เมื่อ 'อองซาน ซูจี' ต้อง ขึ้นศาลโลกกรณีโรฮีนจา


เพิ่มเพื่อน    

 

           อองซาน ซูจีเคยเป็นสัญลักษณ์ของนักต่อสู้เพื่อเสรีภาพ ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน

                เธอถูกทหารเมียนมากักบริเวณรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ปี

                ชื่อเสียงและการยอมรับของสังคมโลกมาจากการที่เธอลุกขึ้นสู้กับเผด็จการทหารและการละเมิดอำนาจทางการเมือง

                วันนี้เธอกลายเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนในการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของชนกลุ่มน้อยโรฮีนจาในพม่า

                วันนี้เธอกลับต้องมาปกป้องบทบาทและชื่อเสียงของผู้นำทหารที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้จับเธอกักขัง

                ครั้งหนึ่งเธอเคยยืนอยู่คนละข้างกับทหาร แต่วันนี้เธอกลายเป็น "ผู้ปกป้อง" ทหารอย่างน่าอัศจรรย์

                เห็นภาพที่เธอนำคณะรัฐบาลเมียนมาไปต่อสู้คดีถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการ "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ชาวโรฮีนจาที่กรุงเฮกวันก่อนแล้ว ก็ทำให้คิดถึงความเปลี่ยนแปลงอันเป็นสัจธรรมชั่วนิรันดร์ของการเมือง

                คนที่เคยเป็นวีรสตรีของชาวโลก วันนี้กลายเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าร่วมเข่นฆ่าชนกลุ่มน้อยในประเทศของเธอเองได้อย่างไร?

                ข้อหาเรื่องนี้มาจากประเทศแกมเบียในแอฟริกา ทำหน้าที่เป็นตัวแทนขององค์การความร่วมมืออิสลามหรือ OIC ที่มีสมาชิก 57 ชาติ ฟ้องรัฐบาลเมียนมาในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ International Court of Justice (ICJ) ว่ามีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

                คำฟ้องขอให้สหประชาชาติจัดการหามาตรการป้องกันชาวโรฮีนจาจากรัฐยะไข่ของเมียนมา ที่อพยพหนีตายไปอยู่ฝั่งบังกลาเทศเกือบ 1 ล้านคนในช่วงหนึ่งปีก่อนหน้านี้

                ทั้งๆ ที่มีข้อตกลงอย่างเป็นทางการระหว่างสองรัฐบาล แต่ถึงวันนี้ชาวโรฮีนจาก็ยังไม่ยอมทยอยกลับมายะไข่เพราะกลัวว่าจะถูกกลั่นแกล้งและรังแก

                รัฐบาลเมียนมาไม่เคยยอมรับการดำรงอยู่ของ "โรฮีนจา" ซึ่งแม้แต่อองซาน ซูจีก็ยังเรียกว่าเป็น  "ชาวเบงกาลีหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย"

                อองซาน ซูจีถูกนักข่าวต่างชาติสัมภาษณ์ถามถึงเรื่องนี้มาตลอด เธอยืนยันว่าไม่มีกรณี "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" หรือ genocide อย่างที่ถูกกล่าวหาแต่ประการใด

                เธออ้างว่ามีกลุ่มก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่กับชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ ที่ได้ก่อเหตุรุนแรงและจงใจเผาบ้านช่องของคนกลุ่มนี้เพื่อโยนความผิดให้ทหารเมียนมา

                อองซาน ซูจีต้องยอม "กลืนเลือด" ที่ถูกกล่าวหาโดยประชาคมโลก ว่าเธอได้เปลี่ยนท่าทีจากผู้ต่อต้านเผด็จการมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบทหารแล้ว

                องค์การระหว่างประเทศหลายแห่งที่เคยมอบรางวัลให้เธอ ในฐานะนักต่อสู้เพื่อเสรีภาพและความเสมอภาคได้ประกาศยกเลิกเกียรติยศเหล่านั้น

                บางแห่งขอเหรียญตราและรางวัลคืนด้วยซ้ำไป

                การต้องขึ้นศาลเพื่อปกปักรักษารัฐบาลของเธอนั้น ถูกมองว่าอย่างไรเสียอองซาน ซูจีจะต้องแสดงความเป็น "ผู้รักชาติ" ให้คนเมียนมาได้เห็นว่าเธอยอมเสียสละด้วยการถูกวิพากษ์วิจารณ์เสียๆ หายๆ  จากข้างนอกเพราะต้องการจะรักษาความเป็นเมียนมาเอาไว้

                คนเมียนมาจำนวนไม่น้อยไม่ยอมรับชาวโรฮีนจาซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยที่นับถือมุสลิม และมองว่าคนกลุ่มนี้เป็นภัยต่อความมั่นคงของตน ขณะที่หลายประเทศในโลกโดยเฉพาะที่เป็นประเทศมุสลิมกลับมองว่าชาวโรฮีนจาของยะไข่ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม และเป็นเหยื่อของการเข่นฆ่าอย่างไร้ความปรานีโดยสิ้นเชิง

                แม้แต่นายกรัฐมนตรีมหาธีร์แห่งมาเลเซียก็ยังออกมาประณามอองซาน ซูจีอย่างไม่เกรงใจในประเด็นนี้ แม้จะเป็นเพื่อนสมาชิกอาเซียนด้วยกันก็ตาม

                ศาลโลกไม่มีอำนาจลงโทษหรือจัดการกับอองซาน ซูจี หรือผู้นำทหารเมียนมาแม้จะพบว่ามีการกระทำผิด เพราะไม่มีอำนาจทางกฎหมายแต่อย่างใด

                แต่ก็อาจมีผลต่อเนื่องที่อาจนำไปสู่การคว่ำบาตรขององค์การระหว่างประเทศอื่น หากศาลโลกมีมติไปในทางที่ไม่เป็นคุณต่อเมียนมาในกรณีนี้

                สำหรับอองซาน ซูจีแล้ว เรื่องนี้มีความสำคัญต่อการเมืองภายในประเทศเป็นอย่างยิ่ง เพราะคนเมียนมาจำนวนไม่น้อยมองชาวโรฮีนจาอย่างมีอคติ และไม่ต้องการให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด

                ยิ่งการเลือกตั้งใหญ่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีหน้าด้วยแล้ว ประเด็นนี้ก็ยิ่งกลายเป็นเรื่องร้อน  เพราะหากอองซาน ซูจีต้องการจะให้พรรค NLD ของตนยังครองใจประชาชนคนเมียนมาต่อไป ก็จำเป็นจะต้องยึดเอานโยบาย "ไม่เอาโรฮีนจา" ต่อไปอีก

                สรุปว่าเธอเลือกแล้วที่จะเดินตามนโยบายที่ตรงกับความรู้สึกของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในเมียนมา มากกว่าจะแก้ปัญหาชนกลุ่มน้อยกลุ่มนี้แม้จะเป็นเรื่องเกรียวกราวในเวทีระหว่างประเทศเพียงใดก็ตาม!

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"