าจุดยืนของคนที่ออกมา ออกมาเพื่อปกป้องนายธนาธรหรือไม่ นส.พรรณิการ์กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องการปกป้องหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่อย่างแน่นอน เพราะตอนนี้เรามาถึงจุดที่ไกลกว่านั้นไปแล้ว ขณะที่ความตั้งใจของเราเองก็ไม่ได้ต้องการแสดงออกเรื่องนี้เช่นกัน แต่บรรดาคนที่มาร่วมชุมนุมคือคนที่ไม่อาจทนกับความไม่ยุติธรรมและการดำเนินงานของรัฐบาลชุดนี้ สิ่งที่พวกเขาต้องการแสดงออกคือเราจะไม่ทนอีกแล้ว การชุมนุมดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นการทำผิดกฎหมาย แต่เป็นสิทธิที่ประชาชนพึงมี ตามรัฐธรรมนูญที่ คสช.ร่างขึ้นมา
ส่วนการที่นายธนาธรบอกว่า เดือนหน้าเจอกัน หมายถึงไปร่วมงานวิ่งไล่ลุงใช่หรือไม่ น.ส.พรรณิการ์บอกว่า เรื่องนี้นายธนาธรเองประกาศไปแล้ว ว่าจะไปร่วมงานวิ่งไล่ลุง เช่นเดียวกับแกนนำพรรคคนอื่นๆ แต่ในส่วนของกิจกรรมของพรรคต่อไปนั้น ขอให้รอดูแล้วกัน
ปลุกวิ่งไล่ลุงไล่รัฐบาล
ขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เปิดเวทีบรรยายหัวข้อ สถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน การทำงานในสภา และก้าวต่อไปของพรรค อนค.ที่โรงเรียนปะตงวิทยาคม อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ก่อนจะเดินทางไปยังโรงแรมนิวดิโอวี เพื่อบรรยายในหัวข้อเดียวกัน โดยกิจกรรมในวันนี้ น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน ส.ส.เขต 3 จันทบุรี เป็นผู้จัดงาน ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจร่วมงานทั้งสองสถานที่เป็นจำนวนมาก
โดยนายปิยบุตรกล่าวว่า กิจกรรมการรวมตัวกันของประชาชนที่ทนไม่ไหวกับรัฐบาลชุดนี้ ถือเป็นปรากฏการณ์ที่สื่อต่างประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยสื่อต่างประเทศใช้พาดหัวว่า Thai Opposition Leader และยังบอกอีกว่าถือเป็นการจัดกิจกรรมทางการเมืองที่มีประชาชนมาร่วมมากที่สุดนับตั้งแต่มีรัฐประหารปี 2557 ผู้ที่มาร่วมกิจกรรมก็ไม่ได้มีแต่ผู้ที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีผู้คนที่ไม่พอใจกับรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดี พรรคการเมืองอาจเปรียบเหมือนร่างกาย และมีจิตวิญญาณคืออุดมการณ์ของพรรคถ้าหากพวกเขาจะยุบพรรคอนค.ด้วยเรื่องหยุมหยิม ก็ยุบได้แต่ร่างกาย แต่จิตวิญญาณ ความคิดและอุดมการณ์แบบอนาคตใหม่ จะยังคงมีชีวิต และจิตวิญญาณนี้ก็จะไปสถิตในร่างกายใหม่ได้ ขอให้ประชาชนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่อย่าได้กังวลใจไป อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เกิดแล้วเรามีทางแก้ได้หมด
"ผู้มีอำนาจที่ต้องการยุบพรรคอนาคตใหม่นั้น เพื่อต้องการให้พรรคแตก เพื่อต้องการดูด ส.ส.ไปเป็นพวก ยืนยันว่า ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ยังจับมือกันเหนียวแน่น และพร้อมสู้ไปด้วยกัน ทุกวิกฤติเป็นโอกาสเสมอ วิกฤติครั้งนี้ที่เรากำลังเผชิญ เป็นโอกาสที่เราจะทำให้ผู้มีอำนาจเห็นว่า เมื่อเขาจะฉายหนังม้วนเก่าซ้ำอีกรอบหนึ่ง แต่เราจะทำให้หนังม้วนนี้จบไม่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน หากเขาไม่ต้องการให้ผมอภิปรายในสภา ผมจะจัดเวทีบรรยายแบบนี้ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย จะไปให้ได้เกือบทุกวัน หากเขาจะตัดสิทธิ์ทางการเมืองของผม ผมจะเดินรณรงค์ไปยังทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พื้นที่ทางการเมืองมีเยอะแยะมากมาย ไม่ให้ผมทำในสภา ผมไปทำข้างนอกก็ได้" นายปิยบุตรกล่าว
ที่วัดป่าสระแก้ว ต.กุดเชียงหมี อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร พรรคอนาคตใหม่จัดเวทีรับฟัง “ข้อเสนอเชิงนโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม" โดยนายธนาธรกล่าวตอนหนึ่งว่า เรามีข้อเสนอการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง 3 เรื่อง ซึ่งต้องทำให้ได้ นั่นคือ 1.พาประเทศไทยกลับเป็นประชาธิปไตย แก้รัฐธรรมนูญให้มีที่มาจากประชาชน 2.ปฏิรูปกองทัพ ให้กองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ทำงานรับใช้ประชาชน และ 3.ยุติระบบรัฐราชการรวมศูนย์ คืนอำนาจให้กับท้องถิ่นจัดการตนเอง
"แต่จะเกิด 3 ข้อนี้ได้ อย่างแรกสุดที่ต้องทำคือไล่รัฐบาลที่มาจากการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร ซึ่งในเดือนหน้าจะมีกิจกรรมใหญ่ นั่นคือวิ่งไล่ลุง ให้พ่อแม่พี่น้องเตรียมตัวไว้ เพื่อที่จะออกมาวิ่งพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อบอกว่าพอกันทีกับอำนาจอยุติธรรม บอกว่าเราจะไม่ถอยไม่ทนอีกแล้ว เอาอำนาจของเรากลับคืนมา" นายธนาธรกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |