7 พรรคฝ่ายค้านลงสัตยาบันร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ "เสรีพิศุทธ์" โพล่งกลางวง แนวทางแก้ต่างจากพรรคอื่น ถ้ามีอำนาจเมื่อไหร่จะยึดอำนาจและฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง เอาปี 2540 กลับมาใช้ "ธนาธร" ดุเดือดไม่แพ้กัน ลั่นมี 2 ทางเลือก จะแก้ไขด้วยเลือดหรือการแก้ไขด้วยความยินยอมพร้อมใจด้วยกัน
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) จัดเสวนาหัวข้อ พรรคการเมืองร่วมใจแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าร่วมอย่างคับคั่ง อาทิ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชาติ, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ, นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่, นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ, นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย โดยมีนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการดำเนินรายการ โดยทันทีที่นายธนาธร ปรากฏตัว ได้มีแฟนคลับปรบมือ เรียกชื่อ พร้อมตะโกนว่า ฮีโร่ เราจะไม่ทิ้งกัน
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มเสวนา 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ลงนามให้สัตยาบันร่วมกันแก้ไขและร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน โดยยึดมั่นในหลักการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมเห็นพ้องจะร่วมกับทุกภาคส่วนในการดำเนินการตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยที่ให้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่สะท้อนเจตนารมณ์และตอบสนองปัญหาและความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
ในการเสวนา นายสมพงษ์กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดจากรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศเดินหน้าไม่ได้ และเป็นความต้องการสืบทอดอำนาจ ดังนั้นจึงมีการวางแผน จัดตั้งบุคลากรต่างๆ จนนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา เพื่อให้รัฐธรรมนูญเกิดปัญหา เกิดความไม่เป็นธรรมในสังคม โดยเฉพาะฝ่ายที่เห็นตรงข้าม จึงเกิดปัญหาที่อยู่ร่วมกันไม่ได้ ตลอดจนการพิจารณาบังคับใช้กฎหมายยังมีข้อกังขามากมาย ทั้งตัวบทกฎหมายไม่ตรงกับการปฏิบัติ จึงเกิดความเหลื่อมล้ำ
เขากล่าวว่า เจตจำนงของรัฐธรรมนูญที่ดีโดยทั่วไปต้องเขียน หรือสร้างขึ้นมาให้เหมาะสมกับประชาชน เป็นธรรม ยุติธรรม สร้างดุลยภาพของทุกภาคส่วนให้สมดุล แต่รัฐธรรมนูญนี้สร้างองค์กรหนึ่ง คือ ส.ว. ที่เป็นเครื่องมือเกี่ยวกับการเชื่อมโยงการสืบทอดอำนาจให้เป็นไปโดยสะดวก และ ส.ว.ยังมีอำนาจมากกว่าประชาชน
"การเดินหน้าประเทศ ต้องเกิดจากรัฐธรรมนูญที่มีความสมดุล ไม่ใช่เกิดจากปืนหรือรถถัง พร้อมวิงวอนทุกภาคส่วน ร่วมมือที่จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนส่วนอื่นๆ เข้าใจ และหาทางแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้ได้ และเชื่อว่ารัฐบาลจะเสียสละเงินเพื่อให้ทำประชามติ"
ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ จะร้องเรียนให้ยุบพรรคเพื่อไทยถ้าช่วยเหลือพรรคอนาคตใหม่หากถูกยุบพรรคนั้น นายสมพงษ์ถามกลับว่า พรรคเพื่อไทยเป็นคนขี้กลัวหรือ ตอนนี้เรามาด้วยกัน อะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องไปด้วยกัน
แก้ด้วยเลือดหรือยอมแก้
ด้านนายธนาธรกล่าวว่า ขอบคุณฝ่ายค้านและประชาชนทุกคนที่ให้การสนับสนุนตนและพรรคอนาคตใหม่ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่แสดงให้เห็นถึงความสมานฉันท์ ที่ไม่ใช่แค่คำพูด ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนและพรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่าจะทำงานต่อโดยไม่ทรยศต่อแนวทางประชาธิปไตย สำหรับเรื่องรัฐธรรมนูญนั้น อยากให้พวกเราถอยหลัง 1 ก้าว และมองดูว่าประชาชนกำลังต่อสู้กับอะไร
นายธนาธรยืนยันว่า รัฐธรรมนูญเป็นปัญหา และเป็นส่วนประกอบของการสืบทอดอำนาจจากการทำรัฐประหาร 2557 หรือระบอบสืบทอดมาตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งเป็นระบอบที่ต้องการแช่แข็งเหนี่ยวรั้งไม่ให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า โดยทำทุกทาง ไม่สนราคาและต้นทุนที่ต้องจ่ายไป ซึ่งคนที่ต้องจ่ายจริงๆ คือประชาชน วันนี้เศรษฐกิจเราโตช้ากว่าเพื่อนบ้านและทั่วโลก ความเหลื่อมล้ำมีมากขึ้น การศึกษามีแต่ถอยหลังลงคลอง ปัญหาสิ่งแวดล้อม การแย่งชิงทรัพยากร โดยเฉพาะต่างจังหวัด
ทั้งนี้ ความพยายามในการสืบทอดอำนาจยังทำให้ประชาชนแตกแยก กลัว และระแวงกันเอง เป็นความเกลียดชังที่ถูกสร้างขึ้นมา หาว่าชังชาติบ้าง ขับไล่บ้าง เพราะถ้าประชาชนไม่เกลียดชังกัน ก็จะไม่มีข้ออ้างให้ยึดอำนาจ ทำรัฐประหาร นอกจากนี้แล้วยังทำลายระบบรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ ส.ส.ทรยศประชาชน เช่น การแจกกล้วย การไม่ยอมแพ้ในเรื่องการตั้งกรรมาธิการมาตรา 44 เพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจมาตรา 44 ฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ สภาล่ม ก็หาว่าฝ่ายค้านเป็นคนทำให้สภาล่ม ทำให้ประชาชนเกลียดนักการเมือง ว่าเข้ามาแล้วไม่ทำอะไรเพื่อประชาชน นักการเมืองกลายเป็นตัวร้าย ซึ่งจริงๆ สิ่งที่เขาทำกับประชาชนในรอบหลายปีที่ผ่านมา ระบบการตรวจสอบจากองค์กรอิสระต่างๆ พังหมด
นายธนาธรกล่าวอีกว่า เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อหยุดยั้งความขัดแย้งที่มีมากว่า 10 ปี ซึ่งเป็นความขัดแย้งเรื่องอำนาจ หลายฝ่ายพูดเรื่องการปฏิรูป ซึ่งการปฏิรูปคือการจัดสรรอำนาจใหม่ ว่าแต่ละฝ่ายมีอำนาจหน้าที่อะไร แต่ทุกครั้งที่มีการยึดอำนาจรัฐประหาร กลับไม่มีการปฏิรูปกระจายอำนาจ แต่ดึงอำนาจทั้งหมดมาไว้กับตัว แล้วถามว่าสังคมจะไม่พังได้อย่างไร เมื่อมีการปฏิรูปโดยการดึงอำนาจเข้าสู่ตัวเองอย่างนี้
ดังนั้นควรมีรัฐธรรมนูญใหม่ มาหากติกากันใหม่ ที่ทุกคนเห็นร่วมกัน อยู่ร่วมกันได้ แพ้ชนะการเลือกตั้งต้องทำตามกฎกติกา ตนยืนยันว่าการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนนี่ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดทางเดียวที่เหลืออยู่ของสังคมไทย แต่จะแก้เพื่อนำไปสู่การมีส่วนร่วมของประชาชนมีเพียง 2 ทางคือ แก้ด้วยเลือด หรือแก้ด้วยการยินยอมพร้อมใจของทุกฝ่าย ถ้าผู้มีอำนาจไม่ยินยอม ไม่พร้อมผ่อนปรน ไม่พร้อมเปิดพื้นที่ให้คนที่เห็นต่าง ก็ไม่มีทางเลือกเยอะ ทำให้เราต้องเปิดพื้นที่ทางการเมืองใหม่ๆ
"นี่ไม่ใช่เวลาที่เหนียมอาย ไม่ใช่เวลาต้องมาเกรงอกเกรงใจ แต่เป็นเวลาที่ต้องมาแสดงจุดยืนทางการเมืองให้ชัดว่าที่เป็นประโยชน์กับประชาชนที่สุดตอนนี้คือการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. ร่วมกันเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยประชาชน เพื่อประชาชน นี่คือทางรอดทางเดียวที่เหลืออยู่"
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่กล่าวว่า ในส่วนที่รัฐบาลบอกการปลุกทำแฟลชม็อบเป็นการทำให้ประชาชนเดือดร้อนในช่วงปีใหม่นั้น ตนเรียนว่าของขวัญปีใหม่ที่ทำให้ประชาชนคนไทยมีความสุขที่สุดก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากการเป็นนายกฯ
ถ้ามีอำนาจจะยึดอำนาจ
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ชี้ว่า ขณะนี้คนไทยทั้งประเทศเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่แย่ที่สุด
"แต่แนวทางในการแก้ไขของผมนั้น คงต่างจากพรรคอื่นๆ คือ ถ้าผมมีอำนาจเมื่อไหร่ ผมจะยึดอำนาจและฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง และเอารัฐธรรมนูญฉบับประชาชนปี 2540 กลับมาใช้ ไม่ต้องปวดหัวมานั่งแก้กัน แต่ที่สำคัญคือตอนนี้ตนยังยึดอำนาจไม่ได้"
ส่วนของขวัญปีใหม่ที่นายธนาธรอยากให้เกิดขึ้นนั้น ตนกำลังทำอยู่ ในการตรวจสอบปัญหาเรื่องถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้ารับหน้าที่ที่ยังไม่ครบ และย้ำว่าปัญหานี้ส่งผลให้นายกรัฐมนตรียังไม่มีอำนาจบริหารประเทศ จึงจำเป็นต้องเรียก พล.อ.ประยุทธ์มาชี้แจงต่อกรรมาธิการ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ในวันที่ 18 ธ.ค. กมธ.ป.ป.ช.จะเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี มาถามเรื่องที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วน และในอนาคตอาจต้องเชิญนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีมาด้วยเช่นกัน รวมถึงอาจจะต้องเชิญเลขาฯ ครม. เลขาฯ นายกฯ มาให้ถ้อยคำเรื่องนี้ด้วย จากนั้นเมื่อรวบรวมข้อมูลได้แล้วในเดือน ม.ค.63 ก็จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับรัฐบาล หากยังปล่อยให้ใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะทำให้เกิดปัญหาทั้งในสภาและนอกสภา ซึ่งนายธนาธรถือว่าเป็นหนึ่งในเหยื่อของระบบเผด็จการ ที่ไม่ต้องการให้ฝ่ายประชาธิปไตยเดินหน้า และในอดีตมีการต่อสู้ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ในช่วงปี 2475 เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยมาอย่างลุ่มๆ ดอนๆ แต่วงจรอุบาทว์ของเผด็จการก็พยายามยึดอำนาจ
นายวันนอร์ย้ำว่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว แต่เราไม่ต้องการให้ระบอบเผด็จการทำรัฐประหารต่อไป ซึ่งการรัฐประหารที่ผ่านมา เป็นเพราะประชาชนยินยอมให้เกิดการรัฐประหาร หลงผิดคิดว่าเขาเป็นเจ้าของอำนาจ ทั้งที่แผ่นดินนั้นเป็นของเรา เป็นของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งต่างจากในประเทศอังกฤษ ที่ไม่สามารถทำรัฐประหารได้ เพราะประชาชนไม่ยินยอม พร้อมฝากถึงศาลและผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ว่าการตัดสินต้องยึดตามหลักศีลธรรมในการพิจารณาคดี
หัวหน้าพรรคประชาชาติกล่าวต่อว่า การต่อสู้ของนายธนาธร ครั้งนี้เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ แต่ไม่มีวันที่เผด็จการจะชนะใจประชาชนได้เลย ดังนั้นวันนี้ถึงเวลาของประชาชนแล้ว ไม่ใช่เวลาของนายธนาธร พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงระบบการเลือกตั้งของรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำ จึงมีการซื้อเสียงด้วยการแจกกล้วย และขอให้ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย
"รัฐธรรมนูญจะต้องมาจากประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชน" นายวันนอร์ระบุ
ถ้าไม่แก้จะเป็นทาส
ส่วนนายมนูญกล่าวยืนยันในการเสวนาว่า ตนพร้อมให้ความร่วมมือในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนเท่านั้น
นายสงครามระบุว่า เราเป็นผู้รักชาติ จึงขออย่าเก็บความรักชาติไว้คนเดียว แต่ต้องมาร่วมมือกัน ซึ่งการร่างรัฐธรรมนูญมาไม่ดี ก็จะทำให้ประเทศเกิดความเสียหาย ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม อีกทั้งประเทศไทยกำลังจะล่มจม แต่รัฐบาลก็ยังโกหกประชาชนว่าเศรษฐกิจดี พร้อมกันนี้สร้างความขัดแย้ง สร้างความกลัว รังแกและยัดข้อหาให้ฝ่ายตรงข้ามด้วย
"รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนขึ้นมาแล้วปฏิบัติไม่ได้ ดังนั้นถ้าเราไม่ร่วมมือกัน ก็จะไม่เกิดผลสำเร็จ หากไม่แก้รัฐธรรมนูญก็จะเป็นทาส จะเป็นทาสยันชั่วลูกชั่วหลาน" หัวหน้าพรรคเพื่อชาติกล่าว
ด้านนายนิคม ได้ตั้งฉายาเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปล้นประชาชน ปล้นความสุขไปจากประชาชน ปล้นเศรษฐกิจไปจากประชาชน ปล้นความหวังไปจากประชาชน และปล้นอนาคตใหม่ไปจากประชาชน ด้วยการเขียนรัฐธรรมนูญที่แก้ไขได้ยาก และเขียนเพื่อฉีกและยึดอำนาจเอง
ขณะที่บรรยากาศได้มีประชาชนมาร่วมรับฟังกันอย่างคับคั่ง ซึ่งในจำนวนนั้นได้มีการแจกปฏิทินปีใหม่ 2563 ที่มีรูปของนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาแจกจ่ายกันด้วย โดยหลายคนต่างแสดงความชื่นชอบและถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก
วันเดียวกันนี้ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และรองโฆษกพรรคอนาตตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กแฟนเพจถามนายกรัฐมนตรี กรณีที่นายกฯ ถามเหมาะสมหรือไม่ที่มีการนัดชุมนุมกันในช่วงใกล้ปีใหม่ หลังนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นัดผู้สนับสนุนพรรคออกมารวมตัวกันในวันนี้ว่า ผมในฐานะรองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ขอถามกลับไปยังนายกรัฐมนตรีดังนี้ครับ
1.จริงหรือไม่ ที่มีใบสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ก่อนปีใหม่ เพราะจะได้กลบเกลื่อนกระแสความขัดแย้งไปในช่วงเทศกาลแห่งความสุข เร่งรีบกระทั่งมีข่าวหลุดมาว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเอาเข้าพิจารณาคดีนี้ในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ ที่จะมีการประชุมคณะตุลาการศาล
2.ไม่รู้สึกละอายใจเลยหรือ ที่ยัดไส้ความชั่วร้าย มองข้ามหัวประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่
3.หากยังทำเช่นนี้ ท่านไม่ต้องเสแสร้งเป็นห่วงว่าประชาชนจะไม่มีความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่หรอกครับ เพราะประชาชนไม่เคยมีความสุขกับประเทศนี้ ที่มีรัฐบาลเผด็จการมานานแล้ว
4.เหมาะสมหรือไม่ครับท่านประยุทธ์ ที่ยังกดหัวประชาชน แล้วสกัดกั้นคนที่อยู่ตรงข้ามตัวเองทุกวิถีทางเช่นนี้ เมื่อไรเผด็จการจะสำนึก จำไว้นะ เกราะป้องกันตัวเองที่ดีที่สุดคือการสร้างผลงานให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ไม่ใช่ไล่ยุบพรรคที่ไม่สนับสนุนท่าน
แผนสำรองส้มหวาน
มีรายงานจากพรรคอนาคตใหม่ว่า ได้มีการเตรียมแผนสำรองไว้แล้ว หากพรรคอนาคตใหม่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค โดยแผนดังกล่าวได้มีการเฟ้นหาบุคคลที่จะมารับบทบาทต่อจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
โดยบุคคลที่อยู่ในข่ายนี้คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ และปัจจุบันมีบทบาทในสภาผู้แทนราษฎร โดยเป็นประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร
สำหรับนายพิธา ในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้เสนอนโยบายด้านการเกษตร พร้อมพูดถึงปัญหาของเกษตรกรผ่านกระดุม 5 เม็ด โมเดลที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยในแบบที่ควรเป็น จนได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากสังคม
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะไปช่วยพรรคอนาคตใหม่ในคดียุบพรรค ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เห็นว่าอาจจะเป็นการครอบงำพรรคการเมืองหรือไม่ ว่านายวิษณุ และการเป็นผู้ปกครองมากเกินไป ซึ่งเรามีความห่วงใยกันในฐานะที่เป็นพรรคการเมือง อะไรที่แนะนำได้ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำ ซึ่งนายวิษณุคิดลบเกินไป ต้องคิดในแง่บวก ปัญหาต่างๆ จึงจะแก้ได้ ซึ่งวันนี้ 7 พรรคฝ่ายค้านจะมีการทำสัตยาบันร่วมกันในการกำหนดทิศทางทางการเมืองต่อไป
นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีพรรคอนาคตใหม่กู้เงินนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค 191,200,00 บาท ว่า "พูดอย่างตรงไปตรงมา การที่หัวหน้าพรรคให้พรรคตัวเองกู้ยืมเงิน มันคือผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะเงินส่วนนั้นอาจนำไปสู่การสร้างอิทธิพลของหัวหน้าพรรคในพรรคได้"
ขณะที่นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวเว็บไซต์ข่าวสดอิงลิช โพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ระบุว่า "ธนาธรให้พรรคตัวเองกู้ 191 ล้าน ถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่? ผมคิดว่าเสี่ยงเป็นไปได้เพราะมันทำให้อำนาจต่อรองของธนาธรในพรรคเมื่อเทียบสมาชิกผู้อื่นมากขึ้น คนในพรรคเกรงใจมากขึ้น หรือรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณไปโดยปริยาย"
สำหรับ ดร.ปวินและนายประวิตร มีจุดยืนทางการเมืองต่อต้านรัฐประหาร และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยทั้งสองใกล้ชิดกับแกนนำพรรคอนาคตใหม่อย่างนายธนาธร และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่มาก่อน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |