พลัน "เสี่ยเอก-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจไ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสภาพส.ส.  ก็มีปฏิกิริยาตามมาทันที "ป๊อก-ปิยะบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่และเพื่อนคู่คิดธนาธร รู้สึกผิดหวังกับคำพิพากษา ขอรอดู คำวินิจฉัยกลาง และ คำวินิจฉัยส่วนตัวของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แล้วค่อยตั้งโต๊ะ วิเคราะห์ วิจารณ์ กันอีกครั้ง

พันธมิตรในซีกประชาธิปไตย "ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์"ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) สวมบท นักวิเคราะห์การเมือง

‘หลายคนไม่พอใจผมที่วิเคราะห์ในเรื่องคดีของนายธนาธร ว่าจะไม่รอด ซึ่งก็ไม่รอดจริง แต่ทั้งนี้ การมองกระดานการเมือง ต้องมองด้วยความเป็นจริง ไม่ใช้อคติ หรือความชอบเป็นพิเศษ  นายธนาธรนั้น ชัดเจน ตั้งแต่การที่ไม่ได้ทำงานในสภาผู้แทนราษฎรแม้แต่วันเดียว เป็นปรากฎการณ์ที่สรุปจบแล้วว่า ถูกล็อกเป้า อย่างไรก็ไม่รอด สิ่งที่ต้องคิดต่อคือ จะสู้ต่อไปอย่างไร เลิกคิดเรื่องความถูกผิด อย่าถามหาข้อเท็จจริง ถ้าเราถามหาเรื่องแบบนั้นแสดงว่าไม่เข้าใจกระดานการเมือง คนที่เพิ่งเคยเจอสถานการณ์นี้ต้องตั้งหลัก คิดในมิติที่ไม่เข้าข้างตัวเอง ทำความเข้าใจว่าถูกชี้เป้าไว้แล้ว สิ่งที่ต้องคิดคือ จะสู้อย่างไรต่อไป 

นายธนาธร มีอย่างน้อย 4 ดาบที่ต้องเจอ ดาบแรกคือเรื่องพ้นสมาชิกภาพส.ส. ซึ่งเจอไปแล้ว ดาบที่สองคือ เรื่องพรรคอนาคตใหม่ ถูกร้องเรียนเรื่องล้มล้างการปกครอง ต้นเดือนธันวาคมจะมีการตัดสิน ดาบที่สาม คือ เรื่องต่อเนื่อง จากพ้นสมาชิกภาพส.ส.คือคดีอาญา ในศาลฎีกา แผนกเลือกตั้งโทษ 1-10ปี ตัดสิทธิการเมืองถ้าเต็มที่ก็ 2 0ปี และดาบที่สี่ คือ เรื่องที่นายธนาธร ให้เงินกู้กับพรรคอนาคตใหม่ สถานการณ์ขณะนี้ ในฐานะคนผ่านเส้นทางนี้มาแล้ว รู้ว่าจะเจออะไร ควรหาทางสู้ สู้อย่างไรต้องไปคิด"

ขณะที่ พันธมิตรพรรคข้างบ้าน อย่าง พรรคเพื่อไทย เมื่อดูจากรูปการณ์ บนเหตุและผล ไม่ได้เหนือความคาดหมาย แต่ขณะเดียวกัน กังวลกับผลกระทบ จะเหตุการณ์ อาฟเตอร์ช็อก ที่จะตามมา

หนึ่งในสมาชิกพรรค ที่เคยเผชิญชะตากรรมมาก่อน ผ่านร้อนผ่านหนาวตั้งแต่ยุคไทยรักไทย พลังประชาชนถูกยุบพรรค กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้ง 

อ่านหมากเกมมองว่า วิบากกรรม ธนาธร และ พรรคอนาคตใหม่ คงจะไม่หมดและจบลงเพียงเท่านี้ การเคลื่อนไหวทั้งในสภาฯ นอกสภาฯ ล้วนส่งผลกระทบต่อพรรคนี้

"การแก้ไขรัฐธรรมนูญ คนในพรรคอนาคตใหม่ ก็บอก รัฐธรรมนูญฉบับนี้เฮงซวยทุกมาตรา ไหนจะ ถูกผูกโยงเชื่อมโยง ต่อทัศนะความเห็น นักวิชาการ ที่มีต่อ รัฐธรรมนูญมาตรา1 ทำให้ ผบ.ทบ. ออกมาแสดงความคิดเห็น ด้วยท่าทีไม่พอใจต่อพวกซ้ายดัดจริต ฮ่องเต้ซินโดรม

ผลที่จะตามมาในพรรคอนาคตใหม่ จากนี้น่าคิด คดีธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้หมดเพียงแค่เรื่อง หุ้นวีลัคมีเดีย แต่ยังมีคดีทั้งเรื่อง การล้มล้างการปกครอง คดีธนาธร ให้พรรคกู้ยืม วงเงิน191ล้านบาท ซึ่งข้อเท็จจริง น่าหนักใจ เพราะหากผลออกมาอย่างร้ายแรง พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรคจริง ก็คงจะส่งผลต่อทั้งพรรค สมาชิกพรรค ทันที  

ถ้าผลออกมาในทางร้ายแรงมาก เอาถึงขั้นยุบพรรค ที่ในรัฐธรรมนูญระบุ ถ้าพรรคการเมืองถูกยุบ ให้ส.ส.ไปหาสังกัดพรรคใหม่ ใน60วัน

สิ่งที่จะตามมาคือ ส.ส.ทั้งหมด 80คน บัญชีรายชื่อ ราวๆ50คน(ไม่รวมกรรมการบริหารพรรค12คน จะเหลือส.ส. บัญชีรายชื่อ 38คน) จะต้องไปหาสังกัดใหม่ ซึ่งเวลานี้ ก็คงมีคนแยกออกไปสองกลุ่ม คือ ยังมาร่วมงานทางพรรคซีกประชาธิปไตย แต่อีกส่วนอาจจะไปอยู่กับ พรรคพลังประชารัฐ

ตอนนี้ในซีกรัฐบาล ถ้านับเอาจำนวนส.ส.เป็นที่ตั้ง แล้วแบ่งโควตารัฐมนตรี ถือว่าแกนนำพรรครัฐบาล พลังประชารัฐขาดทุน เพราะพรรคชาติพัฒนา มีส.ส.3 คน กับได้ โควตารัฐมนตรี ตอนจะตั้งรัฐมนตรีตอนนั้น หลายกลุ่มก็ไม่ค่อยพอใจ ที่เอาโควตาไปให้ ชาติพัฒนาฯ แต่ในอนาคต ดีไม่ดี เขาอาจจะหาทางเขี่ย พรรคชาติพัฒนาทิ้งไป ยึดโควตารัฐมนตรีคืนมา โดยเอาไปให้ ส.ส.ที่มาสังกัดใหม่ ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้ นอกจากอนาคตใหม่กลุ่มที่กล้าย้ายมาพลังประชารัฐ ก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน ล่อใจ คงเป็นอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ตำแหน่ง โควตารัฐมนตรี ที่ให้ทางกลุ่มอนาคตใหม่ ที่ย้ายพรรค ไปส่งรายชื่อคนที่เหมาะสมมา    

พรรคอนาคตใหม่ ระยะหลังๆก็ต้องบอกว่า เกิดแรงกระเพื่อมในพรรค ไม่ใช่เพียงแค่ กรณีคนในพรรคออกมา แฉเรื่องราว การรวบอำนาจเบ็ดเสร็จไว้เพียงแค่ 3คนเท่านั้น แต่ในเรื่องความเห็น มุมมองการเมือง ก็เห็นไม่ตรงกันล่าสุด ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ฝ่ายค้านเสนอขอนําญัตติ ขอให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ขึ้นมาพิจารณา ต่อพ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ.2562 โดยให้ที่ประชุมลงมติ ซึ่งผลออกมาพบว่า เสียงของที่ประชุมจำนวน 241 เสียงไม่เห็นด้วยให้เลื่อน โดยเห็นด้วย 229 เสียง และ งดออกเสียง 1 เสียง

ในจำนวนที่โหวตไม่เห็นด้วย มี ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่รวมอยู่ด้วย  น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี,พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี และน.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ ขณะที่ก่อนหน้านี้ทั้ง 3 คน นั้นเคยโหวตสวนมติพรรคอนาคตใหม่มาแล้วในกรณีพรก.โอนอัตราพลกำลังฯ"

ทิศทางการเมืองวันข้างหน้า จากสมการตัวเลขที่วันนี้ ฝ่ายค้าน รัฐบาล ก้ำกึ่งเหลือเกิน โอกาสที่แต่ละพรรค แต่ละฝ่ายจะเพลี่ยงพล้ำ เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น  แต่(ถ้า)วันหนึ่ง หัวสีส้มถูกเชือด พรรคสูญสิ้น อุดมการณ์การเมืองของ บรรดาสมาชิก ยังจะแน่วแน่เหมือนเดิมหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด น่าติดตาม เหมือนกัน