ย้อนไทม์ไลน์ปมขัดแย้ง 'ปชป.' 2 อดีตแคนดิเดตหัวหน้าไขก๊อก


เพิ่มเพื่อน    

      ลำดับเหตุการณ์ความเป็นไปของพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มร้าวตั้งแต่การแข่งขันชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รอบ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม และ "อลงกรณ์ พลบุตร"  เวลานั้นแข่งขันกันอย่างดุเดือดระหว่างทีม "อภิสิทธิ์" กับทีม "หมอวรงค์" แม้หลายคนในพรรคพยายามจะสื่อสารกับสังคมว่าเป็นการแข่งขันที่งดงามตามระบอบประชาธิปไตยก็ตาม แต่สิ่งที่สังคมเห็นกลับสวนทางกับสิ่งที่พรรคพยายามจะยืนยัน ราวกับว่าฝ่ายใดที่เป็นผู้แพ้จะไม่มีที่ยืนในพรรค

                เมื่อปิดผลโหวต หลังจากนั้นไม่กี่วัน กกต.พรรคประกาศผลอย่างเป็นทางการ "อภิสิทธิ์" ยังคงเป็นคนถือธงนำพาพรรคสู่สนามเลือกตั้งใหญ่เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม หลังประกาศผลโหวตเรียบร้อยมีเวลาเพียงไม่กี่วันที่ "อภิสิทธิ์" จะใช้ในการเตรียมพรรคและเซตทีมสู้การเลือกตั้งใหญ่ ที่สำคัญต้องประสานรอยร้าวที่เกิดตั้งแต่ช่วงชิงหัวหน้าพรรค แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์กระชับสัมพันธ์จะไม่ดีขึ้น แม้ผู้ชนะพยายามจะหยิบยื่นตำแหน่งในพรรคให้แก่ผู้แพ้พ่ายเพื่อช่วยกันทำงาน แต่ผู้แพ้พ่ายก็ไว้ตัว ไม่ยอมรับตำแหน่งใดๆ

               เวลาล่วงเลยเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งใหญ่ สุดท้ายประชาธิปัตย์แพ้ย่อยยับ แม้แต่พื้นที่กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคก็ไม่ได้ ส.ส.แม้แต่คนเดียว หรือในพื้นที่ภาคใต้จังหวัดที่ว่าแข็งที่สุดอย่างจังหวัดตรัง พรรคพลังประชารัฐก็ยังเจาะเข้าไปสอดแทรกได้ รวมทั้งจังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ ส.ส.หลายสมัยยังถูกลูบคม

                จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น "อภิสิทธิ์" ทำตามสัจจะที่เคยประกาศไว้ ว่าหากพ่ายแพ้จะรับผิดชอบทางการเมืองโดยการลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งในช่วงค่ำวันที่ 24 มี.ค. เจ้าตัวก็ทำตามสัญญา พร้อมๆ กับมีเสียงไม่พอใจโดยเฉพาะจากฝ่ายที่พ่ายให้แก่อภิสิทธิ์ในครั้งเลือกตั้งหัวหน้าพรรค โดยกล่าวโทษว่าดำเนินยุทธศาสตร์เลือกตั้งผิดพลาดจนทำให้พรรคพ่ายอย่างถล่มทลาย

                ภายหลัง "อภิสิทธิ์" ประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค ก็มี จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ทำหน้าที่เป็นรักษาการหัวหน้าพรรค กระทั่งมีการเฟ้นหาหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งรอบนี้เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง "จุรินทร์" และ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เมื่อเช็กเสียงแล้วฝ่ายอาวุโสของพรรคเทคะแนนให้ "จุรินทร์" บุคคลที่ทำงานกับพรรคและอยู่กับพรรคมาอย่างยาวนาน ส่วนทีมพีระพันธุ์ถูกโจมตีว่ารับงานจากนอกพรรคให้ฮุบพรรคประชาธิปัตย์

                ผลจากการแข่งขันรอบนี้นอกจากได้หัวหน้าคนใหม่อย่างเป็นทางการแทน "เดอะมาร์ค" สิ่งสำคัญคือซากปรักหักพัง รอยร้าวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ทำสงครามเลือกหัวหน้าพรรครอบแรกสะสมเรื่อยมา จากนั้นก็มีความขัดแย้งทางความคิดเกี่ยวกับเรื่องร่วมรัฐบาลหรือไม่ร่วมรัฐบาลเติมเชื้อเพลิง

                ระหว่างนั้นกลุ่มพีระพันธุ์และกลุ่มหมอวรงค์ที่ผิดหวัง ทั้งคู่เก็บตัวเงียบ ไม่ยินดียินร้ายกับการทำงานในพรรค แต่ไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และพวกเขาคิดอะไรอยู่

                กระทั่งเมื่อวันที่ 19 พ.ย. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตผู้สมัครหัวหน้า ปชป.ยื่นจดหมายลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค และหันไปซบอก "ลุงกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ" แทน โดยการสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.)

                จากนั้นเพียง 3 สัปดาห์ "พีระพันธุ์" ไขก๊อกออกจากพรรคเพิ่มอีกหนึ่งคน สร้างความประหลาดใจและเสียดายให้แก่เพื่อนๆ เพราะเขาเป็นมือฉมังของพรรค ถึงขนาดว่าหากเจ้าตัวลุกขึ้นอภิปรายในสภาเรื่องใด ทุกคนต้องเงี่ยหูฟังเพราะไม่เคยทำให้ผิดหวังและมีประเด็นเสมอ อีกทั้งเป็นบุคคลที่เมื่อได้รับมอบหมายอะไรแล้วจะทำหน้าที่อย่างทุ่มเทสุดความสามารถ

                จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับอดีตผู้สมัครหัวหน้า ปชป.ทั้ง 2 คน มีเพียงแค่เสียงของคนรอบประชาธิปัตย์วิพากษ์วิจารณ์ มีความเป็นไปได้ว่าเกิดจากความอึดอัดในบ้านหลังเก่าหลังนี้

                เมื่อหัวหน้าพรรคเปลี่ยนเป็นคนใหม่ วิธีการบริหารงานย่อมเปลี่ยน ทีมงานก็ย่อมเปลี่ยนเป็นเรื่องปกติ ในขณะที่หัวหน้าพรรคทำหน้าที่ทุ่มเทกับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และลืมใส่ใจรายละเอียดหลังบ้านจนคนในพรรคเริ่มรู้สึก

                ประกอบกับมี เงามืด คอยควบคุมกำกับในพรรคไปเสียทุกอย่าง ซึ่งไม่ทราบว่าเรื่องนี้ "จุรินทร์"  มอบดาบให้ หรือไม่รู้เรื่องกันแน่ แต่ที่ชัวร์คือเริ่มมีเสียงบ่นถึงการทำงานออฟไซด์และล้วงลูกของเงามืดนี้ จนบางคนบอกว่านอกจากมีรองหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าภาคแล้ว ยังมีที่ใหญ่กว่านั้นอีกต่างหาก

                ดังนั้น "จุรินทร์" ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรค ต้องขยันทั้งการทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ และยังต้องขยันซื้อใจเพื่อนสมาชิกพรรคทุกคน ที่สำคัญอย่าลืมจัดการความเจ้ากี้เจ้าการของ รองนอกกรอบ คนนี้ด้วย ขืนยังไม่หันมาเก็บกวาดบ้านตัวเอง มีหวังเลือดไหลหมดตัวและเสียบุคลากรคุณภาพอีกแน่. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"