องค์การอนามัยโลกเผยโรคหัดคร่าชีวิตประชาชนในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกในปีนี้ไปแล้วมากกว่า 5,000 คน หรือมากกว่า 2 เท่าของผู้เสียชีวิตจากการระบาดของโรคอีโบลา

แฟ้มภาพ เด็กหญิงชาวดีอาร์คองโกได้รับการฉีดวัคซีนอีโบลาที่เมืองโกมา เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 / AFP

    เคต โอไบรอัน ผู้อำนวยการแผนกการก่อภูมิคุ้มกันขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) แถลงที่นครเจนีวาเมื่อวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน ถึงสถานการณ์การระบาดของโรคหัดในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์คองโก) ที่พบการระบาดของโรคหัดมากที่สุดในโลก ว่าจากข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคมถึงวันที่ 17 พฤศจิกายนปีนี้ พบผู้ป่วยโรคหัดในดีอาร์คองโก 250,270 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 5,110 ราย กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการระบาดคือเด็กและทารก

    ดีอาร์คองโกประกาศการระบาดของโรคหัดครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และในเดือนกันยายนเริ่มรณรงค์ฉีดวัคซีนฉุกเฉินป้องกันโรคหัดทั่วประเทศเพื่อป้องกันการระบายของโรคนี้ ดับเบิลยูเอชโอเผยว่า การรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดยังคงดำเนินต่อไป โดยคาดว่าจะสิ้นสุดโครงการช่วงสิ้นปีนี้

    โรคหัดเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย เกิดจากไวรัส ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กและอาจเป็นโรคแทรกซ้อนที่อันตราย รวมถึงตาบอด, สมองบวม, ท้องร่วง และติดเชื้อทางเดินหายใจรุนแรง

    การระบาดอย่างรวดเร็วของโรคหัดในดีอาร์คองโกได้รับความสนใจน้อยกว่าการระบาดของโรคอีโบลาทางตะวันออกของประเทศตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 ที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลาเสียชีวิตราว 2,200 คน

    ความพยายามควบคุมการระบาดของโรคอีโบลาและโรคหัดในดีอาร์คองโกมีอุปสรรคสำคัญคือความรุนแรงและความไม่สงบทั่วประเทศโดยเฉพาะในภาคตะวันออก

    ดับเบิลยูเอชโอเผยเมื่อวันอังคารว่า ได้ย้ายเจ้าหน้าที่รับมือโรคอีโบลา 49 คนออกจากเมืองเบนีทางตะวันออกของดีอาร์คองโก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความไม่ปลอดภัยเพิ่มขึ้น.