พรรคใหม่ในการเมือง ‘ลูปเดิม’ สุดท้ายแค่ ‘สงครามนอมินี’


เพิ่มเพื่อน    

    ตั้งแต่เปิดจดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ความเคลื่อนไหวทางการเมืองกลับมาคึกคัก หลังเปิดให้พรรคใหม่ไปขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แม้จะยังขยับเขยื้อนกันไม่ได้เต็มที่ เพราะยังมีโซ่ตรวนคำสั่งและประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พันธนาการเอาไว้

            แต่อย่างน้อยทำให้การเมืองไทยที่จืดชืดมานาน มีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง เหมือนเป็นการสร้างความหวัง ว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นแน่ เพราะได้เปิดโอกาสให้พรรคการเมือง แต่งตัวรอ

            ขณะที่ก่อนหน้านี้ หลายคนเฝ้ารออยากจะเห็นบรรดาพรรคใหม่ ที่จะเข้ามาเป็นตัวแปรการเมืองในอนาคต ตามกฎกติการัฐธรรมนูญปี 2560 ที่เหมือนจะเอื้อให้พรรคขนาดกลาง และพรรคขนาดเล็ก ได้มีโอกาสถัวคะแนนจากพรรคใหญ่ ให้ได้ที่นั่ง ส.ส.

            ตามที่มีการประเมินกันตั้งแต่เห็นหน้าค่าตารัฐธรรมนูญ มันจะมีพรรคขนาดเอสเอ็มอีผุดเป็นดอกเห็ด เพื่อเข้าไปเป็นองคาพยพของแต่ละขั้ว

            โดยเฉพาะในส่วนของท็อปบูต ที่วางเป้าดัน บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้นำอีกสมัย ที่มีการคาดหมายว่า จะมีการจัดตั้งพรรคทหาร และพรรคแนวร่วม ขึ้นมาเป็นฐานในสภาฯ เอาไว้

            ส่วนพรรคเพื่อไทย วันนี้เมื่อถูกกำหนดเพดาน อาจใช้ยุทธศาสตร์ แยกกันตี โดยการไปสร้างพรรคนอมินี เพื่อไปไหลรวมกันในสภาฯ สู้กับฝ่ายตรงข้ามเพื่อกลับมามีอำนาจอีกครั้ง

            พอถึงวันเปิดให้จดจัดตั้งพรรคใหม่ ไฮไลต์เลยไม่ได้อยู่ที่นักการเมืองรุ่นใหม่ แต่คนกลับหันไปให้ความสนใจว่า พรรคใหม่ๆ เหล่านี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังกับการเมืองขั้วไหนมากกว่า ระหว่าง “ทหาร” กับ “เพื่อไทย” เห็นได้จากพรรคที่มีนายทหาร หรือพรรคของคนที่ใกล้ชิดกับ คสช.จะถูกมองว่าเป็น พรรคนอมินี ของท็อปบูตแทบทั้งสิ้น

            ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังชาติไทยของ พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ อดีตคณะทำงานเตรียมการปฏิรูปเพื่อคืนความสุขให้คนในชาติ คสช., พรรคเพื่อชาติไทย ของนางอัมพาพันธุ์ ธเนศเดชสุนทร อดีตภรรยา "บิ๊กจ๊อด" พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตประธานคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.), พรรคประชาชนปฏิรูป ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และพรรคพลังประชารัฐ ของนายชวน ชูจันทร์ ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรตลาดน้ำคลองลัดมะยม ฯลฯ

            เช่นเดียวกับของขั้วตรงข้าม ที่ พรรคอนาคตใหม่ ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถูกจับจ้องว่า เป็นพรรคเก่า แยกค่ายของ “เพื่อไทย”

            แม้ “ธนาธร” และผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง ปิยะบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ จะปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย แต่ด้วยแบรนด์ “จึงรุ่งเรืองกิจ” และจุดยืนของทั้งคู่ในช่วงที่ผ่านมา มันทำให้หลายคนเชื่อว่า สุดท้ายพวกเขาจะไม่มีทางเลือกอยู่ข้างท็อปบูต และเมื่อไม่ได้เป็นพรรคใหญ่ ที่สุดจะวกกลับไปอยู่กับพรรคสีแดงอยู่ดี

            พรรคใหม่ในวันนี้จึงดูเหมือนเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ ไม่ใช่นักการเมืองหน้าใหม่จริงๆ ที่มีเจตนาอยากจะลงแข่งขันเพื่อพาประเทศออกจากความขัดแย้ง

            ยังสะท้อนว่า การเมืองในประเทศยังไม่หลุดออกจากหล่ม แต่ยังเป็นเรื่องของ 2 ขั้วอำนาจที่แข่งกัน ยังไม่มีขั้วใหม่ เหมือนเจตนารมณ์ที่เขียนเอาไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2560

            มันกลายเป็นว่า พรรคใหม่แกะกล่องเหล่านี้ล้วนมีจุดยืนชัดเจนมาแล้ว ว่าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเจตนาสนับสนุนฝ่ายไหน ไม่ใช่ต้องการเป็น “ทางเลือก” ให้สังคม

            สนามเลือกตั้งที่จะมาถึง เหมือนเป็นการฟาดฟันกันแค่ 2 ฝ่าย ระหว่าง ฝ่ายท็อปบูต กับ ฝ่ายเพื่อไทย เท่านั้น โดยมีองคาพยพมาเป็นฐานในการเข้าสู่อำนาจ

            การเมืองไทยภายหลังสนามเลือกตั้งก็จะยังวนอยู่ในลูปเดิม!

            อีกสิ่งที่หลายคนจับตาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ การเข้าสู่อำนาจของ “บิ๊กตู่” จะยังมาในรูปของ นายกฯ คนนอก เหมือนเดิมหรือไม่ หลังมีนายชวน ชูจันทร์ ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรตลาดน้ำคลองลัดมะยม เข้าไปจดจัดตั้งพรรค “พลังประชารัฐ” ที่พ้องกับโครงการสานพลังประชารัฐของรัฐบาล

            นอกจากชื่อที่เป็นแบรนด์ของ “รัฐบาลบิ๊กตู่” บุคคลผู้ก่อตั้งพรรคยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลในรัฐบาล และ คสช. โดยเฉพาะ “ลุงชวน” ที่สืบไปสืบมากลายเป็นเพื่อนซี้ของ “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และเจ้าของโปรเจ็กต์ “ประชารัฐ”

            นอกจากนี้ ตลาดน้ำคลองลัดมะยมยังเป็นตลาดแห่งแรกใน “โครงการตลาดประชารัฐต้องชม” ที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เข้าไปส่งเสริมและสนับสนุนสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจชุมชน

            ขณะเดียวกัน 1 ในผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ยังปรากฏชื่อ “ผู้การสุชาติ” พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 (ตท.12) ของ “บิ๊กตู่”

            แล้วยังออกมาประกาศว่าจะเทียบเชิญ “บิ๊กตู่” ไปเป็นที่ปรึกษาพรรค พร้อมกับชูเป็นนายกฯ อีกสมัย เลยเปรี้ยงปร้างกว่าพรรคใหม่อื่นๆ

            เมื่อชื่อพ้องกับจุดขายของ “รัฐบาลบิ๊กตู่” และยังมีคนสนิทของ 2 คีย์แมนในรัฐบาล “พรรคพลังประชารัฐ” เลยถูกจับตามองมากที่สุดในชั่วโมงนี้ว่า มีความเป็นไปได้ใกล้เคียงที่สุดในการเป็น “พรรคทหาร”

            การมาของพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตกันเยอะว่า หรือ “บิ๊กตู่” จะเปลี่ยนสูตรใหม่ หันไปใช้วิธีสังกัดพรรค เพื่อไม่ให้ดู ขาลอย หรือไม่

            เพราะถ้าอ่านท่าทีต่อข่าวดังกล่าว ยังอยู่ในลูก แทงกั๊ก หรือยังไม่ตอบรับ หรือปฏิเสธในทันที! หรือมันจะเป็นเพียงเกม โยนหินถามทาง เพื่อหยั่งกระแสดูปฏิกิริยาต่อสังคม ว่าจะเป็นอย่างไร หาก “บิ๊กตู่” จะไปจัดตั้งพรรค

            การยังแบ่งรับแบ่งสู้ โดยยังไม่ตอบรับ และไม่หักหาญน้ำใจ มันยังทำให้สถานะของ “บิ๊กตู่” ยังอยู่ในรูปทรงเดิมคือ “ทางเลือก” ของสังคมถ้าไม่เอา 2 พรรคใหญ่

            หากกระแสพรรคพลังประชารัฐไม่ดี ก็ไม่มีอะไรเสียหาย เพราะรัฐบาลยังไม่ได้ยอมรับว่า เป็นพรรคของทหาร ถือเป็นว่าได้ประเมินไปในตัว

            เพราะอย่างไรเสีย ยังมีสูตร “นายกฯ คนนอก” ที่วางเอาไว้แต่แรกอยู่ ซึ่งการมาในลักษณะนี้ ดูจะมีราคากว่าการเป็นนายกฯ ที่มาจากพรรคขนาดเล็ก

            สถานะจะเหมือนถูกไปเชิญให้มาเป็นนายกฯ เหมือนกับครั้งหนึ่งที่นักการเมืองเคยไปเชิญ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มาเป็นนายกฯ เมื่อหลายสิบปีก่อน

            ที่สำคัญ แม้จะเป็น “นายกฯ คนนอก” แต่จะมีเครดิตมากกว่าตอนนี้ที่มาจากรัฐประหาร เพราะอย่างน้อยก็เป็น “นายกฯ คนนอก” ที่มาถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ อยู่ในกรอบของระบอบประชาธิปไตย ไม่มีช่องให้ล้อปมด้อยเหมือนปัจจุบัน

            ดังนั้น ไม่ว่าพรรค “พลังประชารัฐ” จะเป็นพรรคแท้ หรือแค่องคาพยพในสนามเลือกตั้ง และ “บิ๊กตู่” จะเป็นนายกฯ ในสูตรไหนระหว่างมีพรรคกับขาลอย อย่างไรก็ “เนื้อเดียวกัน”  

            ในเมื่อพรรคใหม่เหล่านี้ ถูกสร้างขึ้นมาแค่เป็นแนวร่วมของแต่ละฝ่ายเท่านั้น!!.

                                                                           ทีมข่าวการเมือง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"