4 ธ.ค. 2562 นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการออมระยะยาว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ประกอบด้วย การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการซื้อกองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund : SSF) ที่จะมาแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และการปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund: RMF) เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมระยะยาวมากขึ้น ซึ่งการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจะมุ่งเน้นให้กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงรายน้อย และผู้ที่เริ่มต้นวัยทำงานได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการจูงใจให้ประชาชนเริ่มต้นการออมระยะยาวโดยเร็ว
ทั้งนี้ ในส่วนสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการซื้อกองทุน SSF ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อการออมระยะยาว นั้นกำหนดให้บุคคลธรรมดาสามารถหักลดหย่อนภาษีเงินได้สำหรับเงินที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน SSF ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท โดยเมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ เช่น RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ, กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ หรือเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท ในแต่ละปีภาษี
โดยกองทุน SSF ลงทุนในหลักทรัพย์ได้ทุกประเภท และไม่กำหนดจำนวนขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน และไม่กำหนดเงื่อนไขในการซื้อต่อเนื่อง โดยผู้ซื้อกองทุน SSF สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้เมื่อถือมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ ส่วนเงินได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน SSF จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หากปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด
ทั้งนี้ สามารถหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนใน SSF ได้ 5 ปี (2563 - 2567) โดยกระทรวงการคลังจะประเมินผลของมาตรการเพื่อพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป
“ข้อเสนอของสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ให้เพิ่มวงเงินหักลดหย่อนเป็น 5 แสนบาท ต้องมองวัตถุประสงค์ว่า ตอนมี LTF ต้องการสนับสนุนตลาดทุน แต่สถานการณ์ตอนนี้มันเปลี่ยนไป เราต้องการกระตุ้นการออม ก็พิจารณาประเด็นที่เกี่ยว้ขอทั้งหมดและคำนึงถึงการใช้งบประมาณ พยายามให้สมดุลที่สุด แต่ก็ไม่ได้ให้ทุกอย่างเป๊ะตามที่ขอมา” นายอุตตม กล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีประชาชนสนใจลงทุน LTF ในปี 2561 รวม 4 แสนราย คิดเป็นวงเงินคืนภาษีรวม 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ RMF มีผู้ลงทุน 2 แสนราย เป็นวงเงินคืนภาษีรวม 6 พันล้านบาท โดยมั่นว่ากองทุน SSF จะมีระดับการลงทุนที่ใกล้เคียงกัน และมีเม็ดเงินเข้าตลาดในปี 2563 ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท
นายอุตตม กล่าวว่า ส่วนปรับปรุงหลักเกณฑ์การซื้อกองทุน RMF ได้ปรับสัดส่วนการหักลดหย่อนภาษี จากเดิมไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน เป็นไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน ดวงเงินหักลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท และยกเลิกการกำหนดจำนวนขั้นต่ำในการซื้อกองทุน RMF จากเดิมกำหนดให้ซื้อไม่น้อยกว่า 3% ของเงินได้พึงประเมิน หรือไม่น้อยกว่า 5,000 บาทต่อปี เพื่อให้ผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงน้อยสามารถซื้อกองทุน RMF ได้ โดยยังคงกำหนดให้ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี และไม่ระงับการซื้อเกิน 1 ปีติดต่อกัน รวมทั้งระยะเวลาการถือหน่วยลงทุนถึงอายุ 55 ปีเช่นเดิม
อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังมุ่งหวังให้ประชาชนทุกกลุ่มมีวินัยการออม เริ่มต้นออมระยะยาวตั้งแต่เข้าสู่วัยทำงาน และรู้จักวางแผนทางการเงิน เพื่อนำไปสู่ความมั่นคงทางรายได้ เมื่อพ้นวัยทำงาน ทั้งนี้ สำหรับการลงทุนในกองทุน LTF ซึ่งจะสิ้นสุดการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในปี 2562 นั้น นักลงทุนจะยังคงสามารถซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน LTF ได้ และแม้ว่าจะไม่ได้รับการลดหย่อนภาษี สำหรับเงินที่ซื้อหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นต้นไป แต่กระทรวงการคลังได้เสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ผู้ที่ถือหน่วยลงทุนได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุน LTF เช่นเดียวกับกองทุนรวมอื่น ๆ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |