ทัพนักปั่นไทยประกาศศักดา บนดินแดนตากาล็อก กวาด 2 เหรียญทองจักรยานถนน ทั้งโร้ดเรซบุคคลชาย และทีมชาย ในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 30  สราวุฒิ สิริรณชัย กวาดคนเดียว 3 ทอง รับเงินรางวัลอัดฉีด 1.3 ล้านบาท เจ้าตัวขอขอบคุณชาวไทยที่ส่งแรงใจมาช่วยเชียร์ 

        การแข่งขันจักรยาน ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. มีชิงกัน 2 เหรียญทอง จากจักรยานถนน ประเภทโร้ดเรซบุคคลชาย และโร้ดเรซทีมชาย ระยะทาง 130.4 กม. ซึ่งเป็น 2 เหรียญสุดท้ายของจักยานถนน ทีมสองล้อไทยส่งนักกีฬาลงชิงชัย 5 คน ได้แก่ ร้อยตำรวจโท ธุรกิจ บุญรัตนธนากร, สิบตรี สราวุฒิ สิริรณชัย, สิบตำรวจตรี นวุติ ลี้พงษ์อยู่, จ่าอากาศเอก พีรพล ชาวเชียงขวาง และ นายธนาคาร ไชยยาสมบัติ โดยมี “เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เดินทางมาให้กำลังใจนักกีฬาไทยตั้งแต่จุดปล่อยตัวจากถนนในเมืองตาเกไตย์ ไปถึงจุดเข้าเส้นชัยที่ พีเพิล’ส พาร์ค อิน เดอะ สกาย (สวนสาธารณะของประชาชนบนท้องฟ้า) ซึ่งเป็นจุดชมวิวบนยอดเขาสูง

        สำหรับประเภทโร้ดเรซ จะแข่งขันครั้งเดียว แต่ชิง 2 เหรียญทอง ทั้งบุคคลและทีม โดยมี 8 ทีมร่วมชิงชัย ได้แก่ ไทย, ลาว, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, มาเลเซีย และ กัมพูชา นักกีฬาทั้งหมด 38 คน เส้นทางการแข่งขันช่วงแรกเป็นทางราบสลับกับเนินเขาที่ไม่สูงมากนัก แต่ช่วงสุดท้าย 8 กม. ก่อนเข้าเส้นชัยเป็นการปั่นขึ้นยอดเขาที่มีความสูงชัน และมีโค้งหักศอกหลายโค้งดักอยู่ แต่ทัพนักปั่นไทยก็แสดงศักยภาพคว้าชัยชนะมาได้ โดย “วุฒิ” สราวุฒิ โชว์พลังและความแข็งแกร่ง คว้าทองประเภทบุคคลมาได้สำเร็จ หลังเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกด้วยเวลา 3.21.11 ชั่วโมง, ที่ 2 อริยะ พูลสวัสดิ์ นักปั่นลาวซึ่งมาฝึกซ้อมอยู่กับนักกีฬาไทย และเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมอาชีพ ไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ทีม ทำเวลา 3.21.30 ชั่วโมง, ที่ 3 โก๊ะ ชุน ฮวต จากสิงคโปร์ เวลา 3.21.40 ชั่วโมง

        ส่วนนักปั่นไทยคนอื่น ๆ “เฟรม” ธนาคาร ได้ที่ 5 เวลา 3.22.39 ชั่วโมง, “มะตูม” พีระพล ได้ที่ 8 เวลา 3.23.15 ชั่วโมง, “ป๋อม” ธุรกิจ ได้ที่ 20 เวลา 3.29.50 ชั่วโมง, “ดอย” นวุติ ได้ที่ 30 เวลา 3.36.31 ชั่วโมง ซึ่งก็เพียงพอต่อการให้ทีมไทยคว้าเหรียญทองประเภทโร้ดเรซทีมชาย มาครองอีก 1 เหรียญ เวลารวม 10.07.05 ชั่วโมง, ที่ 2 อินโดนีเซีย เวลารวม 10.09.09 ชั่วโมง, ที่ 3 ฟิลิปปินส์ เวลารวม 10.14.50 ชั่วโมง 

        จากผลงานของทีมนักปั่นไทยในครั้งนี้ ทำให้ “วุฒิ” สราวุฒิ กวาดเหรียญทองไปมากที่สุดถึง 3 เหรียญ จากไทม์ไทรอัลทีมชาย เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. และโร้ดเรซบุคคลชาย กับ โร้ดเรซทีมชาย โดย สราวุฒิ จะได้รับเงินรางวัลจากรัฐบาล เหรียญทองละ 300,000 บาท เป็น 900,000 บาท รวมกับสมาคมกีฬาจักรยานฯ อัดฉีดเพิ่มอีกเหรียญทองละ 100,000 บาท เป็น 300,000 บาท และ พลเอกเดชา อัดฉีดพิเศษในการแข่งขันไทม์ไทรอัลทีมชายอีกคนละ 100,000 บาท รวมเป็นที่ สราวุฒิจะได้รับทั้งหมด 1,300,000 บาท

        สิบตรี สราวุฒิ กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจสู้อย่างเต็มที่ จนกระทั่งประสบความสำเร็จ ขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องชาวไทย และแฟนชาวจักรยานทุกคนที่ส่งใจมาเชียร์ทั้งก่อนและหลังลงแข่ง ขอบพระคุณท่านนายกสมาคมฯ พลเอกเดชา เหมกระศรี ที่ดูแลพวกเราอย่างใกล้ชิดทุกวัน ซึ่งไม่เคยมีนายกสมาคมจักรยานของชาติอื่น ๆ จะทำได้แบบท่าน ขอบคุณสมาคมกีฬาจักรยานฯ โค้ชทุกคนที่เคยฝึกสอนตนเองมา รวมไปถึงเพื่อนร่วมทีมที่ช่วยเหลือกันตลอด และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย อีกทั้งผู้สนับสนุนของสมาคมกีฬาจักรยานฯ นอกจากนี้ขอขอบพระคุณท่านผู้บังคับบัญชา พลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4, พลตรีปิยพงษ์ วงศ์จันทร์ ผบ.มทบ.46 และ พลตรีมโนช จันทร์คีรี ผบ.มทบ.45 ในฐานะหน่วยที่รับผิดชอบกีฬาจักรยานของกองทัพภาคที่ 4 ที่ได้ให้การสนับสนุนตนเองมาโดยตลอด

        “การแข่งขันในช่วงแรกที่เป็นทางราบก็ช่วยกันลากช่วยกันดึงมา แต่พอถึง 8 กม. ก่อนขึ้นภูเขา ใครมีแรงก็ต้องไปก่อน จะมารอกันไม่ได้ แต่ผมก็พยายามคุมพละกำลังของตัวเองไม่ให้เกินลิมิต เพราะต้องเก็บแรงไว้ปั่นขึ้นเขา เมื่อทำสำเร็จก็รู้สึกดีใจมาก เพราะไม่เคยทำได้มาก่อน การที่ท่านนายกฯ พลเอกเดชา ส่งพวกเรามาฝึกซ้อมล่วงหน้านับว่ามีประโยชน์มหาศาล ทำให้มีความได้เปรียบที่เราทราบเส้นทาง รู้ไลน์ว่าตรงไหนควรใช้แรงเท่าใด แม้เจ้าภาพจะปรับเส้นทางไปบ้างก็ไม่กลัว สำหรับเหรียญทองที่ได้มาในครั้งนี้ ขอมอบให้แก่พ่อแม่พี่น้องชาวไทยเป็นของขวัญวันพ่อแห่งชาติ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา และเป็นของขวัญเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะถึงในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ขอให้คนไทยทุกคนช่วยเชียร์เราต่อไปด้วยนะครับ” สิบตรี สราวุฒิ กล่าว