“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี" พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จฯ เลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเบื้องปลาย พุทธศักราช 2562 ก่อนเสด็จฯ ยาตราโดยริ้วขบวนราบ พสกนิกรปลื้มปีติเฝ้าชื่นชมพระบารมี เปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” กึกก้องตลอดพระราชพิธี
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พุทธศักราช 2562 เวลา 16.02 นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ สายสะพายนพรัตนราชวราภรณ์ สวมสายสร้อยจุลจอมเกล้า และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร โดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังเรือนแพที่ประทับรับรองบริเวณท่าวาสุกรี ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเบื้องปลาย พุทธศักราช 2562
ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วยท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน และท่านผู้หญิงพลอยไพลิน เจนเซน เฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ พระที่นั่งสันติชัยปราการ บริเวณสวนสันติชัยปราการ
จากนั้น นาวาเอกธรรมรงค์ สุวรรณกูฏ อัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 ขึ้นรถยนต์พระประเทียบนำรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังท่าวาสุกรี ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เจ้าพนักงานราชูปโภคอัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 ไปประดิษฐานในบุษบกเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช ที่สะพานฉนวนประจำท่าวาสุกรี
เมื่อเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชเคลื่อนออกไป เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์เข้าเทียบสะพานฉนวนประจำท่าวาสุกรี เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เข้าเทียบเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ไว้พร้อมแล้ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ครุย ทรงพระมาลาเส้าสูง และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินไปยังท่าวาสุกรี ณ ที่นั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา, นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าฯ รับเสด็จ พลเรือเอกลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้บัญชาการขบวนเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเบื้องปลาย พุทธศักราช 2562 เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบบังคมทูลพระกรุณารายงานจำนวนเรือและกำลังพล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์แล้ว พันโทสมชาย กาญจนมณี ถวายพระแสงขรรค์ชัยศรี ทรงพระแสงขรรค์ชัยศรี ขณะนั้นทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จไปประทับเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ตามเสด็จในขบวนพยุหยาตรา พลเรือเอกสมชาย ณ บางช้าง ผู้ควบคุมเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ กราบบังคมทูลพระกรุณารายงานบัญชีกำลังพลประจำเรือ นายเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเคลื่อนขบวนพยุหยาตราทางชลมารค
เวลา 16.25 นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เคลื่อนขบวนพยุหยาตราทางชลมารคออกจากท่าวาสุกรีไปตามชลวิถีท้องน้ำเจ้าพระยา ชาวพนักงานประโคมกระทั่ง มโหระทึก สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่และกลองชนะประจำเรือพระราชพิธีประโคมขึ้นพร้อมกัน ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเคลื่อนไปตามลำดับ โดยจัดรูปขบวนเรือตามโบราณราชประเพณี ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ชธงชัยเฉลิมพล
การนี้ เส้นทางเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคจากท่าวาสุกรี-ท่าราชวรดิฐ ระยะทาง 4 กิโลเมตร จัดรูปขบวนเรือแบ่งออกเป็น 5 ริ้ว 3 สาย ดังนี้ ริ้วสายกลางซึ่งเป็นเรือสายสำคัญ ประกอบด้วย เรือพระที่นั่ง 4 ลำ ประกอบด้วยเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์, เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช, เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ นอกจากนี้ มีเรืออีเหลือง, เรือกลองนอก, เรือแตงโม ซึ่งเป็นเรือของผู้บัญชาการขบวนเรือ, เรือกลองใน พร้อมด้วยเรือตำรวจนอกและเรือตำรวจใน
ริ้วสายในขนาบข้างสายเรือพระที่นั่ง มีเรือทองขวานฟ้าและเรือทองบ้าบิ่นเป็นเรือประตูหน้า เรือเสือทยานชลและเรือเสือคำรณสินธุ์เป็นเรือพิฆาต เรือรูปสัตว์ 8 ลำ และปิดท้ายสายในด้วยเรือเอกไชยเหินหาวและเรือเอกไชยหลาวทอง ซึ่งเป็นเรือคู่ชัก และริ้วสายนอก ประกอบด้วยเรือดั้งและเรือแซงสายละ 14 ลำ รวมทั้งสิ้น 52 ลำ ตลอดระยะทางยาตรา นาวาเอกณัฐวัฏ อร่ามเกลื้อ พนักงานเห่เรือขับขานบทเห่เรือทั้งหมด 3 องก์ กึกก้องไปทั่วท้องน้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วยบทสรรเสริญพระบารมี (บทใหม่) บทชมเรือขบวนและบทชมวัง ประพันธ์โดยนาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย
จากนั้น เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชเข้าเทียบสะพานฉนวนประจำท่าราชวรดิฐ เจ้าพนักงานราชูปโภคอัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 จากบุษบกเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช ไปประดิษฐานบนพระราชยานถม เตรียมเข้าริ้วขบวนราบยาตราไปยังพระบรมมหาราชวัง จากนั้นเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชเคลื่อนออกไป ขณะเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์จะเข้าเทียบสะพานฉนวนประจำท่าราชวรดิฐ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ชธงชัยเฉลิมพล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ขึ้นสะพานฉนวนประจำท่าราชวรดิฐ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พลเรือเอกลือชัยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบบังคมทูลพระกรุณารายงาน เสด็จฯ ไปยังพลับพลาที่ประทับรับรอง
เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์เข้าเทียบเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ที่สะพานฉนวนประจำท่าราชวรดิฐ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จขึ้นสะพานฉนวนประจำท่าราชวรดิฐ แล้วตามเสด็จไปเฝ้าฯ ณ พลับพลาที่ประทับรับรอง
สำหรับบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะ 5 จุดหลัก ซึ่งจัดอัฒจันทร์ให้ประชาชนเฝ้าชื่นชมพระบารมี พื้นที่เต็มแน่น อาทิ เชิงสะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี ซึ่งมีภูมิทัศน์สวยงามในการชมยาตราขบวน, สวนสันติชัยปราการ จุดชมขบวนเรือพระราชพิธีที่ชัดเจน, สะพานพระปิ่นเกล้า, สวนนคราภิรมย์ โดยประชาชนต่างพร้อมใจสวมเสื้อเหลือง โบกธงตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ธงพระปรมาภิไธยย่อ วปร. และธงชาติ โดยมีจิตอาสากระจายดูแลและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนอย่างทั่วถึง เมื่อขบวนเรือยาตราผ่าน พสกนิกรต่างพร้อมใจเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง และปลื้มปีติที่ได้ชื่นชมพระบารมี และประทับใจกับความงดงามตระการของขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งเป็นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 10
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ออกจากพลับพลาที่ประทับรับรอง เสด็จฯ ไปยังพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ณ ที่นั้น นายกรัฐมนตรีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เฝ้าฯ รับเสด็จ แล้วเสด็จฯ ไปประทับพระราชยานพุดตานทอง ทรงพระแสงขรรค์ชัยศรี
จากนั้นเวลา 17.51 นาฬิกา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยาตราโดยริ้วขบวนราบไปยังพระบรมมหาราชวัง มีพระราชยานถมอัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 นำริ้วขบวน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระดำเนินเข้าริ้วขบวนราบในฐานะราชองครักษ์ประจำพระองค์คู่เคียงพระราชยาน ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ริ้วขบวนราบยาตราออกจากเกยพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยท่าราชวรดิฐ จากนั้น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เสด็จไปประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังพระบรมมหาราชวัง ทรงรอรับเสด็จ ณ พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท
เส้นทางยาตราริ้วขบวนราบออกจากท่าราชวรดิฐมาตามถนนมหาราช จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหน้าพระลาน แล้วเลี้ยวขวาเข้าพระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษไชยศรี ผ่านประตูพิมานไชยศรีเพื่อไปเทียบยังเกยหน้าพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ใช้เวลาในการยาตราขบวนประมาณ 30 นาที รวมระยะทางประมาณ 800 เมตร ความยาวริ้วขบวนประมาณ 400 เมตร จัดกำลังพลประมาณ 800 นาย ประกอบด้วยข้าราชบริพารในพระองค์ จากหน่วยราชการในพระองค์ ได้แก่ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สำนักพระราชวัง และกำลังพลจากกองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โรงเรียนเตรียมทหาร เดินในท่าเดินกึ่งสวนสนาม ประกอบจังหวะเพลงมาร์ชในเพลงพระราชนิพนธ์ 6 เพลง ประกอบด้วย เพลงมาร์ชราชวัลลภ, มาร์ชธงชัยเฉลิมพล, ยามเย็น, ใกล้รุ่ง, สรรเสริญเสือป่า และเพลงสรรเสริญพระนารายณ์
ริ้วขบวนราบมีพลอากาศเอกสถิตย์ พงษ์สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง เป็นผู้อำนวยการริ้วขบวน ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ขบวนหน้าเป็นขบวนนำ ขบวนพระบรมราชอิสริยยศหรือขบวนเสด็จเป็นขบวนกลาง และขบวนหลังเป็นขบวนตาม
ทั้งนี้ ขบวนหน้าประกอบด้วยตำรวจม้านำ วงดุริยางค์วงนำ กองบังคับการกองผสม และกองพันทหารเกียรติยศ นำโดยมีพลตรีพงษ์ศักดิ์ เปรมทองสุข ผู้อำนวยการกองกำลังพลปฏิบัติการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บังคับกองผสม
ขบวนพระบรมราชอิสริยยศ หรือขบวนเสด็จ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนนำริ้วกับส่วนพระราชยาน ดังนี้ ส่วนนำริ้ว แบ่งเป็น 3 ตอนการเดิน ประกอบด้วย ตอนนำริ้ว ได้แก่เจ้าพนักงานพระราชพิธีนำริ้วเจ้าพนักงานพระราชพิธีประตูหน้าและธงสามชายนำริ้วขบวน ต่อด้วยตอนเครื่องประโคม ประกอบด้วยหมู่กลองมโหระทึก ริ้วกองชนะ ริ้วแตรฝรั่ง แตรงอน และสังข์ โดยมีจ่าปี่ จ่ากลองบรรเลงให้จังหวะและสัญญาณ จากนั้นเป็นตอนพระนำ ซึ่งเป็นริ้วพระราชอิสริยยศเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 ที่เชิญมาในขบวนพยุหยาตราทางชลมารคมาประดิษฐานบนพระราชยานถมประกอบเข้าในริ้วขบวน โดยมีนายทหารราชองครักษ์เชิญธงมหาราชเดินนำหมู่พระราชยานพระนำนี้ จากนั้นเป็นส่วนพระราชยาน และขบวนหลังเป็นขบวนตาม ประกอบด้วยวงดุริยางค์วงตาม และกองพันทหารเกียรติยศตามปิดท้ายขบวน
ริ้วขบวนราบยาตราออกจากท่าราชวรดิฐ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนมหาราช เลี้ยวขวาถนนหน้าพระลาน เลี้ยวขวาเข้าพระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี เทียบพระราชยานพุดตานทองที่เกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ประทับพระราชอิริยาบถที่พระที่นั่งราชกรัณยสภา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ออกจากพระที่นั่งราชกรัณยสภา เสด็จฯ ไปประทับรถยนต์พระที่นั่งข้างประตูกำแพงแก้ว พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พร้อมด้วยรถยนต์พระประเทียบอัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 นำรถยนต์พระที่นั่งจากพระบรมมหาราชวัง เสด็จพระราชดำเนินกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
ทั้งนี้ บรรยากาศบนทางเท้าสองฝั่งบริเวณถนนมหาราช ถนนหน้าพระลาน และบริเวณท่าช้าง มีประชาชนสวมเสื้อเหลืองถือพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชินี ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด มาปักหลักจับจองพื้นที่เพื่อเฝ้าฯ รับเสด็จและชื่นชมพระบารมีในหลวงและพระราชินีตลอดเส้นทางจำนวนมาก
เมื่อขบวนราบผ่าน พสกนิกรพร้อมใจกันเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง โบกธงสีเหลืองพลิ้วไสว รวมถึงเก็บภาพริ้วขบวนอันยิ่งใหญ่งดงามด้วยโทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายภาพ ด้วยเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
น.ส.ณัฐยา ชูสอน ชาวอำเภอโคกโพธิ์ชัย จ.ขอนแก่น อายุ 33 ปี กล่าวว่า เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. จากนั้นวันที่ 12 ธ.ค. มาจับจองพื้นที่บนทางเท้าถนนหน้าพระลานแต่เช้า เพื่อเฝ้าชมพระบารมี รู้สึกตื้นตันและตื่นเต้นที่ได้ชมขบวนราบในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ยิ่งใหญ่มาก พระราชินีทรงร่วมริ้วขบวนอย่างเข้มแข็ง วันนี้พสกนิกรมากันเนืองแน่น แสดงถึงความจงรักภักดี และสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมใจของชาวไทย ตนเองเคยได้รับพระราชทานปริญญาจากพระหัตถ์ที่ มรฏ.อุบลราชธานี พ.ศ.2548 รู้สึกผูกพันกับพระองค์ท่านอย่างมาก ตั้งใจบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม เคยเป็นจิตอาสางานพระราชพิธีพระบรมศพในหลวง ร.9 และทำหน้าที่จิตอาสาในโอกาสสำคัญที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อสานต่อพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านการช่วยเหลือสังคม
น.ส.ปฏิญา เหล่าเพชร นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนนาหลวง เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ กล่าวว่า มากับเพื่อนๆ ในโรงเรียน ทำหน้าที่เป็นจิตอาสาผู้ให้คำแนะนำในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเข้าพื้นที่พระราชพิธีแต่เช้า ช่วยบริการน้ำให้ประชาชน และเป็นล่ามแปลภาษาต่างประเทศให้นักท่องเที่ยวทั้งภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และจีน เมื่อทำหน้าที่เสร็จจึงชวนกันมาเฝ้าฯ รับเสด็จที่บริเวณท่าช้าง เมื่อขบวนราบผ่าน รู้สึกปลื้มปริ่มที่ได้ชื่นชมพระบารมีในหลวงและพระราชินี ซึ่งเป็นครั้งแรก ริ้วขบวนมีความอลังการ เดินอย่างพร้อมเพรียงประกอบเพลงพระราชนิพนธ์ไพเราะ งานครั้งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้พัฒนาทักษะภาษามากขึ้น และอยากเป็นจิตอาสาทำประโยชน์เพื่อสังคมต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |