การประชุมว่าด้วยภาวะโลกร้อนของยูเอ็นที่กรุงมาดริดซึ่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ ปิดฉากลงแล้วเมื่อวันอาทิตย์ ล่ากว่ากำหนดเดิม 2 วัน ประเทศผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ทั้งสหรัฐและจีนดึงดันคัดค้านมาตรการที่หนักหน่วงขึ้น แถลงการณ์ที่ประชุมยอมรับ "มีความจำเป็นเร่งด่วน" ที่ต้องลดช่องว่างระหว่างคำมั่นสัญญาลดก๊าซกับเป้าหมายลดโลกร้อน

คาโรลินา ชมิดต์ รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของชิลี (กลาง) ในพิธีปิดการประชุมคอป 25 เมื่อวันอาทิตย์ / AFP

    การประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกสมัยที่ 25 หรือคอป 25 ซึ่งย้ายจากกรุงซันตาอาโกเนื่องจากเกิดสถานการณ์ประท้วงก่อความไม่สงบในชิลี มาจัดที่กรุงมาดริดของสเปน ปิดฉากลงแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562 ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนดเดิมที่วางไว้ในวันศุกร์

    การประชุมครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นบททดสอบเจตจำนงร่วมกันของรัฐบาลทั้งหลายว่าจะใส่ใจกับคำแนะนำของนักวิทยาศาสตร์ ที่ต้องการให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอัตราที่เร็วกว่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงถึงจุดที่ไม่สามารถย้อนคืนได้ แต่ผลสุดท้ายที่ประชุมสามารถเข็นข้อตกลงออกมาได้

    เอเอฟพีรายงานว่า แถลงการณ์ของที่ประชุมกล่าวถึง "ความจำเป็นเร่งด่วน" สำหรับความรับผิดชอบในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน เพื่อลดช่องว่างระหว่างการปล่อยก๊าซในปัจจุบัน กับเป้าหมายที่กำหนดไว้ในความตกลงโลกร้อนปารีสปี 2558 ที่จะควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียสจากระดับอุณหภูมิช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม

    คาโรลินา ชมิดต์ รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมของชิลีซึ่งทำหน้าที่ประธานคอป 25 กล่าวว่า วันนี้พลเมืองของโลกใบนี้กำลังร้องขอให้พวกเราเดินหน้าเร็วขึ้นและดีขึ้นในด้านการให้เงินทุน, การปรับตัว และการบรรเทาผลกระทบ

    การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้แรงกดดันของความต้องการเห็นการดำเนินการที่ชัดเจนขึ้นของรัฐบาลทั้งหลาย หลังจากช่วงปีที่ผ่านมาเกิดภัยพิบัติจากสภาพอากาศรุนแรง และการชุมนุมเคลื่อนไหวของเยาวชนหลายล้านคนทั่วโลกที่เรียกร้องให้ผู้มีอำนาจกำหนดนโยบายเร่งดำเนินการ กระนั้น ที่ประชุมครั้งนี้กลับหมิ่นเหม่จะพังครืนเมื่อประเทศผู้ปล่อยก๊าซฯ รายใหญ่และประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ กับประเทศที่เสี่ยงประสบภัยจากภาวะโลกร้อนมากที่สุด ที่ต่างห่วงผลประโยชน์ของตนเอง ไม่สามารถหาความเห็นร่วมกันได้

    ผู้แทนเจรจาจากเกือบ 200 ประเทศมาประชุมที่กรุงมาดริดด้วยวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ความตกลงโลกร้อนปารีสเสร็จสมบูรณ์ และหวังว่าที่ประชุมคอป 25 จะแสดงให้โลกเห็นว่า รัฐบาลต่างๆ จะเพิ่มความพยายามมากขึ้นภายหลังได้รับผลสะท้อนจากการประท้วง, ผลศึกษาวิทยาศาสตร์ที่ไม่อาจโต้แย้งได้ และภัยธรรมชาติทั้งพายุและไฟป่ารุนแรงในปีที่ผ่านมา แต่ความทะเยอทะยานดังกล่าวแทบไร้ผล

    อัลเดน เมเยอร์ ผู้อำนวยการด้านยุทธศาสตร์และนโยบายของสหภาพนักวิทยาศาสตร์ผู้มีความกังวล กล่าวว่า เขาไม่เคยพบเห็นการตัดขาดจากกัน ระหว่างสิ่งที่วิทยาศาสตร์ต้องการกับสิ่งที่นักเจรจาโลกร้อนเสนอดำเนินการอย่างมีความหมาย มากเท่านี้มาก่อน "ประเทศผู้ปล่อยก๊าซฯ รายใหญ่สุดของโลกเกือบทั้งหมดไม่ได้ดำเนินการและต้านทานเสียงเรียกร้องให้เพิ่มความทะเยอทะยานมากขึ้น" เขากล่าว

    กลุ่มประเทศที่เป็นเกาะขนาดเล็กและประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด รวมถึงสหภาพยุโรป พยายามผลักดันแผนการลดก๊าซฯ โดยสมัครใจ และเรียกร้องประเทศที่ขัดขวางแผนนี้ โดยเฉพาะสหรัฐ, ออสเตรเลีย และซาอุดีอาระเบีย ให้ทุ่มเทมากขึ้น ในขณะที่จีนและอินเดีย ผู้ปล่อยก๊าซฯ มากเป็นอันดับ 1 และ 4 ยืนกรานว่าไม่จำเป็นต้องปรับปรุงแผนลดก๊าซฯ ของเดิม ซึ่งวางเป้าหมายไว้ถึงปี 2573.