“จุรินทร์” ลั่นร่วมรัฐบาลด้วยความจริงใจ หากจับมือแล้วจะเดินไปให้สุดทาง “เฉลิมชัย” แจงที่ประชุม ปชป.ข่าวไขก๊อกไม่จริง ยังเดินหน้าทำงานเพื่อให้พรรคกลับมาผงาด “สุวัจน์” โผล่เชียร์ปรับ ครม. หากทำให้เสียงรัฐบาลเพิ่มสร้างเสถียรภาพ “อนุดิษฐ์” ดักคอบอก 7 พรรคผนึกเหนียวแน่นไม่มีใครกลับลำแน่ พร้อมปฏิเสธทันควันตั้ง “ดร.เหลิม” กุมบังเหียนอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อวันอังคารที่ 10 ธันวาคม ยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองในหลายเรื่อง ทั้งภาพรวมการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการลาออกของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐภาค อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มาปรึกษาเรื่องการยุบสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ ว่านายกฯ ไม่เคยพูดกับตนเอง ซึ่งคำว่ายุบสภา ต่อให้นายกฯ ตะโกนออกทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจก็ยุบไม่ได้ เพราะต้องทูลเกล้าฯ ถวายก่อน ส่วนที่มีข่าวว่านายกฯ พูดเรื่องยุบสภานั้น อาจไม่ใช่เจตนา อาจเป็นการเปรย หรือปรารภ ยืนยันว่าไม่เคยได้ยิน
"ไม่เคยได้ยินนายกฯ พูด เว้นแต่นายกฯ ไปพูดกับรัฐมนตรีท่านนั้นใน ครม.วงใหญ่ วงเล็ก หรือวงมโหฬารไม่เคยได้ยิน และที่นายกฯ พูดครั้งสุดท้ายนั้นถูกที่ว่าใครจะไปโพนทะนา ไม่มีใครบอกหรอก แม้แต่ใน ครม.เขายังไม่บอก สมัยป๋าเปรมยุบก็ไม่ได้บอกใครเลยสักคน มาประกาศอีกทีคือยุบแล้ว ฉะนั้นเรื่องการยุบสภาไม่ใช่เรื่อง ครม. ไม่ต้องมีมติ ครม. แต่เป็นเรื่องของนายกฯ ที่จะกราบบังคมทูลฯ และลงนามรับสนองฯ" นายวิษณุกล่าว
เมื่อถามถึงการปรับ ครม. นายกฯ มาปรึกษาหรือมีสัญญาณแล้วหรือไม่ นายวิษณุตอบทันทีว่า ไม่รู้ จะไปรู้ได้อย่างไร
ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. ปฏิเสธให้ความเห็นเรื่องปรับ ครม.ที่จะให้พรรค ปชป.พ้นเก้าอี้บางตำแหน่ง ว่าไม่ขอชี้แจงอะไร เพราะข่าวไม่ได้มาจากตนเอง ซึ่งเล่นการเมืองมานาน อยู่มาหลายรัฐบาล ทั้งแกนนำ ทั้งฝ่ายค้าน ทำมาทุกหน้าที่ เข้าใจกระบวนการทางการเมือง การปรับ ครม.ขึ้นอยู่กับนายกฯ หากมีการปรับก็ขอให้แจ้งมา เพราะพรรค ปชป.ไม่มีปัญหา พรรคพร้อมตัดสินใจ บางครั้งการเกิดกระแสข่าวรายวันไม่เป็นผลดีต่อเสถียรภาพของรัฐบาล และตอบล่วงหน้าไม่ได้ว่าจะมีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลอย่างไร พรรค ปชป.ก็แค่พรรคลำดับสอง พูดไปยิ่งเป็นการทำลายสถานการณ์ และยิ่งสร้างปัญหาให้กับพรรคแกนนำหลัก
“ยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคร่วมไม่มีปัญหา โดยเฉพาะผมในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศชัดเจนแล้วว่า หากตัดสินใจทำงานร่วมกับใครแล้ว ก็ร่วมรัฐบาลด้วยความจริงใจ จับมือเดินไปด้วยกัน” นายจุรินทร์กล่าว
ส่วนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวในเรื่องนี้ว่า น่าจะลือกันไปเองมากกว่า แต่ก็ไม่ทราบ เรื่องทั้งหมดฟังมาจากข่าวเหมือนกัน ก็ต้องเอาใจช่วยพวกที่ยังอยู่ คนไปก็โอเค คนที่ดีมีคุณภาพแต่ออกไปเราก็เสียดาย แต่ก็ต้องให้กำลังใจคนที่อยู่ พยายามให้ความเห็นใจกับคนที่อยู่ทุกคน เพราะเป็นสิ่งที่เราก็เคยเจอกันมา
“เฉลิมชัย”ยันไม่วางมือ
ถามต่อว่า ช่วงนี้พรรค ปชป.มีข่าวลือจำนวนมาก ล่าสุดมีกระแสข่าวนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ในฐานะเลขาธิการพรรค ปชป. จะวางมือทางการเมือง นายชวนกล่าวว่า ไม่ทราบว่านายเฉลิมชัยจะลาออกเรื่องอะไร ข่าวลือต้องมีมูลว่ามีสาเหตุมาจากเรื่องใด เพราะนายเฉลิมชัยเป็นคนหนึ่งที่ทำงานและประสานงานให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างดี
ขณะเดียวกัน มีประชุม ส.ส.พรรค ปชป. ซึ่งได้มีกำชับและทำความเข้าใจในการประชุมสภาในวันที่ 11 ธ.ค. ที่จะพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและหลักเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ทั้งนี้ ระหว่างประชุม นายเฉลิมชัยได้ชี้แจงถึงกระแสถอดใจวางมือทางการเมืองว่า เป็นข่าวเท็จ ไม่ทราบว่าข่าวออกมาได้อย่างไร ใจเกินร้อย วันนี้ยังสู้ทุกอย่าง มีการอ้างว่าข่าวจากคนใกล้ชิด ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะสุขภาพแข็งแรง เข้มแข็งดี และพร้อมสู้และเดินหน้าพาพรรคกลับมาอยู่จุดที่เราเคยอยู่อีกครั้ง
“ไม่ต้องกังวลว่าผมจะถอดใจ คนอย่างผมถ้าตัดสินใจทำอะไรแล้วเต็มร้อยทุกเรื่อง เพราะประชาธิปัตย์คือบ้านของผม และอยากให้ทุกคนเดินไปกับผมให้เป็นหนึ่งเดียว จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันเดินไปพร้อมๆ กันด้วยความเป็นหนึ่งเดียว นี่คือจุดแข็งของพรรคที่จะเป็นจุดฟื้นพรรคกลับคืนมา เชื่อว่าสมาชิกพรรคทุกคนก็มีความหวังที่จะให้พรรคกลับมายืนอย่างสง่างามอีกครั้ง” นายเฉลิมชัย กล่าวในที่ประชุม
ด้านนายจุรินทร์ได้พูดในที่ประชุมและกำชับ ส.ส.พรรคถึงหลักการและกติกาการทำงานร่วมกันในรัฐบาลว่า ต้องยึดมติวิปรัฐบาล พร้อมยกเหตุการณ์ในอดีตที่พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคไม่ลงมติตามมติวิปรัฐบาล เช่น รัฐบาลนายชวนที่พรรคความหวังใหม่โหวตสวน สุดท้ายก็ต้องเชิญออกจากรัฐบาล หรือแม้แต่สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่พรรคเพื่อแผ่นดินไม่ลงมติตามวิปรัฐบาล ก็ถูกออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเช่นกัน โดยย้ำว่าไม่กลัวว่าพรรคถูกออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ต้องการบอกถึงการทำงานในระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา
ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ปชป. ยืนยันว่า ข่าวลือเรื่องนายเฉลิมชัยวางมือทางการเมืองนั้นไม่เป็นความจริง คนที่ปล่อยข่าวเพราะไม่หวังดี อาศัยช่วงกระแสข่าวเรื่องเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลในเวลานี้มาปล่อยข่าว
ส่วนนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) กล่าวถึงการปรับ ครม.ว่า ไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร แต่อะไรที่ทำให้รัฐบาลมีเสียงในสภาเพิ่มมากขึ้น ก็จะทำให้มีเสถียรภาพของรัฐบาลมากขึ้น ที่จะเป็นผลดีของประเทศ
“จริงๆ แล้ว 500 เสียง ถ้าจะทำให้รัฐบาลราบรื่น และดำเนินงานตามนโยบายต่างๆ ให้พี่น้องประชาชนมีความสุข อย่างน้อยๆก็ต้องมีใกล้ๆ 300 เสียง แต่วันนี้เสียงค่อนข้างน้อยมากจริงๆ ถ้าเกิดรัฐบาลสามารถปรับ ครม.แล้วมีเสียงมาสนับสนุนรัฐบาลมากขึ้นได้ ก็เป็นเรื่องที่ดีกับเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย และผมเชื่อว่าทุกคนก็จะมั่นใจ แต่ในเรื่องนี้ผมไม่ทราบในรายละเอียดว่าจะปรับ ครม.หรือจะมีพรรคใดเข้ามาเพิ่ม ผมไม่ทราบ แต่อะไรที่ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ เป็นบวก จะดีต่อการแก้ไขปัญหาทุกอย่าง“
โอ่7พรรคยังเหนียวแน่น
ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่า การปรับ ครม.เป็นเรื่องปกติของการบริหาร แต่ข่าวที่ออกมาดูเหมือนจะปรับเปลี่ยนเพื่อความมั่นคงและเสถียรภาพของรัฐบาลมากกว่า หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างไร ส่วนกระแสข่าวจะดึง ส.ส.พรรคบางส่วนไปร่วมรัฐบาล เชื่อว่าเป็นแค่ข่าวปล่อยเพื่อดิสเครดิตพรรคเท่านั้น ยืนยันว่าพรรคมีอุดมการณ์และจุดยืนเหมือนเดิม คือไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์เป็นอันขาด ตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์และพวกพ้องยังคงเป็นแกนนำบริหารประเทศ พรรคไม่ไปร่วมสังฆกรรมเพื่อสืบทอดอำนาจแน่นอน
“ผมมั่นใจในสมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกคน เพราะเชื่อว่าเราผ่านมาจนถึงจุดนี้ได้ พรรคการเมืองทุกพรรคและสมาชิกทุกคนมีภูมิต้านทานต่ออำนาจและแรงจูงใจของฝ่ายตรงข้าม เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว ดังนั้นเชื่อมั่นว่าพวกเราจะยืนหยัดทำงานตรวจสอบรัฐบาลเพื่อประชาชนอย่างเข้มแข็งต่อไป” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวถึงท่าทีของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน
น.อ.อนุดิษฐ์ยังกล่าวถึงกรณี 3 ส.ส.ที่ไม่ปฏิบัติตามมติพรรคฝ่ายค้าน ว่ากรรมการสอบสวนที่มี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ เป็นประธาน ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.แล้ว ซึ่งผลสอบคงเกิดขึ้นอีกไม่นาน ส่วนที่ประชาชนถึงขนาดเผาพริกเผาเกลือแช่ง น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี เขต 5 พรรคเพื่อไทยนั้น ก็สะท้อนว่าเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน
สำหรับกรณีการลาออกของนายพีระพันธุ์นั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ได้พูดคุยกับนายพีระพันธุ์แล้วเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ยืนยันว่าเป็นการตัดสินใจในเรื่องส่วนตัว และไม่ได้มีปัญหาอะไรกับตนเอง ยังให้ความเคารพกัน ซึ่งได้อวยพรขอให้โชคดี และยืนยันว่าการเข้า-ออกภายในพรรค ปชป.เป็นเรื่องปกติ มีอยู่ทุกสมัย อย่าด่วนสรุปว่าพรรคกำลังมีปัญหา การลาออกของสมาชิกพรรคไม่เกี่ยวข้องกับการไม่มีบทบาทภายในพรรค เพราะทุกคนที่มีหน้าที่ในพรรค ต่างทำงานเต็มที่ภายใต้อุดมการณ์ของพรรค
นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ไม่เคยรู้จักนายพีระพันธุ์เป็นการส่วนตัวมาก่อน มีโอกาสได้คุยครั้งแรกในการยื่นญัตติค่าโง่ทางด่วน ซึ่งได้ร่วมงานตั้งแต่นั้น ซึ่งเสียดายมากสำหรับนักการเมืองที่ดีของสภา ที่ทุกลมหายใจคิดถึงแต่เรื่องผลประโยชน์ของชาติ
วันเดียวกัน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค พท. ได้ออกมาตอบโต้นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่ออกมาพาดพิงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ว่าพูดกี่ที ก็ปลุกผีความขัดแย้งเอาใจนาย มาทวงบุญคุณกับประชาชน นายสุภรณ์จะเนรคุณพรรคเก่า ทำตัวเป็นพลทหาร ตัดหญ้า ถูบ้าน ล้างรถ เลี้ยงไก่ เอาใจนายก็ทำไป แต่อย่าไร้มารยาทวิพากษ์วิจารณ์ก้าวล่วงกิจการภายในของพรรคการเมืองอื่น โดยปราศจากข้อเท็จจริง คนมีมารยาทเขาไม่ทำกัน
ด้านนายสุภรณ์ตอบโต้ทันที ว่านายอนุสรณ์อย่าทำตัวเป็นโฆษกสากกะเบือ เป็นผีเจาะปากไปได้ กล่าวหาโจมตีรัฐบาล แขวะ พล.อ.ประยุทธ์ไปทุกเรื่องราว เสมือนคนปากไม่มีหูรูด ถ้าคนอย่างแรมโบ้อีสานจะเป็นคนเนรคุณพรรคเก่า ก็ยอมเนรคุณ ถ้าพรรคเก่าเอาเปรียบบ้านเมือง ถ้าพรรคเก่าสร้างความวิบัติหรือเสียหายให้ประเทศชาติและประชาชนอย่างมากมายมหาศาล ยอมไปเป็นพลทหาร ยอมเลี้ยงไก่ เช็ดรถ ถูบ้านเมืองหลังนี้ให้มันสะอาดดีกว่าที่จะต้องทนอยู่และเจ็บปวดหัวใจกับบ้านหลังเก่าที่ยอมรับไม่ได้
“ผมจะยอมทำทุกอย่างถ้าบ้านหลังใหม่นี้จะสวยงาม ดูดี สะอาดสะอ้านมากกว่าบ้านเดิมหลายเท่า ผมยอมเป็นคนเนรคุณบ้านหลังเก่า ถ้าบ้านหลังนี้พ่อบ้านผมเป็นคนมือสะอาด เสียสละเพื่อครอบครัวลูกหลานให้มีความสุขอบอุ่นกว่าบ้านหลังเดิม และไม่คิดเอารัดเอาเปรียบคนในครอบครัว และสำคัญที่สุดพ่อบ้านหลังใหม่ไม่มีประวัติด่างพร้อยเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน" นายสุภรณ์กล่าว
ปัดตั้งเหลิมคุมอภิปราย
น.อ.อนุดิษฐ์ยังชี้แจงถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเตรียมตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพรรคเพื่อไทย ดูแลภารกิจติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการเตรียมข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่าทราบข่าวจากสื่อมวลชนเช่นกัน และได้สอบถามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หัวหน้าก็บอกว่าไม่ได้ให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ รวมถึงผู้ใหญ่หลายคนภายในพรรคก็บอกว่าไม่มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าว ข่าวที่ออกมาก็เป็นข่าวที่ออกมาจากแหล่งข่าวซึ่งพิสูจน์ตัวตนไม่ได้ ไม่ทราบว่าผู้ปล่อยข่าวมีเจตนาเพื่อให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่างบุคคลสำคัญในพรรคขึ้นมาหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมนั้นเป็นบุคลากรสำคัญของพรรคเพื่อไทย ด้วยความเป็นผู้ใหญ่และความรู้ประสบการณ์ หากคณะกรรมการยุทธศาสตร์หรือคณะกรรมการบริหารพรรคเมื่อมีเรื่องใดก็แล้วแต่ เราได้ยกหูโทรศัพท์หา ร.ต.อ.เฉลิม เพื่อขอคำปรึกษาได้ตลอด ซึ่งก็ได้รับความเมตตาและได้รับคำปรึกษาที่ดีตลอด
“เรายังไม่ได้เดินไปถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ยังอยู่ในช่วงของการเตรียมการ ผู้ที่ได้รับมอบหมายเรื่องดังกล่าวคือประธานวิปฝ่ายค้าน ให้ทำหน้าที่ประสานกับวิป 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านและดำเนินการกำหนดกรอบแนวทาง สำหรับเนื้อหาที่จะนำไปสู่การอภิปราย ผู้ที่สนับสนุนก็จะเป็นคณะที่ปรึกษาให้ประธานวิปฯ คือคณะกรรมการยุทธศาสตร์ที่ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
สำหรับกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณาคุณสมบัติของนายธนิก มาสีพิทักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ว่าขาดคุณสมบัติในการสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 7 จังหวัดขอนแก่นหรือไม่ ในวันที่ 11 ธ.ค.นั้น น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า คณะกรรมการที่ทำหน้าที่สรรหาผู้สมัครได้ดำเนินการอย่างรอบคอบ และทำหนังสือเพื่อสอบถามไปยัง กกต.แล้ว เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวเช่นกันว่า ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2560 ห้ามผู้สมัครไปสมัครในเขตอื่นพร้อมกัน รวมไปถึงระบบบัญชีรายชื่อด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้สมัครจับปลาหลายมือ แต่บังคับใช้กับการเลือกตั้งทั่วไปเท่านั้น แต่การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งซ่อม บัญชีรายชื่อถูกล้างไปแล้ว ดังนั้นจะใช้ข้อห้ามนี้กับคนถึง 4 ปี โดยทำอะไรไม่ได้เลย ถามว่าเป็นธรรมหรือไม่ ซึ่งคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร และนายธนิกเองก็ได้ยื่นหลักฐานให้ กกต.กลางไปหมดแล้ว
ส่วนที่หอประชุมโรงเรียนหนองเรือวิทยา อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนและช่วยหาเสียงให้นายสมศักดิ์ คุณเงิน ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 2 ท่ามกลางการต้อนรับจากประชาชนกว่า 3,000 คน โดย ร.อ.ธรรมนัสมั่นใจว่านายสมศักดิ์จะคว้าเก้าอี้ ส.ส.ได้สำเร็จ และเป็น 1 เสียงที่สำคัญที่จะเติมเสียงของรัฐบาลให้ครบ 255 เสียงแน่นอน
“ส่วนเรื่อง กกต.จะมีการประชุมเรื่องของพรรคอนาคตใหม่ในวันพรุ่งนี้ (11 ธ.ค.) นั้น เราต้องดูข้อกฎหมายก่อนว่าจะสามารถดำเนินการอะไรได้บ้าง เพราะทุกอย่างเป็นสารบัญทางการเมืองที่เราต้องผ่านกรรมการ ผู้บริหารพรรค แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดภายใต้กฎหมาย กฎข้อบังคับของ กกต. เราต้องยึดหลักตรงนั้น ส่วนหากเกิดสถานการณ์ใดๆ เกิดขึ้นหากสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ จะย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น ในเรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐเป็นผู้ตัดสินใจ”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |