เชื่อว่าสายตาคอการเมืองจับจ้องไปที่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 1 ครั้งที่ 10 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ในญัตติด่วน เรื่อง ให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ซึ่งหลังจากกระทู้ถามสดว่าด้วยการฝึกอาชีพของทหารเกณฑ์, ลิงที่ลพบุรี, โรงงานน้ำตาลราชบุรี และหนองหาร สกลนครก็เข้าสู่วาระหลัก ...๐

งานนี้ก็มี “สุชาติ ตันเจริญ” รองประธานสภามาทำหน้าที่กุมบังเหียน ซึ่งก่อนเข้าสู่วาระก็เรียกว่าย้อนภาพการประชุมเมื่อวันพุธที่ 27 พ.ย.ที่มา ถกเถียงเรื่องการ “ลงคะแนนใหม่” และ “นับคะแนนใหม่” ตามข้อบังคับที่ 85 ที่ใช้มาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ ซึ่งหลังปรึกษาหารือที่เริ่มดุเดือดจะกลายเป็นเวทีสวนหมัดของ 2 ฝ่ายแล้ว ”ทั่นประธานสุชาติ” ก็ได้ให้นับองค์ประชุมก่อนโหวตเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง แล้วก็ได้เสียงเฮ และปรบมือ เพราะ สภาไม่ได้ล่มรอบ 3 เนื่องจากมีเสียงองค์ประชุมถึง 259 เสียง มากกว่าจำนวน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่ตัดบรรดาขาเจ็บขาป่วยและติดภารกิจต่างประเทศถึง 10 เสียง ...๐

สงสัยงานมีตติ้งว่าด้วยการ “แจกกล้วย” เมื่อค่ำคืนวันอังคารที่สโมสรราชพฤกษ์ มนตร์เป่าหัวของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ และ รมว.กลาโหมฉมังหนัก เพราะในช่วงเช้า ทั้ง “ตี๋เต้” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ และ “พิเชษฐ สถิรชวาล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ถึงกับออกมาร่ำๆ ว่าจะปิดฉาก “ฝ่ายค้านอิสระ” เสียแล้ว ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่ประการใด เรื่องนี้ต้องบอก “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่” มาตั้งแต่ลิเกเริ่มออกแขกแล้ว ...๐

แล้วก็เชื่อว่าผลพวงขององค์ประชุมในครั้งนี้ รวมถึงการโหวตตั้ง กมธ.วิสามัญฯ ที่กลายเป็นอดีตไปแล้ว ด้วยเสียงเห็นด้วย 5 เสียง ไม่เห็นด้วย 244 เสียง และงดออกเสียง 6 เสียง ซึ่งพลิกจากมติเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ฝ่ายค้านชนะไป 234 เสียง และไม่เห็นด้วย 230 เสียงนั้น น่าจะมี “การบ้าน” ให้กับทั้ง “ฝ่ายค้าน” และ “รัฐบาล” อย่างยิ่ง โดยเฉพาะในซีกฝ่ายค้านที่มี “งูเห่า” ถึง 10 ตัวเพ่นพ่าน ที่สำคัญเป็นการกระจายตัวใน 7 ฝ่ายค้ายถึง 4 พรรคเลยทีเดียว ทั้ง “พรรคเพื่อไทย” 3 คน, พรรคอนาคตใหม่ 2 คน, พรรคเศรษฐกิจใหม่ 4 คน และพรรคประชาชาติ 1 คน ...๐

ในส่วนของการลงมติโหวตเองก็มีเรื่องให้รัฐบาลต้องกลับไปส่องพฤติกรรมของ “ทั่นผู้ทรงเกียรติ” ที่แหกมติวิปรัฐบาล โดยเฉพาะในซีกของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่ง กรณีของ “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” ในฐานะผู้เสนอญัตตินั้นก็ยังพอเจรจาต้าอ่วยได้ แต่อีก 3 เสียงที่ทำตัวเป็น “ฮีโร่ฝ่ายค้าน” นั้น ก็ เชื่อว่า “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รมว.เกษตรฯ ในฐานะเลขาธิการพรรค ปชป. คงต้องมีมาตรการอะไรออกมาบ้าง เพราะหัวหน้าพรรคอย่าง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์”  รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ได้โยนภาระมาให้แล้ว เพราะหากไม่ดำเนินการอย่างไรเลย ก็เชื่อว่า “พรรคพลังประชารัฐ” คงต้องกินแหนงแคลงใจแน่นอน เพราะมันเหมือนมี “หอกข้างแคร่” คอยทิ่มตำการทำงาน ...๐

วกกลับมาส่องเรื่อง “ที่ดิน” ฟาร์มไก่ของ “ปารีณา ไกรคุปต์” ส.ส.ราชบุรีกันบ้าง ทั้งที่เรื่องดังกล่าว “น้องเอ๋” เป็นผู้จุดประเด็นจากกรณีที่ดินของ “นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ” มารดานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) แท้ๆ แต่กลับกลายเป็นการขว้างงูไม่พ้นคอให้กลับมาเข้าตัวเอง เพราะล่าสุดที่ดินของ “นางสมพร” กลายเป็นเรื่องหายไปกับสายลม ในขณะ ที่ดินฟาร์มไก่ของ “ปารีณา” กลับกลายเป็นเรื่อง “ฮอต” และลามปามไปจนถึงบิดา “ทวี ไกรคุปต์” แม้ล่าสุดกรมป่าไม้จะแจ้งความเอาผิดกับ “ปารีณา” คนเดียวก็ตามที ...๐

นอกจากนั้นยังทำให้ “ศรีสุวรรณ จรรยา” นักร้องแห่งยุคมิลเลเนียมได้มีงานทำอีกต่างหาก เพราะล่าสุดได้ไปยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ไต่สวนเอาผิด “ส.ส.” 13 คน จาก 6 พรรคการเมือง ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลในการถือที่ดินประเภท ภ.บ.ท.5 และหรือ ส.ป.ก.จำนวนมาก เรียกว่าตัวละครเรื่องนี้มีเพิ่มขึ้นเป็นพะเรอเกวียนทีเดียว ทั้งที่ในช่วงต้นมีแค่เรื่องผู้หญิงกันเท่านั้น ...๐

...ท.ศักดิ์