“บิ๊กตู่” ของขึ้น ให้สัมภาษณ์ 2 ครั้งเรื่องเศรษฐกิจทั้งหลังประชุม กห.และ ก.ตร. โวยไม่ได้เสวยสุข คิดเรื่องแก้ไขตลอดเวลา วอนการเมืองเพลาๆ บ้างเพื่อสร้างความเชื่อมั่น “ขุนคลัง” ชี้ไทยแค่เป็นไข้
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมสภากลาโหมว่า ไม่อยู่ประเทศไทยมาหลายวัน เพราะเดินทางไปทำงานให้กับประเทศชาติที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งขณะนี้ให้ความสำคัญในเรื่องของการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ โดยจากการที่ได้หารือกับประเทศในกลุ่มอาเซียน หรือแม้แต่เกาหลีใต้ มีหลายอย่างที่เป็นประเด็นปัญหาต่อเศรษฐกิจ และมีผลกระทบต่อสงครามทางการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจ ซึ่งส่งผลต่อการตลาดของไทยด้วย ซึ่งในหลายประเทศก็มีวิธีการแก้ไขปัญหาเป็นของตัวเอง และมีความแตกต่างในเรื่องการปกครอง รวมถึงอำนาจของรัฐบาล ในขณะที่ไทยเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ก็ต้องแก้ไขปัญหาแบบประชาธิปไตย รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน
“ในวันนี้รัฐบาลมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจในทุกมิติ อยากให้ทุกฝ่ายอย่าสร้างความขัดแย้ง เพราะจะทำให้ความเชื่อมั่นหายไป ทุกวันนี้ทุกประเทศยังเชื่อมั่นไทยอยู่ แต่สิ่งที่ห่วงอย่างเดียวคือเรื่องการเมือง อยากให้ระมัดระวังและลดการกระทบกระทั่งให้มากที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า รัฐบาลไม่หยุดคิดเรื่องเศรษฐกิจ เราไม่ได้นิ่งนอนใจหรือเสวยสุขอย่างที่ใครว่ามา และไม่เคยมีความสุขเลยตราบใดที่ไทยยังเป็นแบบนี้อยู่ คิดว่าทุกคนที่เป็นนักการเมืองก็คิดแบบตนเอง เรื่องการเมืองก็เป็นเรื่องการเมือง อย่ามาทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปไม่ได้
ต่อมาในช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ว่า สถานการณ์ในปัจจุบันอาจมีปัญหาอยู่บ้าง ทุกคนก็ทราบดี ซึ่งก็กำลังแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจอยู่ ถือเป็นสิ่งเร่งด่วนและสำคัญที่สุดสำหรับประเทศไทยในวันนี้ อีกทั้งทุกประเทศทั่วโลกก็กำลังทำกันอยู่ แต่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งในและต่างประเทศ โดยนโยบายของรัฐบาลนี้ หลายอย่างออกไปแล้ว ก็ขอให้ติดตามด้วย เพื่อที่ทุกคนจะได้เข้าถึง แต่จะให้ทุกคนได้รับประโยชน์มากที่สุดก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะงบประมาณมีอยู่อย่างจำกัด ก็ต้องทยอยดำเนินการไปให้ได้มากที่สุด
“วันนี้รัฐ เอกชน ประชาชน ต้องร่วมมือทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นแก้ไขอะไรไม่ได้เลยสักอัน ไม่ว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาก็ทำไม่ได้ทั้งสิ้น ขณะเดียวกันก็มีความขัดแย้ง บิดเบือนต่างๆ มันก็แก้ไม่ได้ ปัญหาเรามีหลายร้อยปัญหา ถ้าเราทยอยแก้ไปตามลำดับ เดี๋ยวมันก็แก้ได้หมดเอง อย่าไปสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา เท่านั้นเอง”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ทั้งนี้ การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น สื่อมวลชนไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับนโยบายหรือการทำงานของรัฐบาล ซึ่งคาดว่านายกฯ ยังอารมณ์ค้างและเกิดอาการไม่พอใจ โดยเฉพาะกรณีที่วิพากษ์วิจารณ์การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล
นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง กล่าวยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ไม่ยังหดตัว แค่เติบโตชะลอลงเท่านั้น ซึ่งเป็นผลกระทบจากสงครามการค้าที่กระทบต่อภาคการส่งออกของไทย ทำให้ที่ผ่านมารัฐบาลต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งเศรษฐกิจไทยตอนนี้เหมือนกำลังมีไข้ ไข้ขึ้น ต้องให้ยาไปก่อน ต้องรักษาให้ดีที่สุด ไม่ให้ทรุดลงไปกว่านี้ และอักเสบ การอักเสบคราวนี้จะยากไปอีก จะเห็นว่าชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลได้ทยอยออกมา มีการคิดอย่างรอบคอบ ใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์เต็มที่ การช่วยต้องช่วยทุกภาคส่วน เศรษฐกิจถึงจะหมุน ไม่ได้บอกว่าช่วยแต่ภาคเกษตร ช่วยแต่ผู้ประกอบการ วันนี้รัฐบาลขับเคลื่อนเรื่องนี้ และมองเป้าหมายชัดเจนระยะยาวต้องการทำอะไร ภาคการเงินจะมีส่วนสนับสนุนในการยกระดับเศรษฐกิจได้อย่างไร
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สศค.ประเมินว่าตัวเลขเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในไตรมาส 4/2562 จะขยายตัวได้ 3.2% บวกลบ ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจทั้งปีเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 2.8%
นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล รองผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า กระทรวงจะปรับคาดการณ์ตัวเลขจีดีพีในปี 2562 อีกครั้งในเดือน ม.ค.2563 โดยมองว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ต้องจับตาแนวโน้มตัวเลขการส่งออกของไทย ซึ่งยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยเสี่ยงนอกประเทศ ทั้งปัญหาการกีดกันทางการค้า เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งเป็นปัญหาที่ควบคุมได้ยาก โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างติดตามและประเมินสถานการณ์ภาคส่งออกในช่วงที่เหลือของปีอยู่
“เป้าหมายจีดีพีปีนี้อยู่ที่ 2.8% ดังนั้นหากต้องการให้จีดีพีเติบโตได้ตามเป้าหมาย ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2562 ต้องขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3% แต่หากจีดีพีขยายตัวที่ 2.6% ไตรมาส 4/2562 ต้องขยายตัวได้ 2.5% โดยภาพรวมเศรษฐกิจ 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ เติบโตได้ที่ระดับ 2.5%” นายวุฒิพงศ์กล่าว
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ตามที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ออกมา โดยจะทำให้เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะขยายตัวได้ดีขึ้น อยู่ที่ 2.6-3% ได้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |