“ประยุทธ์” ลั่นเล่นการเมืองอย่าทำจนระบบราชการเสียหาย เชื่อว่าทุกคนคงเข้าใจปัญหามากขึ้น “วิรัช” โยนแกนนำรัฐบาล โดยเฉพาะ ปชป.แก้เรื่องโหวตสวนมติ พรรคฝ่ายค้านระอุหลังงูเห่าพล่าน “สุทิน” บอกต้องประชุม 7 พรรคถกจุดยืนอนาคตว่าจะเลือกเดินอย่างไร อึ้ง! บอก “พลภูมิ” ต้องตอบแทนเรื่องคดีที่มีบุญคุณ “ช่อ” ชี้ต้องลงดาบหนักหากผิดซ้ำซาก “เศรษฐกิจใหม่” แจงเป็นมติพรรค เพราะเอือมระอาเรื่องวอล์กเอาต์
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม ยังคงมีผลพวงจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 ปีที่ 1 ครั้งที่ 10 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ในญัตติด่วนเรื่องให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ที่องค์ประชุมไม่ล่ม และมีการลงมติคว่ำญัตติดังกล่าว
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ในช่วงเช้าหลังทำกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาสิ่งแวดล้อมและบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ว่าวันนี้ประเทศชาติก็สงบร่มเย็น แต่ก็มีปัญหาอยู่บ้าง ก็ต้องแก้กันไป ถ้าทุกคนเอาแต่ปัญหามารุมเร้ากันทุกเรื่องจนทำให้การบริหารทำงานไม่ได้ มันคงไม่ใช่ ต้องทำให้การบริหารราชการทำได้ และตนเองไม่ได้ไปอะไรกับใครทั้งสิ้น จะตรวจสอบหรือถ่วงดุลก็ว่ากันไป แต่ในทางปฏิบัติ อย่าทำให้ระบบราชการเสียหายเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่าสิ่งที่นายกฯ พูดต้องการส่งสัญญาณถึงพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เลิกพูดเถอะนะสัญญาณ ทำไมต้องส่งสัญญาณ เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบทันทีว่า เขาคงเข้าใจกันอยู่ และคงเข้าใจกันมากขึ้น
ถามอีกว่า ทุกอย่างไม่น่ามีปัญหาแล้วใช่หรือไม่ หลังจากนัดมีตติ้งพรรคร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า "พอแล้ว ปัญหาอยู่ที่คนนี่แหละ"
ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงภาพรวมการประชุมสภาเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ว่าเป็นไปตามขั้นตอนของสภา ส่วนการปรับรูปแบบการทำงานของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เพื่อไม่ให้เสียงแตกนั้น ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา ส.ส.หลายคนของรัฐบาลติดภารกิจเช่นเดียวกับรัฐมนตรี ขณะที่สภาอยู่ในภาวะเสียงไม่ต่างกันมากนัก ดังนั้นวิปรัฐบาลต้องเหนื่อยในการควบคุมเสียง และที่ผ่านมาวิปทำงานอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เสียงแตก ส่วนต้องเพิ่มความเข้มข้นหรือไม่นั้น วิปทำงานอยู่แล้ว เพียงแต่บางครั้งหลายคนติดภารกิจพร้อมกัน และคิดว่าจะทันเข้าประชุม แต่ก็ไม่ทัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องปรับโดยประสานงานให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
“พรรคร่วมรัฐบาลทราบอยู่แล้วว่าต้องทำหน้าที่อย่างไร และทุกคนก็ต้องมีหน้าที่ช่วยกันทำงาน ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่ามีแกนนำรัฐบาลล็อบบี้เสียง ส.ส.ฝ่ายค้านด้วยเงินจำนวน 8 หลักนั้น ผมไม่อยากให้มองถึงเรื่องงูเห่า เพราะ ส.ส.แต่ละคนมีความคิดเป็นของตัวเอง และได้คำนึงถึงสถานการณ์และทิศทางทางการเมือง คงไม่มีใครอยากทำลายอนาคตทางการเมืองของตนเอง เราต้องเคารพ ส.ส.แต่ละท่าน ที่มีวิธีคิดวิธีการทำงานในแบบของตัวเอง”นายสนธิรัตน์กล่าว
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ยอมรับว่า เวลานี้เราได้เห็นถึงปัญหาแล้ว หากเราไม่ทำตามเสียงของวิปรัฐบาล ปัญหาจะเกิดขึ้นอย่างไร ดังนั้นจากนี้คงต้องเข้มงวดขึ้น เพราะญัตตินี้คงไม่ใช่ญัตติสุดท้าย วิปรัฐบาลต้องเตรียมทุกอย่างให้รอบคอบขึ้น โดยเฉพาะการมีเสียงปริ่มน้ำ เราต้องทำให้ดีกว่าที่ผ่านมา ซึ่งต้องขอบคุณเพื่อนสมาชิก ส.ส.ทุกคนทุกพรรคที่ทำให้ทุกอย่างจบด้วยดี
โยนปชป.หาทางออก
“ผมไม่ได้อึดอัดหรือกังวลใจอะไรกับเสียงที่เกิดขึ้น เมื่อเกิดปัญหาก็ต้องแก้ไขให้ดีขึ้น รัฐบาลยังต้องเดินหน้าพูดคุยกันให้มากขึ้น หากทุกพรรคร่วมรัฐบาลช่วยกันแบบเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ผมก็มั่นใจรัฐบาลจะเดินหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งทางด้านการบริหารและนิติบัญญัติ” นายวิรัชกล่าว
นายวิรัชยังกล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่โหวตสวนมติวิปรัฐบาล ว่าเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ในรัฐบาลรวมถึงผู้ใหญ่ของ ปชป.ต้องคุยกันว่าจะทำอย่างไร ไม่ขอไปก้าวล่วงให้ความเห็นในส่วนนี้ เพราะหากพูดอะไรไปคนจะไปตีความจนเกิดความขัดแย้ง ส่วนประเด็นเรื่องงูเห่าก็ไม่ขอวิจารณ์ เพราะไม่ทราบในส่วนนี้ แต่ต้องยินดีที่พรรคเศรษฐกิจใหม่หันมาสนับสนุนรัฐบาล
ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่ารัฐบาลเสนอผลประโยชน์ให้ ส.ส.เพื่อแลกเสียงโหวต ว่าไม่จริง รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีการล็อบบี้ ส.ส.หรือเสนอผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกรัฐสภาและระบอบประชาธิปไตย น.อ.อนุดิษฐ์พูดเหมือนดูแคลน ส.ส.มากเกินไป ส.ส.ทุกคนเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ทุกคนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี น.อ.อนุดิษฐ์อาจจะเคยชินกับการกระทำดังกล่าว จึงคิดว่าพรรคอื่นจะทำเหมือนพรรคตัวเองในอดีตใช่หรือไม่ นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยขู่ว่าจะยุบสภา หากสภาล่ม ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีทางโดยยึดประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก
“ที่ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมเป็นองค์ประชุมด้วยนั้น ทุกอย่างมีเหตุผล ส.ส.ทุกคนมีศักดิ์ศรี ไม่มีใครไปบังคับได้ แต่เป็นเพราะทุกคนคำนึงถึงประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก บางครั้งส.ส.พรรคฝ่ายค้านเองก็อาจไม่อยากเล่นการเมืองมากเกินไป โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ทุกวันนี้ผมไม่เห็นพรรคร่วมฝ่ายค้านจะคิดทำอะไรเพื่อประชาชน นอกจากการเล่นการเมืองเพื่อหวังโค่นล้มรัฐบาล ยิ่งพรรคอนาคตใหม่ ยิ่งไม่เห็นจะทำอะไรเพื่อประชาชน นอกจากจมปลักอยู่กับอดีต คิดแค่คำว่าสืบทอดอำนาจ หรือประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่เราผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว” นายธนกรกล่าว
ถกจุดยืนฝ่ายค้าน
ด้านพรรคฝ่ายค้านนั้น นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงเสียง ส.ส.ฝ่ายค้านไปแสดงตัวเป็นองค์ประชุมทั้งที่พรรคฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ ว่ารัฐบาลลงทุนลงแรงทุกวิธีการสูงมาก ถือว่าไม่ผิดคาด เพราะเราเชื่อว่าถ้ารัฐบาลทำทุกวิถีทางก็คงต้องออกมาเป็นเช่นนี้ ในส่วนของวิปฝ่ายค้านหลังจากนี้ คงประชุมเปิดอกคุยกันว่าใครจะยังคงจุดยืนและทำงานร่วมกันต่อ หรือใครจะประสงค์ทำงานการเมืองในแนวทางอื่น ซึ่งเราไม่มีการบังคับกัน
“ส.ส.พรรคที่แสดงตัวเป็นองค์ประชุม 3 คนนั้น นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. เราไม่แปลกใจ เพราะเข้าใจและทราบมาก่อนว่าเขามีบุญคุณต่อกันเรื่องคดีก่อนหน้านี้ ส่วนที่เหลืออีก 2 คนถือว่าผิดคาด เราจึงยังต้องรอฟังเหตุผลของเขาก่อน” นายสุทินกล่าว
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้จักนายพลภูมิและครอบครัวมานาน ตั้งแต่นายพลภูมิ เริ่มเข้าการเมืองมาเป็นผู้ช่วย ส.ส.ของตนเอง เขาเป็นคนมีเหตุผล ไม่เคยสนใจเรื่องผลประโยชน์เงินทอง ดังนั้นการจะบอกว่าช่วยรัฐบาลเพราะผลประโยชน์ทางเงินตัดทิ้งไปได้เลย สาเหตุคงมาจากเรื่องอื่น
น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก ส.ส.หลายคนของพรรคที่ถูกทาบทามจากบุคคลสำคัญของรัฐบาลที่เสนอผลประโยชน์บางอย่างเพื่อให้สนับสนุนแก้ไขข้อขัดข้องที่รัฐบาลมีอยู่ อีกทั้งยังได้ยินข่าวปล่อยว่าหากสภาล้มในครั้งนี้อาจมีการยุบสภา ซึ่งเห็นภาพการต่อรองกดดันข่มขู่เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสนอกล้วยเพื่อจูงใจให้กับ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ย่อมไม่ใช่การปฏิรูปการเมืองให้ดีขึ้นอย่างที่กล่าวอ้าง แต่เป็นการนำการเมืองไทยถอยหลังไปเหมือนปี 2518
เมื่อถามว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทย 3 เสียงที่แสดงตัวเป็นองค์ประชุม น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องสำคัญที่พรรคจะปล่อยปละละเลยให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้ พรรคต้องกำหนดมาตรการดำเนินการกับบุคคลที่สวนมติพรรค แต่จะเปิดโอกาสให้ได้ชี้แจงกับพรรคเสียก่อน ส่วนจะมีมาตรการอย่างไร เมื่อได้ข้อยุติจะรายงานผ่านสื่อให้ประชาชนทราบ เพราะคนที่สนับสนุนพรรคขณะนี้รู้สึกผิดหวังกับการกระทำของสมาชิกที่สวนมติพรรคครั้งนี้อย่างมาก
ส่วน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกและกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวกรณี ส.ส.พรรคไม่ได้วอล์กเอาต์ ว่าเป็นคนหน้าเดิม ซึ่งที่ผ่านมาพรรคได้มีมาตรการดำเนินการกับบุคคลที่มีพฤติกรรมที่คณะกรรมการวินัยพรรคเห็นว่าขัดต่อวินัยพรรค ซึ่งแต่ละคนได้รับบทลงโทษต่างกรรมต่างวาระกันไป โดยรวมคือการคว่ำบาตร แช่แข็งไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ของพรรคเป็นระยะเวลาแตกต่างกันไป แต่เมื่อมีพฤติกรรมเกิดขึ้นซ้ำต่อเนื่อง ต้องคุยกันอีกครั้งในคณะกรรมการวินัย กรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.พรรค เพื่อหามาตรการลงโทษเพิ่มเติม เพราะครั้งนี้ถือเป็นความผิดครั้งใหม่
“แน่นอนหากเป็นบุคคลเดิมและทำผิดซ้ำ ต้องใช้มาตรการหนักขึ้น ซึ่งกรรมการวินัยจะพิจารณาและส่งเรื่องให้กรรมการบริหารพรรคดำเนินการ ซึ่ง ส.ส.ทั้ง 2 คนที่ไม่ทำตามมติพรรค ขณะนี้ยังไม่ได้เข้ามาชี้แจงต่อผู้บริหารพรรคอย่างเป็นทางการ ซึ่งกรรมการวินัยจะเรียกให้ ส.ส.ทั้ง 2 คนเข้ามาชี้แจงต่อไป” น.ส.พรรณิการ์ระบุ
ย้อนหาก พปชร.ทำบ้าง
เมื่อถามถึงกรณีนายสนธิรัตน์ระบุว่าไม่อยากให้โฟกัสเรื่องงูเห่า เพราะ ส.ส.แต่ละคนมีความคิดเป็นของตัวเอง และคำนึงถึงสถานการณ์และทิศทางทางการเมือง น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของกฎหมาย โดย ส.ส.ทุกคนมีเอกสิทธิ์โหวตก็จริง แต่หากบอกว่าทุกคนมีสิทธิ์ในการโหวต และทุกคนพูดแบบนั้น ถามว่าเราจะมีพรรคการเมืองทำไม ทำไมไม่ให้ทุกคนสมัครเลือกตั้งตามอิสระ แต่เพราะพรรคการเมืองเป็นที่รวมของกลุ่มคนที่มีความคิดความเชื่อตรงกัน จึงเป็นเหตุผลที่ ส.ส.ต้องทำตามมติพรรค
“ถามกลับพรรค พปชร. หากมี ส.ส.บอกว่ามีเอกสิทธิ์ในการโหวต เพราะอยากเห็นบ้านเมือง ประเทศชาติเดินหน้าและประชาชนดีกว่า แล้ว ส.ส.โหวตสวนมติพรรค นายสนธิรัตน์และแกนนำพรรค พปชร.ยอมรับได้ใช่หรือไม่ว่าจะอยู่ในบรรทัดฐานเช่นนั้น” น.ส.พรรณิการ์กล่าว
พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค อนค. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า พูดถึงงูเห่า คราวก่อนบรรยายความจำเป็นเสียเลิศหรู อลังการ คราวนี้จิตใต้สำนึกล้วนๆ ครับ ป.ล.ด่าใครไม่เป็นครับ ใครช่วยสงเคราะห์หน่อย
ขณะที่นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พรรค อนค. ซึ่งแสดงตนในการนับองค์ประชุมในสภากล่าวว่า อยากให้สภาเดินหน้าไปได้ ครั้งที่หนึ่งก็วอล์กเอาต์ ครั้งที่สองก็วอล์กเอาต์ และจะวอล์กเอาต์กันสักกี่ที 5 ปีที่ผ่านมาเราไม่มีสภา เราไม่มีผู้แทนฯ เราก็เรียกร้องกัน แต่พอมีสภาแล้วก็วอล์กเอาต์ล่มแล้วล่มอีกอย่างนี้ แต่ตนเองอยากให้สภาดำเนินกิจการไปได้ ทะเลาะกันแบบนี้ ประชาชนก็เลยเบื่อนักการเมือง จึงตัดสินใจอยู่ร่วมในองค์ประชุม
“ผมยืนขึ้นด้วยความมั่นใจเลยว่าผมจะอยู่และงดออกเสียง ไม่อยากให้ประชาชนที่เขาเลือกเราเข้ามาเห็นว่านักการเมืองเอาแต่ทะเลาะกัน ไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน จะเอาแต่ชนะคะคานกัน ผมไม่ชอบ ทุกสิ่งทุกอย่างเราต้องแก้ไขกันในสภา” นายจารึกกล่าว และตอบคำถามที่มองว่าเป็นงูเห่าว่า "ช่างมันเถอะ ไม่เป็นไร"
พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า สาเหตุที่โหวตเป็นองค์ประชุมร่วมกับ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล เพราะต้องการให้สภาเดินหน้าทำงานต่อไปได้ และมีความรู้สึกเกรงใจประชาชนเป็นอย่างมาก
"ผมไม่เห็นด้วยกับการวอล์กเอาต์ การจะแพ้หรือชนะก็ต้องยอมรับกันตามกระบวนการของสภา การทำงานในสภาก็ต้องยึดหลักของสภา ให้ทุกอย่างจบที่สภา" พ.ต.ท.ฐนภัทรกล่าว
เศรษฐกิจใหม่ยันเป็นมติพรรค
นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ กล่าวถึงกรณี 4 ส.ส.พรรคแสดงตนเป็นองค์ประชุม ว่าไม่ใช่งูเห่า แต่เป็นการทำตามมติพรรคที่ได้แจ้งให้ที่ประชุมวิปฝ่ายค้านทราบแล้วว่าไม่เห็นด้วย หากยังไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมสภาในครั้งที่ 3 ต่อไปอีก ที่ผ่านมาการไม่ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุม 2 ครั้งถือว่ามากพอแล้ว จึงควรให้สภาเดินหน้าต่อไปได้เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ พรรคเศรษฐกิจใหม่ได้มีมติพรรคไปแล้วว่าให้เข้าร่วมประชุมในการโหวตเรื่องนี้ ควรโหวตกันอย่างแฟร์ๆ ไม่ใช่เล่นเกมกันไปมาให้สภาล่ม
“นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ และนายนิยม วิวรรธนดิฐกุล ที่ไม่ได้ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุมนั้น เนื่องจากไม่ได้มาประชุม ยืนยันว่าพวกเราไม่ใช่งูเห่า ไม่เคยรับกล้วย 8 หลัก ไม่เคยได้รับเงินทั้งจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเลย” นายมนูญกล่าว
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ โพสต์เฟซบุ๊กว่า การออกเสียงถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญก็จริง แต่ต้องรักษาไว้ซึ่งอุดมการณ์และนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชน ซึ่งรัฐธรรมนูญให้การคุ้มครอง ส.ส.ที่มากเกินจนตัดอำนาจการตรวจสอบและถ่วงดุลจากประชาชนและพรรคการเมือง ซึ่งประเด็นที่เกิดขึ้นครั้งนี้ หัวหน้าพรรคควรนำเป็นวาระประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อร่วมกันพิจารณา และตรวจสอบข้อเท็จจริงในการประชุมประจำสัปดาห์ครั้งต่อไปด้วยแล้ว
นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ส.ส.ปชป.ที่โหวตสนับสนุนให้ตั้ง กมธ.มาตรา 44 ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า ยืนยันว่ากฎหมายต้องได้รับการตรวจสอบโดย ส.ส. ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่ด้วยเหตุผลทางการเมืองหรือเหตุผลอื่น แต่เป็นการยืนยันว่ากฎหมายที่มีผลกระทบต่อประชาชนต้องได้รับการตรวจสอบอย่างรอบคอบโดยผู้แทนของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง นี่เป็นอุดมการณ์ทางการเมือง
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานคณะกรรมการบริหาร และเลขาธิการคณะกรรมการอำนวยการภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย กล่าวว่า เมื่อเสียงข้างมากไม่ทำหน้าที่ และไม่ใช้เวทีของรัฐสภาในการศึกษาและเยียวยาผลกระทบอันเกิดจากประกาศและคำสั่งตามมาตรา 44 ภาคีฯ จะร่วมกับองค์กรประชาธิปไตยและองค์กรภาคประชาชนต่างๆ หารือเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการศึกษาผลกระทบจากมาตรา 44 และรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อเสนอเป็นกฎหมายเยียวยาผลกระทบจากมาตรา 44 และสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งลบล้างผลพวงของการรัฐประหารต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |