4 ธ.ค. 62 – พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอข่าว อ้างเป็นตำรวจขับรถเบนซ์ป้ายแดงชนผู้หญิง และกล่าวหาว่าโดดใส่รถเพื่อหวังทรัพย์ ในพื้นที่ สภ.เสม็ด จ.ชลบุรี ว่า ได้รับรายงานจาก สภ.เสม็ด เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 62 ได้รับแจ้งว่ามีเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างได้รับความเสียหาย บริเวณซอยโรงเรียนบูรพาฝั่งมุ่งหน้าหมู่บ้านกระโดน หมู่ที่ 1 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยมีผู้โดยสารรถจักรยานยนต์พ่วงข้างได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จากการตรวจสอบพบว่ามีคู่กรณีฝ่ายที่หนึ่ง รถจักรยานยนต์พ่วงข้างยี่ห้อฮอนด้าสีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 1กง-7229 จว.ตาก พบผู้โดยสารทราบชื่อ นางสุภาพ มูลหลวง ได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่จึงประสานนำตัวส่งโรงพยาบาล คู่กรณีฝ่ายที่สอง รถยนต์เก๋งยี่ห้อ เบนซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ส-6420 กทม. ผู้ขับขี่คือนายสมชาติ นิพัทธ์วรนันท์
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ นางสุภาพนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างคันเกิดเหตุ ทันใดนั้นได้มีคู่กรณี คือนายสมชาติขับรถยนต์เก๋งตามหลังมาได้พยายามขับแซงขึ้นด้านหน้า จึงได้เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างได้รับความเสียหาย นางสุภาพ ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
พนักงานสอบสวน จึงได้ถ่ายภาพสถานที่เกิดเหตุ ทำแผนที่เกิดเหตุ นำรถคู่กรณีที่เกิดเหตุไปเก็บรักษาและได้ทำการเรียกผู้ขับขี่ดังกล่าวมาลงบันทึกประจำวัน และดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ต่อมาได้มีสื่อสังคมออนไลน์นำเสนอข่าวพร้อมคลิปในบางช่วงว่า มีชายเสื้อขาวที่อ้างตัวเป็นตำรวจอยู่ในลักษณะมึนเมาได้มีการโวยวาย และได้ตบศีรษะเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยนั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบชายดังกล่าวพบว่าเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจจริง โดยขณะเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวได้นั่งมากับนายสมชาติ ด้วย ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวน ได้มีการประสานไปยังเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยรายดังกล่าว เพื่อมาสอบปากคำ และสืบหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยจะทำการประสานทั้งนายสมชาติ ผู้ขับขี่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าว มาเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม โดยหากตรวจพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวกระทำผิดจริง ก็จะดำเนินการทางอาญา และมีการรายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมไปยังต้นสังกัด เพื่อให้ดำเนินการในทางวินัยต่อไป
รองโฆษก ตร. กล่าวว่า คงต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง หากตรวจแล้วพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่ปรากฏในข่าวจริง และมีการกระทำความผิด จะมีบทลงโทษทั้งทางวินัยและอาญาตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งก็คงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผิดก็ว่าไปตามผิดไม่มีการให้ความช่วยเหลือกันอยู่แล้ว ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการลงทัณฑ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กระทำในลักษณะนี้ทั้ง ไล่ออก ปลดออก ให้ออก หากความผิดปรากฏชัดเจน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศมาโดยตลอด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดี
ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง และข้อบังคับที่กำหนด อย่างเคร่งครัด ส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือปฏิบัติงานไม่สนองนโยบายของผู้บังคับบัญชา ก็จะไม่เข้าข้างอยู่แล้ว หากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด
อีกทั้ง ผบ.ตร. ได้มีข้อสั่งการไปยังกองบัญชาการทุกภาคส่วน ผู้บังคับการ ผู้กำกับ หัวหน้าหน่วยในทุกต้นสังกัดทุกพื้นที่ ให้มีการควบคุม ดูแลความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ทั้งเวลาราชการและนอกเวลาราชการ ตามคำสั่งที่ 1212/2537 ในการ กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติและพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความพฤตินอกรีต ไปเรียกรับเงินทอง เรียกรับผลประโยชน์อื่นใด หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ โดยให้ดำเนินการตรวจสอบกระทำด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งหากผลการตรวจสอบพบว่าได้กระทำผิดจริงให้ดำเนินทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |