“อนุทิน” ยันยังไม่มีการพูดคุยเรื่องปรับคณะรัฐมนตรี ชี้แย่งชามข้าวไม่ง่ายเหมือนเล่นจ้ำจี้ผลไม้ “เทพไท” เชื่อแค่โยนหินถามทางกรณีเขี่ย ปชป.ทิ้ง เสียงอ่อยขอปรับพฤติกรรมการโหวต “ลุงมิ่ง” โผล่แล้ว สุดเดือดทวงบุญคุณใครทำให้ ส.ส.เศรษฐกิจใหม่มาลอยหน้าลอยตาในสภาได้ ย้ำยังมีจุดยืนเหมือนเดิมเพราะมีเกียรติยศที่กว่าจะมีวันนี้ “ช่อ” เผย ส.ส.อนาคตใหม่ต้องทำงานไม่ว่างมารับสายเรื่องให้ราคางูเห่า!
เมื่อวันจันทร์ยังคงมีความต่อเนื่องจากกระแสงูเห่าทางการเมือง รวมถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเฉพาะจากซีกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ปฏิเสธให้ความคิดเห็นเรื่องนี้ โดยระบุสั้นๆ ว่าต้องถาม ครม. ต้องไปถามผู้ลงโทษและผู้ถูกลงโทษ
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า ถึงขณะนี้ยังไม่มีข่าวอะไรในเรื่องการปรับ ครม. น่าจะเป็นการคาดเดาของสื่อมากกว่า ยังไม่มีการพูดคุยในรัฐบาลเลย ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่นั้น มันต้องมีเหตุจำเป็นหรืออาจมีนโยบายของแต่ละพรรคว่าการปรับ ครม.จะเป็นอย่างไร เมื่อทำงานไประยะหนึ่งแล้วอาจมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนประเมินผลงานรัฐมนตรีแต่ละคน ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคแต่ละพรรค ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะการปรับหรือการเปลี่ยนแปลงใน ครม. ทุกรัฐบาลสามารถเกิดขึ้นได้
เมื่อถามว่าข่าวปรับ ครม.ที่เกิดขึ้นเหมือนเตือนพรรค ปชป.ในการทำงานร่วมกับรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ทุกคนทราบปัญหาอยู่แล้ว เราอย่าลืมว่ารัฐมนตรีแต่ละคนล้วนมีวุฒิภาวะ เขาต้องทราบอยู่แล้วว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เราอย่าไปซ้ำเติมเลย
ถามอีกว่าดูเหมือนแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังห่วงการทำงานร่วมกับ ปชป.และ ภท. นายอนุทินยืนยันว่า ไม่มีปัญหาอะไร พรรคภูมิใจไทยเคยมีปัญหาอะไรกับใครหรือ มีแต่โดนกระแทก เราก็ทนอยู่
ถามย้ำว่าข่าวที่ออกมาหวังผลให้เคลียร์เก้าอี้รัฐมนตรีใหม่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า “มันไม่หมูอย่างนั้นมั้ง นี่รัฐบาลนะ ไม่ใช่เล่นจ้ำจี้ผลไม้”
เมื่อถามว่า ในสถานการณ์แบบนี้ต้องดึงคนมาเสริมให้รัฐบาลมั่นคงมากขึ้นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เชื่อในเรื่องนี้ ลองคิดดูว่าถ้าพูดถึงงูเห่า ลองนึกสภาพดู การเลี้ยงงูเห่าอยู่ในบ้าน แล้วจะรู้ได้อย่างไรวันไหนจะมาฉกเรา-ไม่ได้ คิดอะไรต้องคิดระยะยาว จะแก้ปัญหาด้วยการไปดึงคนจากฝ่ายค้าน ถ้ามาแบบโยกพรรคย้ายพรรคมาเลย อย่างนี้โอเค แต่ไม่ใช่มาแบบตัวเองก็ยังสังกัดพรรคเดิมอยู่ แล้วจะเอาอะไรมารับประกันได้ว่าเขาย้ายมาอยู่กับเราแน่นอน เพราะมันยังมีมติพรรคต่างๆ ที่เขาสังกัดอยู่ ซึ่งการที่จะแก้ปัญหาหรือเสริมความเข้มแข็งด้วยการดึง ส.ส.ฝ่ายตรงข้ามมาไม่ใช่การแก้ไขปัญหาระยะยาว หรือไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างจริงจัง เขามาได้เขาก็ไปได้ คอยดูคนในบ้านให้ดีก่อนเถอะ
ถามอีกว่าการแก้ปัญหาระยะยาววิธีใดดีที่สุด นายอนุทินตอบว่า สร้างความเชื่อมั่น สร้างความเข้มแข็ง เข้าใจซึ่งกันและกัน มีปัญหาอะไรต้องมาว่ากัน แก้ไขกันไป มันมีทางออกทางอื่น การเมืองต้องมีทางออก ถึงทางตันไม่ได้ ความจริงไม่ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นต้องนิ่งให้มาก และต้องเข้าใจกันให้มากที่สุด อย่าไปตาต่อตาฟันต่อฟัน
“ผมเห็นความอดทนของนายกฯ แล้วต้องชื่นชมเลย ท่านแสดงภาวะผู้นำได้อย่างสมบูรณ์ อย่างเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ก็โดนใครมากระแทก ใหม่ๆ อาจโกรธนิดหนึ่งว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ แต่หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เขียนไลน์ด่าลูกพรรคท่านให้เสร็จเลย รวมถึงตอนเย็นนายชวนก็โทรศัพท์มาหาว่าอย่าไปถือสานะ นี่ไม่เกี่ยวกับพรรค ขอโทษแทนด้วย คนนี้ใช้ไม่ได้ แค่นี้ก็พอแล้ว ถือว่าจบ จะไปอะไรมากมาย เราต้องรู้ว่าเราอยู่ระดับไหน และคนที่มากระแทกเราอยู่ระดับไหน อย่าลดตัวลงไปต่อสู้ ก็เท่านั้น” นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีคนพรรค พปชร.ไปกระทบกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นจะทำให้เกิดความกินแหนงแคลงใจกันหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่เป็นไรหรอก เก็บๆ เอาไว้ อะไรทิ้งได้ก็ทิ้ง เราต้องดูว่าถ้าสมมุติโดน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ออกมาด่าแบบนี้สิโอเค ไอ้พวกกระจอกงอกง่อยอย่าไปถือสา มันต้องดูรุ่นเฮฟวีเวตกับเฮฟวีเวต มันยังโอเค แต่ถ้ารุ่นเฮฟวีเวตไปต่อยกับฟลายเวต ถ้าชนะเขาไปมันได้อะไรขึ้นมา เขาก็หาว่าเราไปทุบคนไร้ราคาอีก
'เทพไท' เสียงอ่อย
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวเรื่องนี้ว่า ต้องเอาไว้ให้ถึงเวลานั้นจริงเสียก่อนเราค่อยมาพูดกัน นาทีนี้ขอทำงานก่อน หากมัวแต่ระแวงเรื่องการปรับ ครม.คงไม่ต้องทำงานกันพอดี ส่วนการจะดึงพรรคไหนเข้ามาร่วมอีก เราก็ต้องให้เกียรติพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นคนตัดสินใจ ทั้งนี้ถึงเวลานั้นให้เกิดก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกัน ถ้ามาเล่นเกมว่าสมมติแล้วมาระแวงกันก็คงไม่ต้องทำงานพอดี อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป.กล่าวถึงกระแสข่าวปรับพรรค ปชป.บางส่วนออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลว่า เป็นเพียงการปล่อยข่าวโยนหินถามทาง หรือสร้างกระแสกดดันมากกว่า เพราะการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลนั้นก็ต้องออกไปทั้งพรรค ยังไม่เคยเห็นที่จะออกเพียงครึ่งพรรค
นายเทพไทยังกล่าวถึงการโหวตตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบการใช้มาตรา 44 ว่า เมื่อได้ลงพื้นที่ปรากฏว่ามีเสียงตอบรับและสนับสนุนการตัดสินใจครั้งนี้จำนวนมาก แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็จะนำมาเป็นบทเรียน และจะนำไปปรับปรุงการทำหน้าที่ ส.ส.ในสภา โดยไม่ว่าจะเป็นการยื่นญัตติหรือการอภิปรายสนับสนุนหรือคัดค้านญัตติใดๆ ต้องสอบถามแนวทางหรือต้องหาธงคำตอบจากวิปรัฐบาลก่อนดำเนินการใดๆ จะทำตามอำเภอใจไม่ได้อีกแล้ว เพราะถ้าหากทำหน้าที่ ส.ส.ขัดกับมติวิปรัฐบาลก็อาจมีผลกระทบต่อสถานะความเป็นพรรคร่วมรัฐบาลได้
ด้านกระแสการย้ายพรรคและ ส.ส.งูเห่านั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกระแสข่าวการย้ายพรรคและฝ่ายของ ส.ส.ว่าตอนนี้ไม่สามารถทำได้ นอกจากถูกไล่ออกจากพรรค หรือยุบพรรคด้วยความสมัครใจแบบนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ กับยุบพรรคโดยถูกศาลสั่ง ส่วนเรื่องการเอาผิดกับ ส.ส.งูเห่านั้น มีอยู่ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง แต่จะเอาผิดใครต้องมีหลักฐาน ไม่อย่างนั้นจะอ้างและพูดกันไปเรื่อย ก็เหมือนการกระทำผิดทั้งหลาย หากพยานหลักฐานไม่ชัดเจนก็ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เขาไป เพียงแต่ว่าถ้าจะหาหลักฐานจริงๆ อาจจะหาได้ก็ได้
เมื่อถามว่าเรื่องงูเห่ามีการพูดกันมาตลอดตั้งแต่อดีต แต่ไม่เคยมีการจับใครได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่รู้ อาจได้งูจงอางบ้าง งูเขียวบ้าง งูเหลือมบ้าง
ส่วนที่ทำการพรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะทำงาน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยมีแกนนำและตัวแทนจาก 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง โดยก่อนการประชุม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้สอบถามนายบุญเลิศ เหลียงกอบกิจ กรรมการบริหารพรรคเศรษฐกิจใหม่ (ศม.) ถึงจุดยืนของพรรค ซึ่งเศรษฐกิจใหม่ยืนยันว่าไม่หนีไปไหน ยังเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านเหมือนเดิม
ลุงมิ่งเดือด! ทวงบุญคุณ
ขณะเดียวกัน นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ศม. อดีตหัวหน้าพรรค แถลงถึงปัญหาความขัดแย้งจากการลงมติร่วมเป็นองค์ประชุมสภาเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ว่า คงไม่สามารถบอกได้ว่าใครผิดใครถูก แต่จากการโหวตดังกล่าวเกิดผลกระทบมาที่ตนเองมาก และในวันประชุมดังกล่าวก็มาประชุมสภาโดยลงชื่อหน้าห้องประชุม และไปใช้ห้องประชุมของพรรค ทุกคนก็มาเจอกัน ถามว่ามีอะไรหรือไม่ ก็บอกว่าไม่มีอะไร
“ยืนยันว่าผมไม่ได้ขาดประชุมสภาตามที่หัวหน้าพรรคกล่าวพาดพิง การอ้างมติพรรคเศรษฐกิจใหม่นั้นต้องแจ้งการประชุม มีการกำหนดวาระและลงมติ และต้องมีการบันทึกการประชุมแจ้งให้ ส.ส.ทราบ แต่ทุกคนกลับบอกไม่มีอะไร แล้วกลับบอกว่าเป็นมติพรรค ทุกคนเข้ามาได้เพราะผมหรือเปล่าครับ เอาไปพูดอย่างนี้ ผลกระทบอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผมโดนด่าและโดนด่ามาโดยตลอด ผมถือว่าสิ่งเหล่านี้กระทบต่อชื่อเสียงของตระกูลและต้นทุนทางสังคม" นายมิ่งขวัญกล่าว
นายมิ่งขวัญกล่าวว่า "ขอฝากไปยัง ส.ส.ของพรรคทุกคนต้องนึกถึงวันที่พวกคุณไปเชิญมาร่วมกับพรรคนี้ โดยยังมีจุดยืนเดิมใน 3 จุด คือ 1.ความซื่อสัตย์สุจริตและไม่เอาเงินเป็นตัวตั้งของชีวิต 2.คนเราต้องรู้ตัวเองว่ามีจุดแข็งตรงไหน และ 3.คนเราจะบอกว่าเป็นอย่างไร ต้องไปดูพฤติกรรมตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ขอให้นึกถึงวันนั้นก่อนที่พวกคุณจะได้มาเดินลอยหน้าอยู่ในสภา ใครพูดอะไรต้องรับผิดชอบด้วย เรื่องการประชุมสภาครั้งที่แล้วก็ไม่เคยมีการมาปรึกษากัน ทั้งๆ ที่ก็เจอหน้ากัน กลายเป็นว่าวันนี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนอยู่เบื้องหลัง"
“กว่าผมจะมีอายุมาถึงเท่านี้ต้องดูแลรักษาเกียรติยศมาตลอด วันนี้ขอประกาศให้ได้ยินทั่วกันว่ายังอยู่ในพรรคเดียวกัน ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบกันเอง ผมไม่เกี่ยวข้อง อย่ามาเหมารวมว่าผมคิดไปอย่างนั้น ผมมีหน้าที่ต้องรักษาเกียรติยศผมด้วย ผมขอพูดอีกครั้งว่ายังไม่เคยเปลี่ยนจุดยืน คนอื่นทำมันคนละเรื่อง พรรคเศรษฐกิจใหม่คือมิ่งขวัญ คือลุงมิ่ง แต่วันนี้ผมชี้ชัดว่าไม่ได้โกรธอะไรกับใคร แต่ถ้าไม่ได้พูดก็จะมีการถือวิสาสะเอาชื่อผมไปอ้าง จุดยืนผมทางการเมืองเหมือนเดิม" นายมิ่งขวัญกล่าว
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงความพยายามซื้องูเห่า พยายามแจกกล้วย หรือหามือไปสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งฝ่ายค้านยืนยันมีแน่นอน ขอให้พรรค พปชร.ถามพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรค ปชป.หรือ ภท.ว่าเชื่อเรื่องการซื้องูเห่าหรือไม่ ส่วนการปล่อยข่าวปรับ ครม. คาดว่ามีกลุ่มหนึ่งพยายามปล่อยข่าวเพื่อทวงกระทรวงเศรษฐกิจคืน และนี่คือผลพวงของรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
อนค.ไม่ว่างคุยราคางูเห่า
ส่วน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมานี้มี ส.ส.ของพรรคหลายคนถูกรบกวนโดยขบวนการซื้องูเห่า มีการติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมากจากหลายกลุ่มหลายพรรค เนื่องจากเห็นว่าเป็นเวลาที่พรรคกำลังเผชิญกับคดีต่างๆ ในระยะหลังนี้ยิ่งมีความพยายามหนักข้อขึ้น จึงขอประกาศไว้ให้ทราบโดยทั่วกันถึงผู้ที่มารบกวน ส.ส.พรรค ขอให้ยุติการกระทำดังกล่าวแล้วเอาเวลาไปทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนดีกว่า ส.ส.อนาคตใหม่ไม่ว่างรับโทรศัพท์จากใครที่จะมาเสนอราคาซื้องูเห่าทั้งสิ้น
ด้าน น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรค พปชร.กล่าวถึงกรณีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการพรรค พท.กล่าวถึงกรณีรัฐบาลซื้องูเห่าว่า ขอให้ช่วยชี้แจงแสดงหลักฐานต่างๆ โดยละเอียดเพื่อให้สังคมประจักษ์ เพราะการทำการเมืองโดยเอาความเชื่อส่วนบุคคลมาชี้นำสังคมนั้นจะทำให้มาตรฐานการเมืองไทยตกต่ำ
“ภาพความสามัคคีของพรรคร่วมรัฐบาลอาจทำให้นายจิรายุขัดหูขัดตาไปบ้าง เพราะภาพบรรยากาศดังกล่าวไม่สามารถพบเห็นได้จากการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งล่าสุดที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ ที่ภาพข่าวมีแต่ภาพความเคร่งเครียด ระมัดระวังตัว นั่งหลังตรง คอแข็ง ขณะที่พรรคเพื่อไทยเองก็อาจมีรอยร้าวชัดเจน ทั้งสมาชิกพรรคที่เคยเป็นถึงแคนดิเดตนายกฯ ลาออกเพื่อลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.แบบอิสระ”
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค พท.พาดพิงนายกฯ ว่า นี่คือนิสัยนักการเมืองที่ยังเล่นการเมืองแบบเดิมๆ จนชาวบ้านเอือมระอาสิ้นศรัทธาต่อพฤติกรรมนักการเมืองประเภทนี้ ขนาดนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ยังต้องหนีออกจากพรรคไม่กล้าจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคเพื่อไทย เล่นการเมืองแบบน้ำเน่าเหมือนเดิม ยังไม่คิดเปลี่ยนพฤติกรรม ถ้านักการเมืองยังใช้วาทะ ใช้น้ำลายสกปรกในปากทำลายคนอื่น เล่นการเมืองแบบกล่าวหาใส่ร้ายโจมตีเขาไปทั่ว จะปฏิรูปการเมืองสำเร็จได้อย่างไร
"ผมอยากถามว่าในอดีตที่ผ่านมา ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาบริหารประเทศ รัฐบาลใดที่สร้างความขัดแย้งทางการเมืองให้วุ่นวาย จนประชาชนต้องออกมาชุมนุมทะเลาะกันบนท้องถนนมากมายยาวนานนับสิบปี ทำไมไม่เอามาพูดกันบ้างหรือลืมกันไปแล้ว ความจำคงเสื่อมหรือเปล่า" นายสุภรณ์กล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายวิษณุได้กล่าวถึง กมธ.ในสัดส่วน ครม.ว่าจบไปแล้ว ส่วนผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธาน กมธ.นั้นเป็นเรื่องที่ กมธ.ไปเลือกกันเอง ไม่ว่าอะไรใครก็แล้วแต่ต้องใช้เสียงข้างมากของ กมธ.ซึ่งมี 49 คน
ยัน 11 ธ.ค.ถกตั้ง กมธ.
นายชวนกล่าวว่า ญัตติการเสนอตั้ง กมธ.ศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังเป็นระเบียบวาระที่สภาจะพิจารณากันในวันที่ 11 ธ.ค.ตามปกติ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าการพิจารณาญัตติดังกล่าวต้องใช้เวลากี่วัน โดยจะเปิดให้อภิปรายตามปกติ แต่ต้องไปบริหารเวลากัน และในวันที่ 11 ธ.ค.จะคุยกับเจ้าของญัตติอีกครั้ง
นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภา กล่าวถึงกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค อนค.ระบุว่าอาจมีการยื้อเพื่อพิจารณาญัตติตั้ง กมธ.ว่า หากไม่เกิดอุบัติเหตุอะไร ยืนยันว่าตามระเบียบวาระญัตติดังกล่าวจ่อคิวเข้าสู่การประชุมในวันที่ 11 ธ.ค.แน่นอน ส่วนที่นายปิยบุตรตั้งข้อสังเกตนั้น คิดว่านายปิยบุตรมองโลกในแง่ร้ายเกินไปและไม่เป็นธรรมกับนายชวน เช่นเดียวกับนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ซึ่งสั่งปิดการประชุมในวันดังกล่าว
ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้ออกแคมเปญ “10 ธันวา วันรัฐธรรมนูญของไทย กับ 10 มุมมองของคนเพื่อไทย” ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของพรรค นำโดยแกนนำของพรรค โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค ระบุว่า วาทกรรมรัฐธรรมนูญไว้ทีหลัง ปากท้องมาก่อน สร้างขึ้นมาจากความบิดเบือน ทั้งที่สองเรื่องนี้เชื่อมโยงกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เศรษฐกิจจะดีได้ต้องมีรัฐบาลที่ยึดโยงกับประชาชน พร้อมจะทำเพื่อประชาชน และการได้มาซึ่งรัฐบาลที่ตอบสนองประชาชน ต้องเป็นรัฐธรรมนูญที่สร้างอำนาจให้ประชาชนได้มีสิทธิ์เลือก
“รัฐธรรมนูญปี 2560 ประชาชนถูกตัดสิทธิ ไม่มีสิทธิเลือก จึงได้รัฐบาลที่ประชาชนไม่ได้เลือก รัฐธรรมนูญที่ดีและสมบูรณ์แบบ ต้องเป็นเครื่องมือที่สร้างอำนาจให้ประชาชนให้เท่าเทียม ไม่ทำลายหลักสิทธิมนุษยชน และที่สำคัญต้องมาจากประชาชน”
ขณะที่ ส.ส.กลุ่มเพื่อไทยพลัส ซึ่งเป็น ส.ส.กลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรคได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเนื่องในวันรัฐธรรมนูญเช่นกัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |