7 ธ.ค. 62 - นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ Facebook แจ้งว่า จากนโยบายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับโครงการประกันรายได้เกษตรกร ผู้ปลูกข้าว เพื่อให้ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2562 / 2563 รอบที่ 1 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ของรัฐบาลในการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้สูงขึ้นนั้น ได้มีคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เรื่องการกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการ
ล่าสุดได้รับแจ้ง นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้ลงประกาศ วันที่ 6 ธ.ค.2562 คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง โดยมีมติให้จ่ายเงินส่วนต่างงวดที่ 5 ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจำนวน 4 ชนิด คือ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ข้าวเปลือกหอมมะลิ และข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ซึ่ง 2 ชนิดหลัง เป็นการจ่ายส่วนต่างเป็นครั้งแรก ส่วนข้าวเปลือกเหนียว ไม่จ่ายชดเชยส่วนต่าง เพราะราคายังสูงกว่าราคาประกันรายได้
สำหรับส่วนต่างที่จะจ่ายนั้น จะจ่ายให้กับเกษตรกรที่แจ้งเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 1-7 ธ.ค.2562 โดยมีรายละเอียดตามเอกสารประกาศข้อที่สอง คือ ข้าวเปลือกเจ้า ได้รับ ตันละ 2,453.59 บาท , ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ได้รับ ตันละ 1,661.08 บาท , ข้าวเปลือกหอมมะลิ ได้รับ ตันละ 517.47 บาท และข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ได้รับ ตันละ 404.75 บาท รวมเป็น 4 ชนิดนี้ ที่รอบนี้เข้าหลักเกณฑ์ จึงขอแจ้งให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ทั่วประเทศทราบ
นางมัลลิกา กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องพิจารณาการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงเร็วขึ้น จากเดิมที่กำหนดไว้ทุก 15 วัน เป็น 7 วันนั้น ก็เพื่อให้ราคาสะท้อนกับราคาที่แท้จริงมากขึ้น เพราะปัจจุบัน ราคาข้าวบางช่วงสูง แต่บางช่วงต่ำ จนทำให้ราคาเฉลี่ยออกมายังสูง ทำให้เกษตรกรบางส่วนอาจ ไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการประกันรายได้ แต่เมื่อใช้ราคาย้อนหลัง 7 วัน ก็จะทำให้ราคาเฉลี่ยตรงตามความเป็นจริงมากขึ้น
โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเป็นหนึ่งในพืช 5 ชนิด ที่เป็นนโยบาย รัฐบาล ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 หลังการเข้ารับตำแหน่งไม่กี่วัน โดยเป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ สำหรับข้าว ได้ประกันรายได้ข้าวเปลือกจำนวน 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละ 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาท ครัวเรือนละ 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละ 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาทครัวเรือนละ 16 ตัน
สำหรับผลจากการคำนวณส่วนต่างราคางวดที่ 5 เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเปลือกเจ้า จะได้รับเงินรวม 73,607.7 บาท และข้าวเปลือกหอมปทุมได้เงินรวม 41,527 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลิ ได้เงินรวม 7,244.58 บาท และข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ได้เงินรวม 6,476 บาท เป็นต้น
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |