ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์


เพิ่มเพื่อน    

            ใกล้สิ้นปีแล้วครับ...

            สงครามโลกยังไม่เกิด ฝรั่ง ยังไม่ตีกับ แขก  

            หลังฉลองปีใหม่...ค่อยกลับมาไขว้กันใหม่

            แต่สงครามการเมือง มีทุกหย่อมหญ้า

            ดูอย่างกัมพูชา จะเลือกตั้งต้นปีหน้า วันนี้หาเสียงกันฉ่ำ

            สมเด็จฯ ฮุน เซน ประกาศ จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกอย่างน้อย ๑๐ ปี

            บวกลบคูณหารจากที่เป็นมาแล้ว ก็สรุปได้ว่า....    

            ฮุน เซนสายแข็ง ที่เป็นนายกฯ มาตั้งแต่ตอนอายุ ๓๓ วันนี้ปาเข้าไป ๖๖ ปีแล้ว

            เท่ากับว่า...จะอยู่ในตำแหน่งอย่างน้อย ๔๓ ปี

            ฮุน เซนเป็นมาตั้งแต่ยุคที่ "ป๋าเปรม" เป็นนายกรัฐมนตรีของไทย จนกระทั่ง "ป๋า" ประกาศวลีเด็ด  "ผมพอแล้ว" ไปร่วม ๓๐ ปี

            ฮุน เซนก็ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่

            นั่นคือเผด็จการประชาธิปไตยแบบกัมพูชา ไล่บี้พรรคฝ่ายค้านจนสิ้นซาก ที่เหลือคือแข่งกับสังขารตัวเอง

            การเมืองรัสเซีย ไม่ต่างกันเท่าไหร่ กกต.มีมติ ห้ามคู่แข่ง "ปูติน" ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี

            อ้างว่าเพราะต้องคำพิพากษาของศาลว่าได้กระทำความผิดฐานทุจริตคอร์รัปชันมาก่อน

            นายคนที่ว่านี้ชื่อว่า อเล็กเซ นาวาลนี

            เทรนด์เลือกผู้นำในยุโรปช่วงนี้ คนอายุน้อยเข้าวินกันเป็นแถว แล้วนายนาวาลนี อายุแค่ ๔๑ ปี "ปูติน" ถึงต้องหาทางเขี่ยให้พ้นทางไปก่อนที่จะมีมติมหาชนออกมา

            บทบาทที่ผ่านมาของ นาวาลนี นับว่าไม่เบา เป็นผู้นำรณรงค์ต่อต้านการคอร์รัปชัน และผู้นำการประท้วงต่อต้านนายปูติน

            ดันถูกดำเนินคดีข้อหายักยอกไม้จากรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง

            ศาลตัดสินเมื่อปี ๒๕๕๖ ว่ามีความผิดจริง

            แต่ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (ECHR) มีคำวินิจฉัยให้คำตัดสินของศาลรัสเซียเป็นโมฆะ

            ก็แค่ความพยายามของพวกยุโรปตะวันตก เอาเข้าจริงใครจะไปขวาง "ปูติน" อยู่ล่ะ

            เลือกตั้งมีนาคมปีหน้า....นอนมา

            จะเป็นผู้นำประเทศสมัยที่ ๔  

            อยู่ในตำแหน่งไปจนถึงปี ๒๕๖๗

            "ปูติน" จะเป็นผู้นำรัสเซียที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุด นับตั้งแต่ยุคของนายโจเซฟ สตาลิน

            นั่นคือสงครามการเมืองในต่างประเทศ

            ส่วนไทยเรายังไม่ถึงขั้นสงคราม แต่มีเรื่องการเมืองจู้จี้จุกจิก มาให้กวนใจกันอยู่เรื่อยๆ

            ไม่นับสงครามน้ำลาย ที่เริ่มพ่นกันนัวเนีย หัวเปียกกันไปทั่วหน้า

            วันนี้มวยชักจะเปลี่ยนคู่

            "ลุงตู่" ศิษย์ คสช. วางมวยกับ "พี่มาร์ค" ณ ปชป.

            เมื่อหลักการไม่ตรงกัน ก็ต้องหากรรมการมาช่วย

            ประเด็น ม.๔๔ ปลดล็อกซ่อนรูปยังไม่จบง่ายๆ

            "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" รุกหนัก

            หลังฉลองปีใหม่เจอกัน!

            ประชาธิปัตย์เขากำลังแกะคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ ๕๓/๒๕๖๐ เรื่องการดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ว่ามีเนื้อหาใดที่เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

            เขามีเหตุผล!

            เพราะ........คำสั่ง คสช.เป็นคำสั่งที่ยาวเป็นพิเศษและเนื้อหาก็ขัดกันในตัว มีความไม่ชัดเจนในหลายเรื่อง

            เพราะ.......แทนที่จะปลดล็อกกลายเป็นเพิ่มล็อก

            เพราะ........คำสั่ง คสช.ที่ออกมาเหมือนไม่เข้าใจโรดแมปของตัวเอง

            ก็ไปเจอกันที่ศาลรัฐธรรมนูญ

            เห็นคุณอภิสิทธิ์ ออกมาหลายวันติด ถือว่าผิดไปจากปกติ และดูท่าทีแล้วคงจะไม่ยอมปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ

          “ถ้าคิดใช้อำนาจรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ในทางการเมืองก็เดินกลับสู่ยุคระบอบทักษิณ จะหวังอะไรกับการปฏิรูปและธรรมาภิบาล

          ถ้ามีปัญหาพรรคใหม่ก็หาทางแก้ไป แต่ถ้าเมื่อไหร่ใช้อำนาจรัฐที่เบ็ดเสร็จพิเศษ ไม่สามารถตรวจสอบถ่วงดุลได้ บ้านเมืองเสียหาย ส่วนรวมเสียหาย บรรทัดฐานสำหรับอนาคตก็เสียหาย คนทำต้องรับผิดชอบ

          หากยึดหลักธรรมาภิบาลต้องโปร่งใส ตรงไปตรงมา รับผิดชอบ มีประสิทธิภาพ ซึ่งก็ขอให้ลองไปคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลทำเข้าเกณฑ์เหล่านี้หรือไม่

          การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ ควรทำในเรื่องใหญ่ๆ ทำแล้วไม่ต้องเปลี่ยนซ้ำแล้วซ้ำอีก      เรื่องได้เปรียบเสียเปรียบพรรคประชาธิปัตย์ไม่กังวล เพราะสู้ในสถานการณ์เสียเปรียบมาหลายรูปแบบจึงไม่โวยวายหรือร้องขอ

          แต่ที่พูดเพราะต้องการรักษาหลักการบ้านเมือง ถ้าเสียเปรียบจากหลักการที่ถูกต้องพรรคยินดี แต่ถ้าไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรมาภิบาลก็ต้องคัดค้านไม่ว่าจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ”

            แฟนๆ ลุงตู่อย่าเพิ่งไปกระทืบคุณอภิสิทธิ์เข้าล่ะ

            อ่านที่คุณอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์แล้วลองหลับตาคิดแบบไม่รู้ใครพูดถึงใครดู....อาจจะเห็นปัญหาอีกมิติหนึ่ง

            และตรงความจริงมากขึ้น

            พรรคการเมืองมีเรื่องต้องจัดการ หากทำไปโดยไม่พร้อม เบื้องต้นก็ถือว่า ปฏิรูปการเมืองสอบตกไปเรียบร้อย

            ตกทั้งคนปฏิรูปและคนถูกปฏิรูป

            ถามว่าทำไมต้องคิดมุมนี้

            เพราะปฏิรูปการเมืองมันต้องไปด้วยกันหมด

            โอ.เค.ล่ะ...ในเมื่อวันนี้พูดกันว่า การมีรัฐธรรมนูญใหม่ มีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญใหม่ คือก้าวแรกของการปฏิรูปการเมือง

            ถ้าก้าวแรกมันเดินกะโผลกกะเผลก เต็มไปด้วยความเห็นต่างเรื่องข้อกฎหมาย

            ก้าวต่อไปจะไหวหรือ

            ประชาธิปไตยที่มีธรรมาธิบาลมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร

            ในแง่หลักการมันควรเป็นเช่นที่ "คุณอภิสิทธิ์" พูด 

            จะไปกระแนะกระแหนว่าเอาแต่กอดหลักการดูจะฉาบฉวยเกินไป

            เพราะเมื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า "ปฏิรูป" จะแยก หลักการกับหลักปฏิบัติ ออกจากกันไม่ได้ มันต้องไปด้วยกัน

            ฉะนั้น....ก็ลองไตร่ตรองกันดูว่า เมื่อรัฐบาล คสช.ประกาศว่ามีโรดแมปที่แน่นอน เลือกตั้งแน่ๆ เดือนพฤศจิกายนปีหน้า แต่ระหว่างทางกลับสร้างความไม่ชัดเจน เริ่มจะมีปัญหาขลุกขลัก

            มีเหยียบตาปลากัน

            ที่คาดหวังว่าการเปลี่ยนผ่านจะราบรื่น มันจะไม่ราบเรียบ

            ต่อให้มโนไปว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิด ประชาธิปัตย์รับงาน คสช. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความคำสั่งตาม ม.๔๔ เพื่อยืดโรดแมปออกไป

            มันเสียกันหมด ไม่ว่าใครร่วมมือกับใคร ปฏิรูปพังทั้งที่ยังไม่ตั้งไข่

            นี่...เพื่อไทย ก็กระโดดมาร่วมผสมโรงแล้วด้วยอีกเจตนา ก็ระวังยุทธวิธีขุนให้อ้วนแล้วตีตลบหลัง เพราะมีข่าวแว่วๆ งวดหน้าทักษิณไม่เอา  

            ยอมปากแห้งไปหนึ่งสมัย เลือกตั้งหนหน้าโน้นค่อยตามเก็บใหม่แน่นอนกว่า..... 

            เป็นประเพณี ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง จะเปิดบ้านอวยพรและรับพรจากผู้น้อย

            มีอยู่สองบ้านที่ได้รับความสนใจทุกปี

            บ้านแรกคือบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ ป๋าเปรม เปิดให้รัฐบาล แม่ทัพนายกอง ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน เข้าอวยพรมาหลายสิบปีแล้ว

            อีกบ้านอยู่ในกรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.๑ รอ.) "บิ๊กป้อม" พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ จะเปิดให้น้องๆ ในกองทัพอวยพร

            ช่วงหลังดูจะขึ้นหม้อเรื่อยๆ

            ไม่มีนัยอะไร แค่จะบอกว่าวันนี้เช้าๆ "ป๋าเปรม" ในวัย ๙๗ จะออกมายืนหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ให้ลูกหลานขอพร ขอกำลังใจ

            มีสิ่งหนึ่งที่ "ป๋าเปรม" ย้ำเสมอ นั่นคือ ความซื่อสัตย์สุจริต

            สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ต้นปี ๒๕๕๗ "บิ๊กตู่" ยังเป็น ผบ.ทบ. ส่วน พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก เป็นปลัดกลาโหมแตงโม พากันเข้าขอพรจาก "ป๋าเปรม"

            วันนั้น "ป๋า" มอบเนกไท เป็นของขวัญปีใหม่ให้ "ยิ่งลักษณ์"

            มีข้อความหน้าซองว่า....

          “เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน”

            อาจมีบางคนคงไม่ทันสังเกตเห็น พรปีใหม่จาก "ป๋าเปรม" ส่วนใหญ่มักจะเรียบๆ

            แต่พรจากการรดน้ำดำหัวช่วงเทศกาลสงกรานต์ แทบทุกปี จะหนักแน่นกว่า 

            จนบางคนแทบกระอักเลือด

            เช่นสงกรานต์ที่ผ่านมา ท่านให้โอวาท ผ่านกรรมการ ป.ป.ช.มาว่า

          "ในเมื่อตัวเราไม่โกง ญาติพี่น้องก็ต้องไม่โกง และต้องดูแลไม่ให้คนอื่นๆ โกงด้วย ให้ทุกคน ช่วยกันลุกขึ้นมาช่วยเป็นหูเป็นตาและไม่ยอมที่จะให้มีคนโกงอยู่ในบ้านเมืองของเรา"
            คำพูด "ป๋า" ยังใช้ได้เสมอ ไม่มีล้าสมัย

            วันนี้หลายคนไปบ้านสี่เสาฯ แล้ว ต้องไปต่อบ้านพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ก็อย่ากองสิ่งที่ "ป๋า" ย้ำนักย้ำหนาไว้หน้าบ้าน ให้เอาติดตัวไปด้วยทุกที่ที่ไป

            อย่ายกมือไหว้คนโกง. 

                                                                                                    ผักกาดหอม


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"