อย่าดราม่า!! สรรพสามิตยืนยัน'ยาสูบ'ฐานะปึ้กมีเงินจ่ายพนักงาน


เพิ่มเพื่อน    

“สรรพสามิต” ชี้แจงกรณีโรงงานยาสูบขอกู้เงิน ไม่ใช่เอาไปจ่ายพนักงาน แต่กู้ไปเพื่อลงทุนโรงงานใหม่เท่านั้น หลังพบสภาพคล่องยังแกร่ง ไม่ได้วิกฤตเหมือนกระแสข่าว

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ได้มีตัวแทนสหภาพโรงงานยาสูบเดินทางมาที่กรมสรรพสามิตเพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2560 โดยได้มอบหมายให้ผู้บริหารของกรมฯ ไปรับเรื่องและชี้แจงทำความเข้าใจกับสหภาพโรงงานยาสูบ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ทางตัวแทนสหภาพโรงงานยาสูบมองว่าอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ ส่งผลกระทบกับยอดขายของโรงงานยาสูบ ทำให้มีผลการดำเนินงานขาดทุน กิจการจะอยู่ไม่ได้ และไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงาน ซึ่งทางกรมสรรพสามิตก็ได้ชี้แจงให้ทางตัวแทนเข้าใจได้ในระดับหนึ่ง และมีแผนที่จะเดินทางไปโรงงานยาสูบเพื่อชี้แจงให้พนักงานทุกคนได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริงใน 2-3 ประเด็น

สำหรับประเด็นเรื่องยอดขายบุหรี่ของโรงงานยาสูบลดลง ทำให้ขาดทุนนั้น ซึ่งเรื่องนี้ก่อนหน้านี้นายยุทธนา หยิมการุณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะกรรมการโรงงานยาสูบ ได้ออกมาเปิดเผยแล้วว่า ปี 2561 โรงงานยาสูบจะมีกำไร จากเดิมที่เคยประเมินไว้ว่าจะขาดทุน 1.5 พันล้านบาท

นายณัฐกร กล่าวอีกว่า โรงงานยาสูบเคยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ 70% หลังจากอัตราภาษีใหม่มีผลใช้บังคับ ทำให้ยอดส่วนแบ่งการตลาดของโรงงานยาสูบ 2 เดือนแรกลดลงเหลือ 60% แต่ปัจจุบันได้ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 67% แล้ว เนื่องจากโรงงานยาสูบได้มีการออกสินค้าใหม่ทำให้ยอดขายดีขึ้น

ขณะที่ประเด็นเรื่องโรงงานยาสูบขาดสภาพคล่องจนต้องกู้เงินมาจ่ายเงินเดือนพนักงาน ทางกรมสรรพสามิตได้สอบถามกับทางสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) แล้วว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องกู้เงิน เพราะโรงงานยาสูบมีรายได้ และรายรับมากกว่ารายจ่าย ยังมีสภาพคล่องเหลือเพียงพอจ่ายเงินเดือนพนักงาน

“ประเด็นเรื่องผลกระทบจากอัตราภาษีบุหรี่ใหม่ทำให้โรงงานยาสูบต้องกู้เงินมาจ่ายเงินเดือนพนักงานนั้น ไม่เป็นความจริง การกู้เงินดังกล่าวเป็นการกู้เพื่อมาลงทุนโรงงานแห่งใหม่ตามแผนที่ได้วางไว้” นายณัฐกร กล่าว

สำหรับการช่วยเหลือโรงงานยาสูบ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เพราะผู้ประกอบการต่างประเทศติดตามและเก็บข้อมูลอย่างละเอียด ดังนั้นหากดำเนินการไม่รอบคอบ อาจจะมีการฟ้ององค์การการค้าโลก (WTO) ว่าทำให้การแข่งขันไม่เป็นธรรม กรมสรรพสามิตจึงต้องระมัดระวังในการดำเนินการต่าง ๆ และเชื่อว่าโรงงานยาสูบจะสามารถปรับกลยุทธ์ทางการตลาดกลับมามียอดขายรายได้กำไรเหมือนกับที่ผ่านมาได้

นางสาวสุจิตรา เลาหวัฒนภิญโญ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี กรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ปัจจุบันส่วนแบ่งทางการตลาดของโรงงานยาสูบเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 67% จากเดิมที่ 60% แล้ว เนื่องจากการปรับแผนการผลิต หรือการหารายได้อื่น ๆ เพิ่มขึ้น เป็นต้น และในวันที่ 4 เม.ย. นี้ จะมีการเดินทางไปชี้แจงแนวทางการให้ความช่วยเหลือพนักงานโรงงานยาสูบเพิ่มเติม
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"