11 ธ.ค. 62 - นายชาญวิทย์ ใจสว่าง หรือ ดร.โจ อดีตผู้สมัครส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบันลาออกจากสมาชิกพรรคอนาคตใหม่แล้ว ได้โพสต์เฟซบุ๊กหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีมติ ส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ โโยมีรายละเอียดดังนี้
ลาก่อนอนาคตใหม่
ระส่ำไปทั้งพรรค หลัง “วันสิ้นพรรค” กำลังจะเกิดขึ้น
หวาดระแวงลงไปตามตามกัน ทั่วถึงสาขา ตจว. เตรียมตัวว่างงาน
เพราะเหตุ “ยุบพรรค”
จากเรื่องเงินกู้ 191 ล้าน และ เงินบริจาค ที่ตกแต่งบัญชี อำพรางผู้ให้และผู้รับ
ธรรมดา พูดกันเยอะ พรรคไม่รอด ขนาดหุ้นสื่อ ยังออกเทาๆบ้าง ในมุมนักกฎหมายบางคน แต่พอนักกฎหมาย ผู้ไม่เคยออกนอกห้องบรรยาย สู่โลกความจริงแห่งการนำกฎหมายไปใช้ ประกาศ ยอมแพ้ไม่ส่งเอกสารการเงินให้ กกต.เท่านั้น
หมดพรรคก็ว่าได้ พูดกันเสียงเดียว “หายนะ” แล้วอนาคตใหม่ หลักๆ คือ
1 แกนนำพรรค กรรมการบริหาร ผู้บริจาคเงิน ติดคุก
2 แกนนำพรรค กรรมการบริหาร หมดสิทธิลงการเมืองยาว
3 ส.ส. ที่เหลือ ต้องทิ้งพรรค หาพรรคใหม่
4 เจ้าหน้าที่พรรค ผู้ช่วย ส.ส. ตกงาน เกือบพัน
การไม่ส่งเอกสาร เป็นวิธีที่ดีที่สุด ทั้งนี้ในทางบัญชี จะสัมพันธ์กับกฎหมาย ทุกอักษร ทุกตัวเลข ที่ใส่ลงไปคือสิ่งที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมด เท่ากับยิ่งมากความ เติมแต่งแก้ไข อธิบาย ยิ่งพันคนเพิ่มขึ้นได้ โทษฐานความผิดอาจถูกขยายกว้างขึ้นอีก ผิดเท่าที่มีอยู่ก่อน ก็หนักพอแล้ว
คุกไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ ดั่งที่ ธนาธร บอก
การทำการเมือง ที่มีแนวร่วมต้องโทษโดนคดี คือความเจ็บปวดทั้งนั้น
ความสำเร็จที่น่าภูมิใจ คือถึงเป้าหมาย โดยไม่มีการสูญเสียใครสักคน
สู้กับ คสช. แต่ไม่ป้องกันตัวเอง เหมือนไปแข่งกีฬาต่างประเทศ สิ่งที่ต้องระวัง คือ เจ้าภาพจ้องจับผิดเรื่องกฎกติกา มารยาท มาก เพราะการผิดแม้นครั้งเดียวคือการแพ้โดยไม่ต้องแข่งให้จบเกมส์ก็ได้
กับ คสช. คล้ายกัน รู้กันทุกพรรค กกต. ศาล รธน. คนของใคร เขาอาจโน้มเอียงได้ จึงต้องระวังซึ่งถ้า ทำเรื่องหุ้นสื่อให้เสร็จก่อนหน้านานๆ คดีก็ไม่เกิด
ส่วนการระดมทุน วิธีแบบปลอดภัยไม่ผิดกฎหมายมีมาก แต่นักกฎหมายคนเก่ง เขาคนเหนือคน นิสัยไม่ชอบฟังใคร ความสูญเสียจึงเกิดขึ้นเพราะคนของคุณไม่ระวังกันเอง ไม่จำเป็นต้องจ้องจับผิด คุณผิดด้วยการกระทำของคุณเอง
การวิจารณ์อนาคตใหม่ ไม่ใช่ว่า ผมชื่นชอบและไปนิยม “ประยุทธ์”
ประยุทธ์ ไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศ เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมอย่างดี
แต่อนาคตใหม่ ไม่ใช่ “ม้าขาว” ที่จะมาแทน ประยุทธ์
ระบบการบริหารจัดการในพรรค ผมเห็นว่าเป็น “ระบบเผด็จการ ห่อหุ้มด้วยระบบอุปถัมภ์”
มีการสร้างระบบประชาธิปไตยข้างนอกกับข้างในคนละอย่าง คนละชุดกัน
จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะฝากประชาธิปไตยไว้กับพรรคเผด็จการซ่อนรูป
ผู้ที่มีอำนาจเหนือสุด สร้างชนชั้นแฝงแบ่งแยกคน
คือตำแหน่งรองอันดับหนึ่ง เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด
คนนี้มี “นิสัยผู้หญิง” ใครเขาก็รู้
เธอ รับบทบาทประสานคนหมู่มาก แต่ไม่คบคน ไม่ “สุงสิง” กับใคร ไม่คิดให้เบอร์และ Line ใครไว้ติดต่อทำงาน ไม่โทรหาผู้สมัครที่ไหน ทั้งพรรค ส.ส. ผู้ช่วย อดีต ส.ส. ทราบดี
ธนาธร วางบทบาทเช่นเดียวกับเธอ ที่ไม่ให้ใครเข้าถึง ยกเว้นชนชั้นของเขา
เธอ เป็นคนไม่พอใจคนง่าย ไม่ชอบใคร ชักสีหน้า แล้วไม่พูดกับคน คนนั้นอีก
เธอรู้หรือไม่ กระแสพรรคตกต่ำลงเรื่อยๆ เพราะเธอมีส่วนเป็นอย่างมาก
พรรคแตกคนออก ความขัดแย้งลุกลามเกิดขึ้นไปทั่ว คอรัปชันโกงกินเงินสนับสนุน เธอแทรกแซงป้องกันคนของชนชั้นตลอด
วันนี้พรรคล่มเพราะงานเอกสารที่คนทำไม่เป็น ไม่ควรยุ่ง
ไม่โทษเธอแล้วโทษใคร เมื่อยุ่งไปทุกเรื่อง
ความจริง ถ้าปลดเธอได้ ตั้งแต่แรกๆ การถูกเสนอให้ ยุบพรรค ตัดสิทธิ์ ติดคุก ก็ไม่มี
แต่ช้าไปแล้ว วันนี้ถ้าผมขอความเมตตาจากศาลได้ ผมขอให้มีโทษสูงสุดคือปรับอย่างเดียว อย่างอื่นให้ยกให้หมด ผมไม่อยากเห็นคนเล่นการเมืองต้องคดีอีก.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |