หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ อ้าซ่า 360 องศา รอผู้ใหญ่เทียบเชิญร่วมรัฐบาล อุดมการณ์ตรงกันก็พร้อมที่จะร่วมงาน พรรคไม่เคยเปลี่ยนจุดยืน ที่ต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ไปต่อได้ "อุตตม" ถามจะมาจริงหรือเปล่า เดี๋ยวรอคุยกัน "สุริยะ" ยอมรับว่ามีความรู้สึกที่ดีๆ ต่อกันแล้ว แต่ "จุรินทร์" ไม่ขอออกความเห็น ยังไม่ได้ข่าวว่า "บิ๊กตู่" จะปรับ ครม.
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ กล่าวย้ำว่า การร่วมเป็นองค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และไม่เห็นด้วยให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 เป็นมติพรรคที่ได้หารือร่วมกัน แม้จะเป็นการโหวตสวนมติของฝ่ายค้านก็ตาม ยืนยันว่าขณะนี้พรรคเศรษฐกิจใหม่ยังสังกัดฝ่ายค้าน และร่วมทำงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน
แต่พรรคมีจุดยืนและมีเอกภาพที่จะมีมติและร่วมกันตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเรื่องใด โดยที่พรรคไม่เห็นด้วยให้มีการตั้งกรรมาธิการดังกล่าว เพราะเห็นว่ายังมีเวทีกรรมาธิการสามัญ 35 คณะที่จะเดินหน้าต่อไปได้ อีกทั้งไม่อยากให้สภาล่มเป็นครั้งที่ 3 และ 4 แต่หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พรรคพร้อมจะสนับสนุน และพรรคเศรษฐกิจใหม่ไม่ใช่งูเห่า เพราะเป็นมติพรรค ขณะที่ยังคงหารือร่วมกับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตหัวหน้าพรรค
นายมนูญกล่าวถึงกระแสข่าวที่จะไปร่วมรัฐบาลว่า มีคนมาสอบถามและพูดคุยถึงกระแสข่าวดังกล่าว แต่ผู้ใหญ่ในรัฐบาลยังไม่ได้ติดต่อหรือเทียบเชิญไปร่วมทำงาน ไม่ได้คุยถึงขั้นเสนอเก้าอี้รัฐมนตรี หากอุดมการณ์ตรงกันก็พร้อมที่จะร่วมงาน ทั้งนี้ ยังไม่มีผู้ใหญ่ของรัฐบาลโทร.มาชวนไปร่วมงานกับรัฐบาล แต่ตนก็คุยกับ ส.ส.รัฐบาลและฝ่ายค้านตลอด พรรคเรายึดจุดประสงค์หลักที่จะให้ประเทศเดินไปได้ ถ้าจุดยืน อุดมการณ์ตรงกัน ก็สามารถร่วมกันได้
"ผมก็รออยู่ครับ ยังไม่มีใครโทร.มา เราเป็นผู้น้อย ถ้าผู้ใหญ่จะชวนก็ต้องปรึกษาหารือกันในพรรคว่าจะอย่างไร ตอนนี้จุดยืนของเราอยู่ในฐานะฝ่ายค้าน ถ้าเราไปร่วมรัฐบาลเราจะประกาศให้ชัดเจน ถ้าไม่มีการเสนอเก้าอี้รัฐมนตรี แต่พรรคสามารถผลักดันนโยบายการทำงานได้ก็ยินดี ซึ่งพรรคไม่เคยเปลี่ยนจุดยืนที่ต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ไปต่อได้” นายมนูญกล่าว
ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ว่า ก็เดี๋ยวดูว่าจะมาอย่างไร จะมาจริงหรือเปล่า เดี๋ยวรอคุยกัน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม แกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่ายังไม่ถึงขั้นที่ว่าจะมีการปรับ ครม.เพื่อดึงพรรคเศรษฐกิจใหม่เข้ามา
“การที่มีสมาชิกพรรคเศรษฐกิจใหม่และจากฝ่ายค้านอื่นมาร่วมโหวตให้กับรัฐบาล ผมคิดว่าเป็นเพราะสมาชิกเหล่านั้นอยากให้ประเทศเดินหน้าไปได้ คงยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น แต่ก็ยอมรับว่ามีความรู้สึกที่ดีๆ ต่อกันแล้ว” รมว.อุตสาหกรรมกล่าว
"จุรินทร์"ยังไม่เห็นสัญญาณ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าตนเองและพรรคประชาธิปัตย์ไม่ขอออกความคิดเห็น เพราะเป็นเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อีกทั้งยังไม่เคยได้ยินว่าจะยึดเก้าอี้โควตารัฐมนตรีคืน แต่ในฐานะที่ตนเองเป็นรองนายกฯ และเป็นหัวหน้าพรรค ได้กำชับรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด ให้ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ เร่งสร้างผลงานให้เป็นรูปธรรมในนามรัฐบาล และยืนยันนโยบายโครงการประกันรายได้เกษตร แม้จะเป็นนโยบายของพรรค แต่เมื่อเข้าร่วมรัฐบาลก็ต้องทำในนามรัฐบาล
"ย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มี สัญญาณจากนายกฯ ในการปรับ ครม.และ ครม.ทุกคนต่างทำงานเข้าขากันดี โดยเฉพาะตนเอง ที่ไม่ได้มีปัญหากับทีมเศรษฐกิจ เพราะมีวุฒิภาวะ และมีประสบการณ์ในการทำงาน"
นายจุรินทร์ยังกล่าวถึงการดำเนินการกับ 4 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่โหวตสวนมติวิปรัฐบาลในการตั้งญัตติศึกษาผลกระทบคำสั่ง ม.44 ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องฟังมติพรรค และมีวิปรัฐบาลกำกับดูแลงานในสภา ซึ่งในส่วนของ 4 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จะมีการทำบันทึกเหตุผลในการโหวตให้กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ไปพิจารณาว่าจะมีบทลงโทษหรือมาตรการใดๆ ซึ่งผลของการพิจารณาจะนำไปสู่การตัดสินใจทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่งในอนาคต ที่ต้องสอดคล้องกับข้อบังคับพรรรคและรัฐธรรมนูญ
"ขอย้ำว่าการโหวตสวนมติวิปรัฐบาลไม่ได้แสดงถึงความไม่มีเอกภาพของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเสียงส่วนใหญ่ก็ปฏิบัติตามวิปรัฐบาล และไม่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของพรรคประชาธิปัตย์ในการร่วมรัฐบาล" นายจุรินทร์กล่าว
วันเดียวกันนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ระบุว่า รัฐบาลจ้องดึงเสียง ส.ส.ฝ่ายค้านมาสนับสนุนเสียงโหวตโดยการเสนอผลประโยชน์เข้าแลกว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง คุณหญิงสุดารัตน์คิดมโนไปเอง เป็นการกล่าวหาลอยๆ ปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริง
ทุกครั้งเวลาคุณหญิงสุดารัตน์จะกล่าวหารัฐบาลก็มีการขู่ว่ามีหลักฐานชัดเจน แต่สุดท้ายก็เงียบหายไปทุกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ ส.ส.ที่ถูกพาดพิงต่างก็ออกมายืนยันแล้วว่าไม่ได้รับผลประโยชน์จากใคร แต่ที่ทำไปเพราะไม่อยากเห็นสภาล่มซ้ำซาก พี่น้องประชาชนจะเบื่อหน่าย จึงเข้าร่วมประชุม ทางที่ดีพรรคร่วมฝ่ายค้านน่าจะเอาเยี่ยงอย่าง ไม่ใช่เล่นเกมการเมืองจ้องล้มรัฐบาลเพียงอย่างเดียว หรือจ้องแต่จะวอล์กเอาต์เพื่อทำให้สภาล่ม ยิ่งประเทศได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ทุกพรรคการเมืองยิ่งต้องช่วยกันมากกว่าเดิม เพื่อนำประเทศเดินไปข้างหน้า
นายธนกรกล่าวอีกว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยทำเพื่อพวกพ้องตัวเองเหมือนรัฐบาลในอดีตที่คุณหญิงสุดารัตน์รู้อยู่แก่ใจดี ที่สำคัญรัฐบาลในอดีตสร้างความเสียหายให้กับประเทศมากมาย โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันใช่หรือไม่ ดังนั้นคุณหญิงสุดารัตน์เลิกกล่าวหาหรือให้ร้ายรัฐบาลได้แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ทำทุกอย่างเพื่อพี่น้องคนไทยทุกคน ไม่เลือกที่รักมักที่ชังเหมือนอดีตผู้นำบางคนที่เลือกช่วยเฉพาะจังหวัดที่เลือกพรรคตัวเองก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก
ตอก"เจ๊หน่อย"กลับไปกวาดบ้าน
"ทางที่ดีคุณหญิงสุดารัตน์น่าจะเอาเวลาไปแก้ปัญหารอยร้าวในพรรคเพื่อไทยก่อนดีกว่า เพราะทราบว่า ส.ส.ภาคอีสานจะเสนอปลดคุณหญิงสุดารัตน์ แล้วให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ขึ้นมาเป็นแทน ซึ่งตรงนี้ตนก็ไม่เห็นด้วย เพราะคุณหญิงสุดารัตน์ทำงานหนักมาก ลงพื้นที่มาโดยตลอด ดังนั้นทางที่ดีควรเน้นทำงานแล้วพูดให้น้อยลงจะดีที่สุด เพราะคนเก่งคือคนที่ลงมือทำ ไม่ใช่คนที่เอาแต่พูดไปวันๆ" โฆษกพรรคพลังประชารัฐกล่าว
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อ้างว่าเสียบบัตรค้างไว้แล้วมีคนอื่นมากดในสภา ถือเป็นการกระทำผิดหรือไม่ แล้วต้องดำเนินการอย่างไรว่า หากเป็นเหมือนที่มีการอ้างจริงต้องถือว่าผิด ส่วนจะดำเนินการอย่างไร เห็นประธานบอกตั้งกรรมการสอบ แล้ว การเสียบบัตรคาไว้เมื่อเจ้าตัวไม่ได้โหวต คนอื่นไปโหวตให้ถือว่ามีความผิด ขนาดเขามอบหมายให้กดแทนยังผิด แต่นี้ไม่ได้มอบหมายแล้วไปกดให้ถือว่าผิด ส่วนจะผิดอาญาหรือไม่นั้น ตนไม่แน่ใจ แต่ในห้องประชุมสภาคนที่อยู่ในนั้นต้องเป็น ส.ส. อย่างน้อยก็ผิดจรรยาบรรณอยู่แล้ว
นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์กรณี นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อ้างว่ามีการเสียบบัตรค้างไว้ แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กดแสดงตัวในการพิจารณาญัตติตั้งกรรมาธิการศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 จะผิดกฎหมายหรือไม่ ว่าหากมีการกดบัตรแทนกันถือว่าผิดกฎหมายแน่นอน เรื่องนี้มีการดำเนินคดีมาแล้วหลายราย และจบด้วยการที่ศาลตัดสินว่ามีความผิด ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. หากใครเป็นเจ้าทุกข์ และคิดจะดำเนินการเรื่องนี้ ตนสนับสนุน จะได้ไม่เกิดเรื่องเสียหายต่อสภาอีกต่อไป โดยการตรวจสอบเรื่องนี้เชื่อว่าทำได้อยู่แล้ว หากคิดจะทำจริงจัง เช่น การไปดูกล้องวงจรปิดหรือคนที่นั่งใกล้เคียงกับที่นายขจิตรเพื่อสอบถาม และกรณีเช่นนี้คือเหตุผลที่ขอบในการอ้างข้อบังคับข้อ 85 ในการนับคะแนนใหม่ ไม่ใช่แพ้แล้วขอโหวตใหม่
เมื่อถามว่ากรณีนี้ใครคือเจ้าทุกข์ นายสุทินกล่าวว่า กรณีเช่นนี้เจ้าทุกข์ที่ได้รับความเสียหายคือผู้ถูกขโมยใช้สิทธิ์และประธานสภาฯ ก็น่าจะเป็นผู้เสียหายร่วม เพราะถือเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับอันที่ประธานสภาฯ เป็นผู้ควบคุมอยู่
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาขอให้ทุกฝ่ายเลิกวิพากษ์วิจารณ์พรรคฝ่ายค้านโหวตสวนมติ และขอให้จบได้แล้วนั้น ว่าเรื่องนี้เป็นห่วงวิธีคิดของนายกรัฐมนตรี เพราะอย่าลืมว่าการกลับมาเป็นนายกฯ ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ที่มาจากระบอบประชาธิปไตย ผ่านการเลือกตั้งมา ดังนั้นวิธีการคิดก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย นายกฯ ต้องเชื่อมั่นและศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย สำคัญที่สุดคือการเคารพกติกาของประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
"การที่พรรคทางฝั่งรัฐบาลเสียงไม่พอ แล้วใช้วิธีฉกชิงวิ่งราว คะแนนเสียงจากเพื่อนบ้าน ด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ มันไม่ได้เป็นการปฏิรูปการเมือง ไม่ได้เป็นการทำให้ประชาธิปไตยแข็งแรงขึ้น ที่สำคัญข้ออ้างในการรัฐประหาร แล้วบอกว่าจะเข้ามาปฏิรูปการเมือง ผ่านมาเกือบ 6 ปี นี่หรือคือตัวอย่างที่ดีของการเข้ามาปฏิรูปการเมือง แต่นี่เป็นเหมือนการเมืองย้อนยุค กลับไปในปี 18"
แจกกล้วย-งูเห่า
คุณหญิงสุดารัตน์บอกว่า กรณีดังนั้นจึงพิสูจน์ให้เห็นว่าการเมืองที่ใช้อำนาจ ใช้เงิน มันจบด้วยผลประโยชน์ เมื่อมีการเลือกตั้ง ก็มีการกล่าวอ้างกันทั่วไป ว่ามีการชื้อเสียงมากที่สุด เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็มีการดำเนินการอย่างที่ผิดๆ แบบที่เราเห็น มีการแจกกล้วย ข้อความงูเห่า แบบนี้มันเป็นการใช้อำนาจรัฐเข้ามาบีบ อำนาจเงิน มาบีบทั้งนั้น นี่หรือคือการปฏิรูปการเมือง ฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ต้องไปปรับความคิด แล้วก็ให้ พล.อ.ประยุทธ์เข้าใจหลักการและเห็นระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงเสียก่อน
ส่วนที่นายกฯ ออกมาระบุว่า การโหวตคะแนนในสภาเป็นเรื่องอุดมการณ์ของแต่ละคน ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองนั้น เรื่องนี้คุณหญิงสุดารัตน์มองว่า การกระทำดังกล่าวผิดหลักการตั้งแต่แรกแล้ว เพราะหากโหวตแพ้ในสภา จะต้องมีการนับคะแนนตั้งแต่ตอนนั้น แต่สิ่งที่ทำอยู่คือการของโหวตใหม่ ซึ่งเรื่องนี้เองทำให้เห็นว่า รัฐบาลกำลังใช้อำนาจทุกอย่าง ไม่สนใจว่าจะผิดกติกาหรือจริยธรรมอย่างไร แต่การกระทำดังกล่าวก็เพื่อให้รัฐบาลอยู่รอดเท่านั้นเอง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่การปฏิรูปการเมือง แต่เป็นการปฏิรูปเพื่อตัวเองทั้งสิ้น
เธอยังกล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการสอบ ส.ส.งูเห่าของพรรคเพื่อไทยว่า จะดำเนินการอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะเป็นผู้ที่ทำลายระบบประชาธิปไตยเสียเอง ถึงแม้ที่ผ่านมาจะไม่เด็ดขาดชัดเจน แต่ในครั้งนี้พรรคมีมติและมีความชัดเจนในการจัดการกับ ส.ส.งูเห่าของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พรรคพลังประชารัฐระบุรัฐบาลไม่ได้จ้องดึงเสียง ส.ส.ฝ่ายค้าน เพื่อให้มาสนับสนุนเสียงโหวต ไม่มีการเสนอผลประโยชน์เข้าแลก ว่า ใครทำอะไร ใครได้ประโยชน์ จากการคว่ำการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ประชาชนรับรู้และเข้าใจได้ไม่ยาก ยิ่งออกมาปฏิเสธ ยิ่งเข้าตัว อย่าเกี่ยวแฝกมุงป่า อย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ การปฏิเสธแบบไร้สิ่งยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ว่าเลวร้ายแล้ว แต่การจุ้นจ้านโยนบาปให้พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม ไปพูดถึงกิจการภายในของพรรคการเมืองอื่น เป็นเรื่องที่เลวร้ายและเสียมารยาทมาก งูเห่าในพรรคการเมือง เป็นปฏิบัติการที่ขาดวินัย ไร้จิตสำนึก ไม่ใช่เรื่องที่คนเสนอให้กับคนรับ จะมุบมิบกันทำแบบไม่เกรงใจประชาชน
"พรรคเพื่อไทยมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณี ส.ส.ของพรรคไม่ปฏิบัติตามมติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งจะต้องมีคำตอบให้กับประชาชน พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อย่าสร้างความสับสน และไร้มารยาทในการแทรกแซงการทำงานของพรรคการเมืองอื่น" นายอนุสรณ์กล่าว
ด้านนายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การปรากฏตัวของ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรแบบไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ทั้งๆ ที่เป็นรู้กันอยู่โดยทั่วไปว่าพ.ต.ท.ไวพจน์หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาจนถูกศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับให้ไปฟังคำพิพากษาในวันที่ 15 มกราคม 2563 หมายความว่าหากพบหรือเห็น พ.ต.ท.ไวพจน์ปรากฏตัว ณ ที่ใด เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจจัดการตามหมายสามารถจับกุมตัวส่งศาลได้ทันที มีการตั้งคำถามกันว่าทำไมไม่มีใครจับกุม พ.ต.ท.ไวพจน์ขณะไปปรากฏตัวเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทั้งๆ ที่สื่อทุกสำนักก็รายงานให้เห็นกันโจ๋งครึ่ม
ต่อมจริยธรรมผู้มีอำนาจ
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า พ.ต.ท.ไวพจน์และพรรคพลังประชารัฐคงอาศัยขั้นตอนหรือช่องทางกฎหมายเตะถ่วงเวลา เพราะในกรณีปกติทั่วไป เมื่อศาลมีคำสั่งออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ศาลจะพิมพ์หมายจับให้ท่านผู้พิพากษาลงนาม จากนั้นจะส่งหมายจับทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดที่อยู่ในเขตอำนาจตามภูมิลำเนาของผู้ที่ถูกออกหมายจับ กรณีของ พ.ต.ท.ไวพจน์ก็คือกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร จากนั้นกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชรก็จะส่งหมายต่อไปยัง สภ.ท้องที่ตามทะเบียนราษฎรของ พ.ต.ท.ไวพจน์อีกทอดหนึ่ง ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ นี่เป็นกรณีปกติ แต่ถ้าจะให้ไม่ปกติ ก็สามารถเตะถ่วงให้ช้าออกไปเท่าไหร่ก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม การได้มาซึ่งหมายจับมิใช่มีช่องทางนี้ช่องทางเดียว พนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนในคดีสามารถที่จะขอคัดถ่ายหมายจับจากศาลเพื่อนำไปจับจำเลยได้ทันทีนับตั้งแต่ศาลได้ออกหมายจับ
ดังนั้นตราบใดที่ยังไม่มีหมายจับ พ.ต.ท.ไวพจน์จึงสามารถไปปรากฏตัวในที่ใดก็ได้ จึงเชื่อว่าการที่รัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐกล้าให้ พ.ต.ท.ไวพจน์เข้าประชุมเพื่อกดบัตรแสดงตนเป็น 1 ใน 261 คน ทำให้ครบองค์ประชุม และสามารถชนะโหวตในญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ได้อย่างสมใจอยาก คงจะอาศัยช่องทางนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสมเพชเป็นที่สุด
"การไม่มีใครจับ พ.ต.ท.ไวพจน์ จึงไม่มีใครผิดในแง่ของกฎหมาย แต่ส่อให้เห็นถึงต่อมจริยธรรมและจิตสำนึกของผู้มีอำนาจ ที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ทำได้ทุกวิถีทาง แม้กระทั่งเอาจำเลยที่ถูกศาลออกหมายจับมาเพิ่มเสียงในสภาให้กับตัวเองโดยไม่คำนึงหลักกฎหมายบ้านเมือง จึงเรียกร้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่พร่ำพูดถึงเรื่องธรรมาภิบาลมาโดยตลอดทำความจริงเรื่องนี้ให้กระจ่าง ว่าทำไม พ.ต.ท.ไวพจน์จึงกล้ามาปรากฏตัวเข้าร่วมประชุมสภาทั้งๆ ที่ถูกศาลออกหมายจับ มีการแทรกแซงสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐมิให้จัดการตามหมายจับของศาลหรือไม่ ทำไมพนักงานอัยการหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ไปขอคัดถ่ายหมายจับจากศาล ทั้งที่ทำได้โดยง่าย มีใครรู้เห็นเป็นใจ ใครต้องรับผิดชอบ ไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นจะถูกกล่าวหาได้ว่าจะสภาไทยกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของโจรหรือสภาโจร” นายเชาว์กล่าว
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ระยะนี้ไปไหนมาไหนจะเจอใครก็มักจะบ่นกันว่าบ้านเมืองทำไมวุ่นวายนัก การเมืองทำไมมันทะเลาะเบาะแว้งกัน รู้สึกอึดอัด รู้สึกไม่สบายใจ บางคนถึงกับสบถด่าสารพัดกับการเมือง บางคนถึงกับเหนื่อยใจว่าบ้านเมืองจะไปรอดหรือไม่
เขาขอทำความเข้าใจว่า การเมืองในระบอบประชาธิปไตยมันก็อย่างนี้แหละ ถ้าต้องการให้สงบให้เรียบร้อยไม่มีเสียงทะเลาะเบาะแว้งขัดแย้งกัน ก็ไปวัดหรือปฏิวัติ การเมืองในระบอบประชาธิปไตยมีทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ทั้งพวกเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เขามีสภาไว้ถกเถียงกัน โต้แย้งกัน ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นเรื่องปกติ ถ้าเห็นเหมือนกัน ไม่ต่างกัน ไม่ขัดแย้งกัน ก็ไม่ต้องมาประชุมสภา เสียเวลา เสียเงิน เปลืองน้ำเปลืองไฟ ที่เขามีสภาเขาเอาไว้ถกเถียงกัน ขอให้เข้าใจตามนี้ อย่าได้อึดอัด อย่าได้เบื่อหน่าย เวลาบ้านเมืองสงบเงียบ เราก็รู้สึกหงอยๆ เขาเถียงกันมากโต้แย้งกันมากเราก็เบื่อ ตกลงจะเอาไงกันแน่
"ขอทำความเข้าใจอีกครั้ง ถ้าต้องการสงบต้องไปวัด ถ้าต้องการความคึกคักสนุกสนานต้องไปดูคอนเสิร์ต ถ้าต้องการเห็นเขาต่อยกันต้องไปสนามมวย ถ้าต้องการดูเขาเตะกันต้องไปสนามฟุตบอล ถ้าต้องการดูเขาทะเลาะกัน ถกเถียงกันต้องไปสภา ก็โลกนี้มันเป็นอย่างนี้ ถ้าเข้าใจเสียแล้วจะไม่รู้สึกอึดอัดอะไรเลย เลือกเอาก็แล้วกัน ชอบแบบไหนก็ไปทางนั้น เรียกว่าไปสู่ที่เราชอบ" นายวันชัยกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |