"บิ๊กตู่" โวยบิดเบือนโกงหนักยุค คสช. ชี้ปัญหาซุกใต้พรมที่เพิ่งโผล่ ยันไม่พบระดับนโยบาย ป.ป.ท.ลุยสอบนิคมฯ ขอนแก่น เจอทุจริต 11 ล้าน แฉ จนท.ข่มขู่ชาวบ้านให้บอกรับเงินครบ จ่อสรุปงาบเงินคนจนล็อตแรก 37 จังหวัดสิ้นเดือนนี้ แย้มมีหลักฐานเอาผิดบิ๊ก ขรก. ส่ง ป.ป.ช.รับไม้ต่อ
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ว่ากรณีการร้องเรียนเรื่องการทุจริตที่มีความถี่มากขึ้น และหลากหลายประเด็นในสังคมทุกวันนี้นั้น อาจถูกบิดเบือนว่ามีการกระทำทุจริตมากขึ้น ภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนี้ และ คสช. จึงอยากให้ตรึกตรองดูให้ดี ให้ใช้ใจมอง ใช้ปัญญากลั่นกรอง จะเห็นมุมสว่างของปัญหานี้ เป็นแง่ดีในสังคมไทยปัจจุบันอย่างที่ตนเห็นหลายประการ
ตัวอย่างเช่น จะเห็นความจริงว่าปัญหาทุจริตนั้นมีอยู่ทุกระดับในสังคม ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพียงแต่ปัญหาเหล่านั้นเคยเป็นปัญหาอยู่ใต้พรม แล้วถูกเปิดเผยสู่สังคมด้วยบทบาทของสื่อโซเชียลฯ บางอย่างกำลังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนการสืบสวน ซึ่งต้องใช้เวลา แต่ไม่เป็นไร เพราะบทบาทที่สร้างสรรค์ของโซเชียลฯ นี้ จะเป็นการทำหน้าที่ที่ควรส่งเสริม ทำให้เกิดความรวดเร็วขึ้น หากแต่จะต้องมีความรับผิดชอบในการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารก่อนนำเข้าสู่ระบบเครือข่าย
ประเด็นต่อไปคือ เรื่องระบบรับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาลนี้ ได้มีการเปิดกว้างและเข้าถึงง่ายกว่าที่ผ่านๆ มา หลายคนบอกว่ารัฐบาลนี้ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น ซึ่งตนได้เปิดช่องทางหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น “สายด่วน 1111” หรือ “สายด่วน 1567 ศูนย์ดำรงธรรม” หรือ คสช. มีช่องทางทั้งหมด ต้องดูสมัยก่อนๆ นี้มีหรือไม่ ร้องเรียนที่ไหนได้บ้าง ได้มีการแก้ไขปัญหาบ้างหรือไม่ เพราะวันนี้แม้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มาจากต่างจังหวัด สามารถกรอกข้อความเพื่อจะร้องเรียน และเมื่อมีหลักฐานนำไปสู่กระบวนการตรวจสอบในที่สุด นอกจากนี้ ยังสะท้อนได้จากสถิติ 3 ปีที่ผ่านมา มีการขอให้รัฐช่วยดำเนินการมากกว่า 3 ล้านเรื่อง และสามารถดำเนินการไปแล้วได้ข้อยุติร้อยละ 98
"รัฐบาลนี้เข้าไปดูทุกเรื่องนะครับ ไม่ว่าจะปัญหาน้อยใหญ่ ย่อมถึงมือผู้รับผิดชอบทั้งสิ้น ปัญหาในเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นความเดือดร้อนหรือการทุจริต ถ้าไม่มีช่องทางที่ผมกล่าวมา พี่น้องก็ต้องหันไปพึ่งผู้มีอิทธิพลบ้าง นักการเมืองไม่ดีบ้างนะครับ ก็จะกลายเป็นหนี้บุญคุณ ส่งผลต่อการเลือกตั้ง เพราะนิสัยคนไทยคือเกรงใจคน และรู้จักบุญคุณคน อันนี้ก็ขอให้แยกให้ออกนะครับ ผมไม่ว่าถ้าจะมีความกตัญญูรู้คุณ แต่ต้องในทางที่ถูกต้อง แล้วก็รู้จักบุญคุณของประเทศชาติ รู้บุญคุณของแผ่นดินนะครับ สำคัญกว่า" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
ไม่พบทุจริตระดับนโยบาย
อีกเรื่องหนึ่งคือ เมื่อเปรียบเทียบเรื่องการทุจริตแล้ว ไม่ปรากฏการทุจริตในระดับนโยบายที่ส่งผลกระทบที่รุนแรงและกว้างขวาง หลายเรื่องศาลตัดสินแล้ว บางส่วนยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ต้องให้ความเป็นธรรม หาหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล วัตถุพยาน แต่ทุกเรื่องที่มีมูลความผิดจริง รัฐบาลนี้ผลักดันเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งหมด
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า สมาคมขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 หรือใช้ยาแรงเพื่อสั่งระงับหรือพักการปฏิบัติหน้าที่ และงดรับค่าตอบแทนรายเดือนกลุ่มข้าราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ที่มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีเข้าข่ายทุจริตการเบิกจ่ายเงินคนจนกว่า 97 ล้านบาท เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันกับการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ที่มีคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่และงดรับค่าตอบแทนของข้าราชการจำนวนมาก ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ผู้บริหาร สมาชิกสภาท้องถิ่น และพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยมีคำสั่งหลายครั้ง ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อเดือน พ.ค.2557
"เรื่องนี้จะเป็นการพิสูจน์ว่านายกฯ เอาจริงกับการทุจริตอย่างเด็ดขาดหรือไม่ นอกจากนี้ที่ผ่านมาหลายเดือนนายกฯ ไม่ได้ใช้มาตรา 44 สั่งแขวนข้าราชการหลายกระทรวงที่มีปัญหาการทุจริตสวนทางกับนโยบายสำคัญที่ประกาศไว้ ซึ่งอาจมีการประเมินว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจมีความตั้งใจจะเข้าสู่การเมืองในอนาคต ดังนั้นจึงไม่สร้างประเด็นเพิ่มเพื่อให้มีผลกระทบในวงกว้าง เพราะการเข้าสู่เส้นทางการเมือง ส่วนหนึ่งจะต้องได้รับการช่วยเหลือและสนับสนุนจากกลไกการขับเคลื่อนจากกลุ่มข้าราชการประจำ" นายศรีสุวรรณระบุ
ที่ศูนย์การเรียนรู้ บ.หนองแวงใหญ่ ม.13 ต.นาคำ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนและคณะอนุกรรมการไต่สวน จากสำนักงาน ป.ป.ท.เขต 4 ลงพื้นที่สอบปากคำประชาชนที่ปรากฏตามรายชื่อในบัญชีเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ของนิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์ ประจำปีงบประมาณ 2560 โดยมีประชาชนมาร่วมให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่กว่า 100 คน มีนายณัฐภัทร พลอยสุภา นายอำเภออุบลรัตน์ และนายสาคร เปรี้ยวดี กำนัน ต.นาคำ ร่วมอำนวยความสะดวกและจัดลำดับการให้ปากคำของชาวบ้านให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พ.ท.กรทิพย์กล่าวว่า นิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์แห่งนี้ รับผิดชอบพื้นที่ครอบคลุม 3 อำเภอ มีครัวเรือนที่อยู่ในความรับผิดชอบ 28,962 ครัวเรือน ประชากรรวม 104,831 คน ในปีที่ผ่านมาได้มีการเบิกจ่ายเงินตามโครงการดังกล่าวรวม 11,700,000 บาท โดยมีบัญชีเบิก-จ่ายแน่ชัดรวม 65 ฎีกา และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่แรกที่ บ.หนองแวงใหญ่ ชาวบ้านออกมายืนยันและให้ข้อมูลในพฤติกรรมการกระทำความผิดและส่อทุจริตชัดเจน ทั้งการมีรายชื่อปรากฏแต่ไม่ได้รับเงินสงเคราะห์ ขณะที่บางคนได้รับเงินสงเคราะห์แต่ไม่เต็มจำนวน และบางรายมีรายชื่อไปปรากฏรายการเบิก-จ่ายของนิคมสร้างตนเองแห่งนี้ถึง 4 ครั้ง ซึ่งตามระเบียบ พม.นั้น เงินตามโครงการดังกล่าวนี้จะต้องจ่ายให้กับผู้ที่เข้าหลักเกณฑ์ปีละไม่เกิน 3 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 3,000 บาท
“พฤติกรรมของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของนิคมฯแห่งนี้ ไม่แตกต่างจากการกระทำความผิดของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง โดยพบว่าในเดือน พ.ย.2559 มีการเบิก-จ่ายเงินกว่า 3 ล้านบาท แต่ในเดือน ก.ค.2560 เบิกจ่ายเงินเพียง 6,000 บาท และก่อนที่จะมีการลงพื้นที่พบปะกับชาวบ้านเพื่อสอบปากคำชาวบ้านในครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ของนิคมฯ มาพบกับชาวบ้านเพื่อข่มขู่ให้ชาวบ้านให้ปากคำกับ ป.ป.ท. ว่ามีการรับเงินครบทุกคน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวนี้ ป.ป.ท.ได้รวบรวมข้อมูลและประสานงานร่วมกับทางจังหวัด อำเภอ และฝ่ายปกครอง ในการตรวจสอบพฤติกรรมและการกระทำดังกล่าว ซึ่งมีความผิดเพิ่มเติมอีกด้วย” เลขาธิการ ป.ป.ท. ระบุ
สิ้นเดือนชงบอร์ดฟันบิ๊ก ขรก.
พ.ท.กรทิพย์กล่าวว่า จะสรุปสำนวนการทุจริตนิคมสร้างตนเอง 3 แห่ง ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.ขอนแก่นและอุดรธานี ภายใน 1 สัปดาห์ ก่อนเสนอต่อคณะกรรมการป.ป.ท. ขณะที่ภายใน 31 มี.ค.นี้ ป.ป.ท.จะสามารถสรุปสำนวนและมูลความผิดของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งทั่วประเทศชุดแรก 37 จังหวัด 37 ศูนย์ฯ และทั้งหมดคือ 74 ศูนย์ฯ จะต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 พ.ค. นอกจากการตรวจสอบเรื่องการกระทำความผิดแล้ว ยังมีการประสานงานร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งขณะนี้ข้อมูลและหลักฐานหลายอย่างชัดเจนแล้วว่าการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ป่วยโรคเอดส์และคนไร้ที่พึ่ง ทั้งในส่วนของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งและนิคมสร้างตนเองมีขบวนการเงินทอนชัดเจน โดยขอเวลา 2 สัปดาห์ จะสรุปสำนวนส่งให้กับคณะกรรมการ ป.ป.ท.ชี้มูลความผิดเพื่อเอาผิดกับข้าราชการระดับสูงที่เกี่ยวข้องได้
“หากผลการสอบสวนเชื่อมโยงไปถึงข้าราชการระดับสูงรายใด และระดับใด ป.ป.ท.จะชี้มูลความผิดและส่งเรื่องให้กับอัยการดำเนินคดีทันที ซึ่งอำนาจของ ป.ป.ท.นั้น สามารถดำเนินการไต่สวนเอาผิดข้าราชการในระดับ 8 ลงมา ซึ่งหากอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ท.จะดำเนินการทันที และหากผู้กระทำความผิดที่มีขอบเขตหน้าที่ในระดับ 8 ขึ้นไป จะมีการส่งเรื่องให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทันที ซึ่งขณะนี้ได้มีการประสานการทำงานร่วมกันไว้แล้วทั้งหมด รวมทั้งนายกฯ เน้นย้ำการทำงานให้รัดกุม รอบคอบ และเดินหน้าสืบสวนสอบสวนเอาผิดกับผู้กระทำความผิดในเรื่องที่เกิดขึ้นให้หมดทุกคน” พ.ท.กรทิพย์กล่าว
นายสาคร เปรี้ยวดี กำนันตำบลนาคำ กล่าวว่า มีชาวบ้านในพื้นที่ได้รับเงินสงเคราะห์จากทางนิคมฯ เพียง 3 คนเท่านั้น ซึ่งประมาณสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะไปตัดอ้อยในไร่ มีเจ้าหน้าที่จากนิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์ไปพบ พร้อมกับบอกว่าจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเรื่องรับเงินสงเคราะห์ ให้พ่อกำนันไปบอกชาวบ้านว่าได้รับเงินครบทุกคน จึงตอบเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไปว่าจะพูดตามความจริงทุกอย่าง
จากนั้น ในช่วงบ่าย พ.ท.กรทิพย์และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ลงพื้นที่สอบปากคำชาวบ้านในพื้นที่ บ.ขุนด่าน รวมกว่า 50 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มอาชีพเลี้ยงปลาหมอเทศ ซึ่งพบปัญหาชาวบ้านได้รับเงินไม่ครบเช่นกัน
ที่ จ.นครราชสีมา นายพิสิทธิ์ สกาญจนชัย ผู้อำนวยการ ป.ป.ท. เขต 3 เปิดเผยถึงการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณอุดหนุนสงเคราะห์ช่วยเหลือครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่งในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่างว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างกำลังรวบรวมสรุปเรื่อง โดยป.ป.ท.เขต 3 ได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบ 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ และนครราชสีมา และพบความผิดปกติทั้งกรณีที่ไม่ได้รับเงิน และกรณีรับเงินไม่ครบ และคนที่ขาดคุณสมบัติ ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลเพื่อรายงานให้ ป.ป.ท.ส่วนกลางทราบและตั้งอนุกรรมการไต่สวนหาผู้เกี่ยวข้องกับทุจริตต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |