มีความสุขกับงานที่ทำ เทคนิคสุขภาพดีเมื่อ60+


เพิ่มเพื่อน    

(สมจิตร์ เนติธรรมากร)

 

      โบราณว่ายิ่งเข้าสู่วัยเก๋ายิ่งเป็นวัย ที่มีคุณภาพก็คงไม่ผิดมากนัก สำหรับ พี่สมจิตร์ เนติธรรมากร ในวัย 67 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านชุดชั้นในจากแบรนด์วาโก้ ที่ปัจจุบันทำงานเป็นที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) แต่ที่รู้จักกันดีคือเจ้าตัวเป็นหนึ่งในทีมงานศึกษาและค้นคว้าวิจัยร่วมกับทีมแพทย์และพยาบาล รพ.ศิริราช เกี่ยวกับการจัดทำเต้านมเทียม เพื่อบริจาคให้กับผู้หญิงที่ป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งต้องสูญเสียเต้านมจากการผ่าตัดรักษา ภายใต้โครงการเพื่อสังคมดีๆ อย่างแคมเปญ “บาลานซิ่ง บรา” ผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในวาโก้ โดยบริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ที่ปัจจุบันยังมีแจกจ่ายให้กับผู้หญิงที่สูญเสียเต้านมจากการผ่าตัดรักษาโรคร้ายทุกไซส์ ทุกขนาด ที่ศูนย์สุขภาพ ภายใต้สถาบันโรคมะเร็ง

        พี่สมจิตร์ เล่าให้ฟังว่า เหตุผล ที่ได้เข้าร่วมเป็นทีมงานเพื่อดีไซน์เต้านมเทียมเพื่อคุณสาวๆ นั้น เริ่มจากการที่เจ้าตัวทำงานอยู่ฝ่ายแผนกบริการลูกค้าเกี่ยวกับการวัดและตัดชุดชั้นในวาโก้สำหรับคนไซส์พิเศษโดยเฉพาะ และวันหนึ่งมีลูกค้าวัย 40 ปี ที่สูญเสียเต้านมเดินเข้ามาบอกว่าตัวเองตัดเต้านมและต้องการชุดในไซส์พิเศษนี้ จากจุดเริ่มต้นดังกล่าวจึงทำให้ผู้บริหาร ตระหนักถึงผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม และต้องตัดเต้านมทิ้งที่อาจจะเสียความมั่นใจ กระทั่งได้มีจัดทำเต้านมเทียมที่ได้รับความร่วมมือจากทีมแพทย์และพยาบาล รพ.ศิริราช ในการนำส่งคนไข้ที่ป่วยโรคดังกล่าว ตลอดจนให้ข้อมูลที่สำคัญในการดูแลตัวเองของผู้ป่วย กระทั่งได้คิดค้นเป็นเต้านมเทียมที่มีความใกล้เคียงจากธรรมชาติ โดยผลิตคิดค้นจากเม็ดพลาสติกที่ทำจากไมโครโฟม ภายในเต้านมเทียม ซึ่งมีความอ่อนนุ่ม ไม่ระคายเคือง ไม่ไวต่อไฟ อีกทั้งป้องกันเชื้อราไปในตัว ทำให้ผู้ใช้เกิดความสะดวกสบายและมั่นใจมากขึ้น...เกริ่นเรื่องการทำงานมายาวขนาดนี้ ส่วนเรื่องการดูแลสุขภาพในฐานะคนวัยเก๋า ที่ปัจจุบันยังแข็งแรงและทำงานอยู่ ประกอบทางบริษัทนั้นมีโนโยบายสนับสนุนคนวัยเกษียณให้ทำงาน ก็นับเป็นแง่มุมในการใช้ชีวิตที่น่าสนใจ และมีความสุขกับวัยหลัง 60 ปี

        พี่สมจิตร์ เล่าว่า “โดยส่วนตัวพี่ไม่มีโรคประจำตัว เพราะก่อนหน้านี้พนักงานของเรามักไปออกกำลังกายกันเป็นกลุ่ม เช่น ตีแบดมินตัน ว่ายน้ำ เดิน พี่ก็ไปออกกำลังกายร่วมกับเพื่อนร่วมงานในบริษัทค่ะ แต่ตอนหลังอายุมากขึ้น พี่เลยพักจากการออกกำลังเป็นกลุ่ม โดยการหันมายืดเหยียดร่างกาย โดยจะทำก่อนนอนเป็นประจำค่ะ เอาง่ายๆทมว่าก่อนเข้านอนทุกคืนนั้น พี่จะทำกิจกรรม 3 อย่าง ซึ่งถือได้ว่าเป็นการดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจที่น่าสนใจ

      อันที่ 1 คือ “การยืดเหยียดร่างกาย” เป็นประจำก่อนเข้านอน ส่วนอันที่ 2 คือ “ระบายสีน้ำ” เพราะพี่เป็นคนวาดรูปไม่สวย แต่การระบายสีน้ำเป็นกิจกรรมที่พี่ชอบมากๆ ค่ะ และพี่ดีใจมากที่บ้านเรามีสมุดระบายสำหรับคนสูงวัย พี่มีอยู่เกือบ 10 เล่มค่ะ มีทุกยี่ห้อตั้งแต่เล่มละ 300-1,500 บาท เพราะการระบายสีนั้นไม่มีสิ่งที่ถูกผิด เพราะเราสามารถใช้สีสดใส เช่น สีฟ้า สีม่วง ซึ่งเป็นที่ชอบระบายลงในรูปวาดได้ ก็จะทำให้เราผ่อนคลายและมีความสุขมากๆค่ะ ซึ่งพี่จะให้เวลากับกิจกรรมนี้ ประมาณ 30 นาที ส่วนกิจกรรมที่ 3 คือ การ “อ่านหนังสือธรรมะ” หรือ “อ่านหนังสือตำราอาหาร” เพราะพี่เป็นคนชอบการทำอาหารมากๆ ค่ะ ประกอบกับคุณแม่เป็นอาจารย์ สอนเกี่ยวกับอาหารและโภชนาการ จึงทำให้พี่รักการทำอาหารเป็นอย่างมาก โดยทุกวันอาทิตย์ ตอนประมาณ 10.00 น. พี่จะทำอาหารไปวัดป่าที่ จ.เชียงใหม่ เนื่องจากพี่ทำงาน 5 วัน และวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ก็จะนั่งรถทัวร์กลับ จ.เชียงใหม่ เนื่องจากครอบครัวอยู่ที่นั่น เมื่อทำอาหารไปถวายพระสงฆ์แล้ว ก็จะนั่งพูดคุยสนทนาธรรมร่วมกัน ก็ถือว่าเป็นวิธีบำบัดจิตใจของพี่อย่างหนึ่งค่ะ”

      ส่วนการทำงานหลังวัยเกษียณนั้น พี่สมจิตร์ บอกว่า “ปัจจุบันทำงานรับผิดชอบเป็นที่ปรึกษา ซึ่งโดยตำแหน่งนั้น ในแต่ละวันเราไม่ได้ดูแลรับผิดชอบโดยตรง แต่ให้รุ่นน้องในที่ทำงานเป็นผู้นำในการจัดการเรื่องต่างๆ เช่น เวลาที่น้องคิดหรือทำอะไร พี่จะคอยเป็นผู้ให้คำปรึกษาและแนะนำน้อง แต่ท้ายที่สุดแล้วรุ่นน้องต้องเป็นผู้ที่คิดริเริ่มโครงการต่างๆ ก่อนค่ะ นอกจากนี้งานที่รับผิดชอบนั้น เราในฐานะรุ่นพี่ก็ต้องหาข้อมูลและเรียนรู้นวัตกรรม รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะต่างคนต่างต้องนำความรู้มาแลกเปลี่ยนกัน เพราะนโยบายในการทำงานของเรานั้นไม่ได้เน้นการขายบริการต่างๆ แต่มันต้องมาจากข้างใน โดยเฉพาะความเต็มใจในการบริการ

      พูดง่ายๆ ว่าไม่ได้เน้นผลกำไรแต่อย่างเดียว แต่เราต้องให้อะไรกับสังคมเช่นเดียวกันด้วย และจากประสบการณ์ในการทำงานมาประมาณ 30-40 ปีนั้น ผู้บริหารในเครือของสหพัฒน์จะบริหารงานที่เน้นความเป็นระบบครอบครัว และแต่ละครอบครัวหรือองค์กรในเครือก็จะรับผิดชอบกันเอง หรือทำงานแบบเป็นกันเอง แต่ให้รุ่นน้องเคารพรุ่นพี่ และร่วมกันทำงานอีกทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน ทั้งนี้ สิ่งที่พี่ได้จากการทำงานมาตลอด แม้ว่าปัจจุบันจะเข้าสู่วัย 67 ปีแล้ว คือในทุกๆ วันที่เราได้มาทำงานนั้น เท่ากับว่าเราได้เรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกแบบชุดชั้นใน ตลอดจนได้บริการลูกค้าที่สั่งตัดชุดชั้นในโดยเฉพาะ โดยการตอบไลน์บ้าง หรือรับโทรศัพท์ในการพูดคุย ให้คำปรึกษา สิ่งเหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งค่ะ ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าในการบริการผู้อื่น”

      ในฐานะคนที่เป็นผู้ใหญ่ ประกอบกับไม่มีลูกหลาน แต่มีสิ่งที่อยากฝากไปถึงคนรุ่นใหม่นั้น พี่สมจิตร์ บอกว่า “ในฐานะที่เราเป็นคนไทยเกิดในเมืองไทย และมีวัฒนธรรมที่ดีงามอย่างการเคารพผู้ใหญ่ อันที่จริงพี่อยากขอว่าไม่จำเป็นทำให้ได้ 50% แต่อย่างน้อยขอให้ได้สัก 20% ขึ้นไป ก็พอใจแล้วค่ะ โดยเฉพาะเรื่องของการเคารพผู้ใหญ่ แม้ว่าผู้ใหญ่ท่านนั้นจะไม่ใช่หัวหน้าคุณโดยตรง แต่เขาก็เป็นผู้อาวุโสในองค์กร ดังนั้นการทักทายด้วยการไหว้สวัสดีจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากค่ะ หรือแม้แต่การที่ผู้ใหญ่เปิดประตูให้เรา แม้ว่าเราจะรู้จักหรือไม่รู้จัก ก็ควรพูดขอบคุณ เพราะบางคนนั้นจะเดินผ่านไปเฉยๆ เนื่องจากคำพูดเหล่านี้เป็นวัฒนธรรมที่ดีงามของคนไทยค่ะ โดยเฉพาะการขอบคุณและขอโทษ ที่เด็กๆ รุ่นใหม่ไม่ควรลืมเลือนค่ะ”.          


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"