11 ธ.ค. 62 - ที่ห้องพิจารณา 805 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งจะประทับรับฟ้องหรือไม่ ในคดีหมายเลขดำ อ.1729/2562 ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีต ผบ.ตร.) หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย มอบอำนาจให้ทนายความยื่นฟ้อง นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เป็นจำเลย ความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328
คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2562 เวลากลางวัน จำเลยได้แถลงต่อสื่อมวลชน ซึ่งข้อความตอนหนึ่งว่า "การต่อสู้ทางการเมืองครั้งนี้ อาจมองในแง่หนึ่งได้ว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายเอาสถาบันกับไม่เอาสถาบัน ดังนั้นสมาชิกพรรคของเรา จะมีมติให้เราเลือกข้างที่รักษาสถาบัน โดยพรรคพลังธรรมใหม่จึงต้องประกาศจุดยืนตามเสียงข้างมากของสมาชิกพรรคทั่วประเทศที่จะเข้าร่วมกับ พรรคพลังประชารัฐในการจัดตั้งรัฐบาล"
ซึ่งข้อความที่จำเลยกล่าวทำให้ประชาชนทั่วไปในสังคมเข้าใจว่า โจทก์เป็นพรรคการเมืองที่ไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เทิดทูนและไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งทำให้โจทก์และสมาชิกพรรคโจทก์ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทั้งที่ความจริงแล้วพรรคการเมืองของโจทก์และพรรคการเมืองอื่นๆ รวม 7 พรรคร่วมกันแถลงเพื่อแสดงจุดยืนทางการเมือง เป็นแนวร่วมต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่สืบทอดอำนาจที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อไปอีก
โดยโจทก์และกลุ่ม 7 พรรคการเมือง เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย กล่าวอยู่เสมอว่าเป็นฝ่ายที่ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่เคยนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้ในการหาเสียงตามที่ถูกกล่าวหาให้ร้ายจากพรรคการเมืองอื่น แต่จำเลยพยายามเอาใจพล.อ.ประยุทธ์ เพราะเหตุคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คำนวณให้จำเลยได้เป็น ส.ส. ทั้งที่จำเลยมีคะแนนเพียง 35,099 คะแนน ต่ำกว่าคะแนน 71,065 ที่พึงมี ส.ส.ได้เสียอีก
การกระทำนั้นใส่ร้ายโจทก์และพรรคการเมืองอื่นๆ ว่า "เป็นฝ่ายไม่เอาสถาบัน" โดยคำว่า"ไม่เอาสถาบัน"เมื่อนำมาใช้กับความหมายรวมข้อความทั้งหมดที่จำเลยกล่าว มีความหมายในลักษณะแบ่งพวกแบ่งฝ่ายทางการเมือง ซึ่งย่อมหมายความว่าเหตุที่จำเลยและสมาชิกพรรคของจำเลย ไม่เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับโจทก์และพรรคการเมืองอื่นๆ รวม 7 พรรค แต่ไปเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐนั้น เนื่องจากโจทก์เป็นหนึ่งในพรรคการเมือง 7 พรรคที่เป็นฝ่ายไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ คิดที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น เพราะความจริงแล้วโจทก์และสมาชิกพรรคทุกคนมีความจงรักภักดีเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศไทยดังนั้นประชาชนชาวไทยจึงมีหน้าที่ต้องปกป้องรักษาไม่ให้บุคคลใดมาล้มล้างทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ การกระทำของจำเลยจึงทำให้โจทก์เสียหาย
ศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องไม่มีน้ำหนัก จึงไม่รับฟ้องคดีไว้พิจารณาพิพากษายกฟ้อง
ด้าน นพ.ระวี กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลที่มีคำสั่งไม่รับฟ้องนั้น ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความบริสุทธ์ของตนที่ได้แถลงเมื่อเดือน พ.ค. 2562 ว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะกล่าวหาผู้ใดผู้หนึ่ง ให้ได้เกิดความเสียหาย ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง เพียงแต่มีความปรารถนาดีที่จะต้องการปรามพวกที่คิดร้ายต่อสถาบันเท่านั้น อีกทั้งไม่ได้เจาะจงว่าเป็นกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ถึงแม้ว่าคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด แต่ตนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน และตนขอน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลทุกกรณี
“จากนี้ผมขอมุ่งมั่นทำหน้าที่ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสภาต่อไป เนื่องจากยังมีภารกิจอีกมากมายที่ต้องทำ ยังมีประชาชนอีกไม่น้อยที่ได้รับความเดือดร้อนรอความช่วยเหลืออยู่ และที่สำคัญคงไม่มีความจำเป็นที่ต้องรื้อฟื้นแก้คืนหรือฟ้องกลับในเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะผมไม่ได้ให้ราคากับเรื่องนี้ มากกว่าเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนในตอนนี้” นพ.ระวี ระบุ
เมื่อถามว่ามีอะไรอยากฝากไปถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หรือไม่ นพ.ระวี กล่าวว่า ขอให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้เวลาในการทำหน้าที่ ส.ส. เพราะท่านก็มีหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ที่มีภารกิจที่สำคัญ ขอแนะนำให้ท่านเอาเวลาไปให้กับงานตรงนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนจะดีกว่าหรือไม่.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |