วันที่ 30 พ.ย.2562 ที่ผ่านมา เป็นวันครบ 2 ปีการจากไปของ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ
คุณฟูอาดี้ พิศสุวรรณ ลูกชายของ ดร.สุรินทร์ได้กล่าวในงานรำลึกที่จัดโดยคณะรัฐศาสตร์, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ที่น่าสนใจ สะท้อนถึงวิธีคิดและอุดมคติของ ดร.สุรินทร์ได้อย่างดี ผมขอนำบางส่วนมาเล่าต่อให้ได้อ่านทั่วหน้ากัน
วันนี้เป็นวันครบรอบ 2 ปีที่คุณพ่อจากผมและทุกคนไป หลายคนคงเห็นคำพูดของคุณพ่อที่แปะอยู่ข้างหน้า
“Life must go on. You cannot stop and turn back or stand still. Make the best of the situation and the circumstances you found yourself in. The Sun will rise again the next day.”
ซึ่งแปลความหมายได้ว่า “ชีวิตต้องดำเนินต่อไป เธอมิอาจหยุดและย้อนกลับหรือนิ่งเฉย ทำให้ดีที่สุดภายใต้สถานการณ์และบริบทที่เผชิญ ถึงอย่างไรตะวันก็ยังจะฉายโชนอีกครั้งในวันพรุ่งนี้”
คำพูดนี้เป็นคำพูดที่อยู่ในอีเมลที่คุณพ่อส่งถึงผมเมื่อ 7 มกราคม ปี 2549 หรือเมื่อเกือบ 14 ปีมาแล้ว หลังจากที่ผมทำได้ไม่ดีในการสอบกลางภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
หากมองดูย้อนหลังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เรียกว่าเล็กมากในชีวิตมนุษย์คนหนึ่ง แต่คุณพ่อก็ให้คุณค่ากับมัน และเปลี่ยนเป็นโอกาสในการใช้แนะนำมุมมองที่ผมควรมีต่อโลก แนวคิดแบบนี้ที่ผมขอเรียกตามป๊อปคัลเจอร์ เหมือนชื่อเพลงดังของวงบอดี้สแลม ว่าเป็นแนวคิด “ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ” หรือภาษาอังกฤษที่ผมอยากขอเรียกว่า “resilience”
“resilience” หรือแปลตรงตัวคือ “ความยืดหยุ่น” หรือในบริบทที่คุณพ่อพยายามจะสื่อก็คือ ความสามารถในการปรับตัวและฟื้นตัวภายหลังจากเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่เราล้ม พ่ายแพ้ รู้สึกท้อ รู้สึกสูญเสีย เราทำอะไรที่ผิดพลาดไป ถูกกระทำ หรือถูกกลั่นแกล้ง
สำหรับตัวผมเองเรื่องที่ต้องการ “resilience” อย่างมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการสูญเสียของคุณพ่อ
ในชีวิตของคุณพ่อเอง ตัวอย่างของการปรับตัวและฟื้นตัวจากความผิดหวัง ก็มีให้เห็นอยู่ตลอดทั้งชีวิต หลายสิ่งที่คุณพ่อทำ เป็นเรื่องที่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จ ตัวอย่างสำคัญก็คือการที่รัฐบาลเปลี่ยนขั้วทำให้เมื่อเกือบ 15 ปีที่แล้วคุณพ่อไม่ได้ถูกเสนอชื่อโดยรัฐบาลไทยให้ไปชิงตำแหน่งเลขาฯ UN แต่ผมไม่เคยเห็นคุณพ่อบ่นหรือแสดงความเสียใจอะไร ท่านเข้าใจในบริบทการเมืองที่เปลี่ยนไป ชีวิตท่านก็ดำเนินต่อไป และพอโอกาสในการเป็นเลขาฯ อาเซียนเข้ามา ท่านก็ทำเต็มที่กับมัน
หรือในระยะสุดท้ายของชีวิต ท่านคิดที่จะลงชิงชัยผู้ว่าฯ กทม. ผมถามท่านว่าจะเสียใจไหมหากแพ้ ท่านบอกว่าก็เสียใจหนึ่งวันแล้วชีวิตก็ดำเนินต่อไป ยังมีเรื่องที่อยากทำอีกเยอะ
ผมคิดว่าหากเราได้ศึกษาชีวประวัติของลูกแม่โดมที่โดดเด่นหลายท่าน เราจะได้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและฟื้นตัวที่เด่นชัดของผู้นำเหล่านี้
“resilience” จึงเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้นำ และผมตั้งใจเลือกข้อความนี้มาติดหน้าห้อง เพื่อให้กำลังใจน้องๆ นักเรียนธรรมศาสตร์ ไม่ใช่เฉพาะเวลาหลังได้รับผลสอบ แต่โดยเฉพาะเวลาหลังจากที่น้องๆ ต้องออกไปเผชิญโลกภายนอก ซึ่งต้องมาพร้อมกับความผิดหวังบ้างอย่างแน่นอน
อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมเลือกข้อความนี้ของคุณพ่อมาแปะไว้ตรงนี้ เพราะต้องการให้กำลังใจอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ในวันที่ศาสตร์แห่งรัฐไม่ได้ถูกนำไปใช้อย่างถูกต้องมากนัก
ผมอยากให้ข้อความของคุณพ่อเป็นกำลังใจให้อาจารย์ เพราะเราเจอเหตุการณ์โดยเฉพาะทางการเมืองที่ทำให้ท้อได้ทุกวัน ทำให้ไม่แน่ใจว่าทฤษฎีและสิ่งที่เราสอนจะอธิบายความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามอำเภอใจของผู้นำในหลายๆ ประเทศทั่วโลกได้อย่างไร
แต่หากถามคุณพ่อ แม้ในสภาวะที่ “อยู่ยาก” เพียงนี้ เราก็อยู่ในสภาพที่หมดหวังไม่ได้ อาจารย์คือความหวัง ความหวังในการสร้างเด็กที่มีเสรีภาพทางความคิด สร้างให้เขามีความอยากที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น สร้างให้เขาอยากรักษาสิ่งที่ดีอยู่แล้วของสังคม แต่ที่สำคัญที่สุด เขาควรจะมีสิทธิ์ที่จะคิดได้เองว่าสิ่งที่ดีเหล่านั้นคืออะไรโดยไม่ใช้การบังคับหรือข่มขู่
resilience ของอาจารย์ทุกคนจึงสำคัญมากต่ออนาคตของชาติ หากอาจารย์ท่านใดท้อ ขอให้รู้ว่ามีพ่อผมคนหนึ่งที่เคารพและให้กำลังอาจารย์ทุกท่านอยู่ เพราะท่านก็เป็นอาจารย์ที่รักธรรมศาสตร์ และรักประชาชนเหมือนกับทุกท่าน
ผมตีความเองว่าหาก ดร.สุรินทร์ยังมีชีวิตอยู่ก็คงจะยืนยันว่า “อยู่ยากอย่างไรก็ต้องอยู่ให้ได้” กระมัง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |