วันพรุ่งนี้...ตรงกับวันที่ 5 ธันวาฯ ถือเป็น วันชาติ และ วันพ่อแห่งชาติ ไปในตัว เนื่องจากตรงกับวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หรือล้นเกล้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 อดีตพระมหากษัตริย์ผู้ทรงยิ่งใหญ่ เกรียงไกร ของบรรดาปวงชนชาวไทยทั้งหลายนั่นแล...
-------------------------------------------------
เนื่องในวาระดังกล่าว...สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ท่านจึงได้ทรงออกมาประทานพร ชี้แนะ ชี้นำ สิ่งที่เป็นพร เป็น คุณธรรม เอาไว้อีกข้อ ก่อนๆ นั้น...ท่านเคยย้ำแล้ว ย้ำอีก ในเรื่องของ ขันติธรรม หรือความอดทน อดกลั้น เป็นเรื่องหลัก แต่มาคราวนี้ สมเด็จพระสังฆราช ท่านทรงหันไปหยิบเอาเรื่องของ เมตตาธรรม หรือเรื่อง ความมีน้ำใจ ไมตรี ความหวังดีในกันและกัน อันเป็นคุณธรรมที่ช่วยอุปถัมภ์และผูกพันคนไทยให้รวมเป็นเอกภาพ มาประทานไว้แบบสดๆ ร้อนๆ...
----------------------------------------------------
ซึ่งเรื่องของความเมตตา หรือเมตตาธรรมนั้น อันที่จริงก็ออกจะใกล้ๆ กับขันติธรรมอยู่ตามสมควร คือถ้าหากขันติธรรมมันเกิดขาดๆ หายๆ หรือขันติกลายเป็น ขันแตก ขึ้นมาเมื่อไหร่ เปิดช่อง เปิดโอกาส ให้ความโกรธ ความเกลียด โผล่เข้ามาทางประตูเมตตาธรรม หรือความเมตตา ก็อาจต้องพรั่งพรูออกไปทางหน้าต่างเอาง่ายๆ สารเคมีอาจหลั่งไหลลงไปแถวๆ บริเวณหัวแม่ตีน หัวแม่เท้า เกิดอาการเปรี้ยวเท้า เปรี้ยวตีน ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ แต่สำหรับผู้ที่มีความเมตตาเป็นพื้นฐาน ชนิดเหนียวแน่น หนึบหนับ พอสมควร บางครั้ง บางครา ด้วยความเมตตาที่ว่านี่แหละ อาจเป็นตัวช่วยระงับ ยับยั้ง ช่วยถ่วง ช่วยรั้ง หรือช่วยให้เกิดความอดทน อดกลั้น เกิด ขันติธรรม ตามมาอย่างเป็นกระบวนการ...
-----------------------------------------------
ว่าไปแล้ว...ศาสนาที่ออกจะให้ความสำคัญกับคุณธรรมประเภทความรักหรือความเมตตาไว้มากๆ น่าจะเป็น ศาสนาคริสต์ นั่นแหละทั่น คือแม้ว่าโดยเนื้อหา สาระ หลักๆ ของแต่ละศาสนาอาจไม่ถึงกับผิดแผก แตกต่าง ไปจากกันและกันมากมายซักเท่าไหร่ แต่อาจด้วย บุคลิก หรือ คาแรกเตอร์ ของพระศาสดา อย่าง พระเยซูคริสต์ นั้น ท่านออกจะเอาจริง-เอาจังกับคุณธรรมที่ว่านี้เอามากๆ อย่างที่ท่านเคยสอนๆ เคยประทานพรแก่บรรดาพวกลูกศิษย์ สาวก เอาไว้ประมาณว่า...“อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน ก็จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย ถ้าผู้ใดอยากฟ้องศาล เพื่อจะปรับเอาเสื้อของท่านไป ก็จงให้เสื้อคลุมแก่เขาเสียด้วย...” หรือ “จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน...”
---------------------------------------------
นี่...หนักหนา สาหัส ถึงขั้นนั้น เรียกว่า...ถ้าลองมาเจอ มาประทานพร มาสั่งสอน เทศนาในแนวนี้ ให้กับชาวพุทธหรือชาวอะไรก็ไม่รู้ อย่างประเภท น้องเอ๋-ปารีณา คุณพี่สิระ คุณน้าเสรีพิศุทธ์ หรือ คุณช่อ-น้องช่อ ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ยังไม่รู้จะเอาอยู่-เอาไม่อยู่ กันหรือไม่ ประการใด ก็มิอาจทราบได้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...บรรดาชาวคริสต์ทั้งหลาย โดยเฉพาะรุ่นแรกๆ หรือรุ่นที่เป็นลูกศิษย์ ระดับ อัครสาวก ในแต่ละราย ท่านออกจะยึดมั่น ถือมั่น กับสิ่งเหล่านี้แบบจริงๆ-จังๆ อย่างเช่น อัครสาวก เปาโล ที่พร้อมจะยอมตายไปกับความรัก ความเมตตา ในแบบที่เรียกว่า Martyr หรือ มรณสักขี อะไรทำนองนั้น...
------------------------------------------------
และก็ท่าน เปาโล นี่แหละ...ที่ท่านได้พยายามอธิบายความหมายของคุณธรรม ที่เรียกว่า ความรัก หรือ ความเมตตา เอาไว้ซะหยดย้อย แถมย้ำนัก ย้ำหนา ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญซะยิ่งกว่าความเชื่อ ความศรัทธา หรือความหวังใดๆ ทั้งสิ้น ดังข้อความที่ท่านได้บรรยายไว้ใน จดหมายของท่านเปาโลซึ่งมีไปถึงคริสตจักรในเมืองโครินธ์ สรุปไว้ว่า...“ความรัก (เมตตา) นั้น คือความอดทนนาน คือการกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติชอบ ความรักทนได้นานแม้แต่ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ มีความหวังอยู่เสมอ...ฯลฯ”
----------------------------------------------
แต่เอาเป็นว่า...สำหรับชาวพุทธแบบไทยๆ ของเรา แม้อาจไม่ต้องถึงกับเอาจริง-เอาจังถึงขั้นนั้น แต่เมื่อโดนตบแก้มซ้าย เวลาจะออกแข้งขวาตอบโต้ ก็ลองพยายาม ถีบด้วยความเมตตา หรืออย่าถึงกับต้องใส่กันแบบสุดฤทธิ์ สุดหลอด หัดยั้งๆ เอาไว้มั่ง ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น รวมทั้งต่อสังคม ประเทศชาติ ศาสนา กันไปตามลำดับ โดยเฉพาะบรรดา ผู้ที่มีอำนาจ ยิ่งต้องหัดรัก หัดเมตตา ให้มากๆ เข้าไว้ เพราะอย่างที่สมเด็จพระสังฆราชท่านได้ทรงชี้แนะ ชี้นำ เอาไว้นั่นแหละว่า ด้วยความรัก-ความเมตตานี่เอง คือ คุณธรรมที่ช่วยอุปถัมภ์และผูกพันคนไทยให้รวมเป็นเอกภาพ มาโดยตลอด...
---------------------------------------------------
ดังนั้น...ก็ขอตั้งจิตอธิษฐาน ภาวนา ให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปสมดังที่ประทานพรเอาไว้ว่า “เนื่องในวันชาติไทย อาตมภาพขอเชิญชวนคนไทย เจริญเมตตาต่อกันด้วยความจริงใจ สนองพระบรมราชปณิธานในรัชกาลที่ 9 และในสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ผู้ทรงตั้งราชสัตยาธิษฐาน ในอันที่จะทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด พระบรมราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชบุพการีสืบมา ขอเราทั้งหลาย จงคิดแต่ในทางสร้างสรรค์ ที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลกัน เจรจากันด้วยเหตุผล และความเข้าอก-เข้าใจกัน พร้อมที่จะช่วยเหลือเกื้อกูล ให้สมดังพุทธภาษิตที่ว่า...โลโกปัตถัมภิกา เมตะตา เมตตาธรรมค้ำจุนโลก อันเป็นสัจวาจาดังนี้เถิด...”
-----------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Mother Teresa (อีกครั้ง)... “The fruit of silence is prayer. The fruit of prayer is faith. The fruit of faith is love. The fruit of love is service. ผลบุญของความสงบคือการสวดมนต์ไหว้พระ ผลบุญของการสวดมนต์ไหว้พระคือศรัทธา ผลบุญของศรัทธาคือความรัก-ความเมตตา ผลบุญของความรัก-ความเมตตา คือการบริการรับใช้ผู้อื่น...”
----------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |