ควันหลง ส.ส.เพื่อไทยกว่า 60 คนยกพลไปเยี่ยมเยียนนายใหญ่-ทักษิณ ชินวัตร ถึงนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมกับพกความอึดอัดจากการบริหารงานของ หญิงหน่อย-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เอาไปฟ้อง พร้อมกับเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนคนทำหน้าที่มาเป็น เสี่ยเหลิม-ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หนึ่งในแกนนำพรรคเพื่อไทย

      หลังเกิดเรื่อง ส.ส.พรรคเพื่อไทย สายเจ๊หน่อย รีบออกมาปฏิเสธ ยืนยันถึงสถานภาพ ความเป็นเอกภาพ ไม่มีเรื่องราวความขัดแย้งระหว่าง ส.ส.อีสานกับสุดารัตน์อย่างที่มีกระแสข่าวออกไป คล้อยหลังจากคณะดูไบเดินทางกลับ ปรากฏว่าทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีคิวด่วนเดินทางไปยังเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยคณะที่เดินทางไปนำโดยเสี่ยเหลิม-ร.ต.อ.เฉลิม ที่ควงคู่หนุ่ม-วัน  อยู่บำรุง ลูกชายและอดีต ส.ส.กทม. พร้อมกับ ส.ส.เพื่อไทยอีกจำนวนหนึ่ง

      เลยทำให้ประเด็นไม่เอาหญิงหน่อยถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง อันเนื่องมาจากทั้งเฉลิม และสุดารัตน์ เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน เรื่องราวแห่งความไม่พอใจหญิงหน่อยมีอยู่จริงในพรรคเพื่อไทย จากคนบางกลุ่มเท่านั้น ขณะที่คนอีกหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นแกนนำพรรค ส.ส.อีสาน เหนือ กลาง กทม. ในสายที่สนับสนุนเจ๊ก็มีอยู่มากเช่นกัน

      ส่วนคู่แค้นในอดีต เฉลิม-สุดารัตน์ ในวันนี้เบาลงไปมาก เพราะต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ ยืนในมุมของตัวเอง

      สุดารัตน์ ในตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรค เปรียบเหมือนหัวหน้าพรรคคนที่สอง คอยขับเคลื่อนงาน ยุทธศาสตร์ของพรรค ลงพื้นที่พบปะมวลชน เกษตรกร ชาวบ้าน ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนทางด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง จากการบริหารงานของรัฐบาล ด้านนอกพรรคก็เป็น ดีลเมกเกอร์ ประสานงาน ติดต่อ พูดคุยกับแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทำงานสอดประสานกันอย่างแข็งขัน รวมไปถึงยังมีความพยายามทาบทามผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคเพื่อไทยอยู่เสมอๆ ขณะที่เฉลิมก็เน้นไปทางเป็นกุนซือ ติวเข้มให้ข้อมูล ส.ส.ที่มาขอคำปรึกษาการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นหลัก

      มีเรื่องที่คนในเพื่อไทยแปลกใจ ต่อเหตุการณ์ที่สร้างความประหลาดใจเล็กๆ ในช่วงก่อนการเลือกตั้งใหญ่ ผู้สมัคร ส.ส.แถบภาคอีสานคนหนึ่งจากพรรคเพื่อไทย ถูกตำรวจจับดำเนินคดีจากข้อหาในอดีต  ก็เป็นเจ้าแม่เมืองหลวงที่ยกหูไปหาเดอะเหลิม เพื่อบอกให้รับรู้ถึงสถานการณ์ พร้อมกับยังเรียกปลายสาย "พี่ๆ" อีกด้วย ขณะที่ปลายสายก็แทนสรรพนามว่า "คุณหญิง" พร้อมกับช่วยให้คำปรึกษาอีกด้วย

      ไม่เท่านั้นหลังวางสาย เดอะเหลิมยังบอกกับ ส.ส.คนสนิทอีกว่า ทำงานกับสุดารัตน์ได้ ไม่มีความขัดแย้งอะไรกัน

      ส่วนกระแสข่าวความไม่พอใจหญิงหน่อยยังเป็นแค่เพียงคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งทักษิณรับฟังรับรู้มาตลอด  แต่เมื่อชั่งใจ ประเมินสถานการณ์ คำนวณอย่างถี่ถ้วน มองว่ายังมีความจำเป็นที่จะต้องให้สุดารัตน์รับหน้าที่นี้ต่อไป ยังไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนม้ากลางศึก

      จะว่าไปแล้ว เรื่องราวแห่งการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างภายในพรรค ก็เกิดจากสุดารัตน์คนนี้ร่วมเข้าไปจุดประกายความคิดทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการนำวิทยากรมาแนะแนวให้ ส.ส.ในพรรคใช้เฟซบุ๊ก  ทวิตเตอร์ เพื่อประโยชน์ในการส่งสารไปถึงประชาชน รวมถึงการเข้าไปให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับกลุ่มเพื่อไทยพลัสที่มาจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ ออกไปทำกิจกรรม ลงพื้นที่ หวังดึงฐานเสียงแนวร่วม จากกลุ่มนักศึกษาและคนรุ่นใหม่

      แม้กลุ่มคนที่ไม่พอใจเจ๊หน่อย ที่ว่ากันว่าเป็นกลุ่มที่ทรงพลังอำนาจ ยังคงขับเคลื่อน รอจังหวะ แต่ทว่าคนทางไกลยังมองว่า นาทีนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับตัว เพราะจะทำให้สถานการณ์ในพรรคยิ่งแย่ลงไปอีก โดยเฉพาะในเวลาอันใกล้มี 2 ศึกใหญ่รออยู่

        การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น ที่พรรคเพื่อไทยย้ำชัดจะไม่ยอมเสียพื้นที่นี้ให้คนจากพรรคพลังประชารัฐอย่างเด็ดขาด รวมไปถึงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2563 ที่ยังต้องอาศัยพลังความร่วมมือคนในพรรคร่วมฝ่าฟัน เพราะศัตรู เป้าใหญ่สุดที่ต้องจัดการคือเครือข่ายประยุทธ์ หาใช่พรรคพวกคนกันเอง.