คุก10ปี 'ปาเกียว เมืองไทย' อดีตประธานสโมสรทีมฟุตบอลเพื่อนตำรวจ ตุ๋นกู้เงินกว่า 2 พันล้าน


เพิ่มเพื่อน    

สัมฤทธิ์  บัณฑิตกฤษดา ภาพจาก YouTube

16 มี.ค. 61 -  ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษกว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีปลอมตั๋วเงิน หมายเลขดำ อ.134/2559 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสัมฤทธิ์  บัณฑิตกฤษดา อายุ 43  ปี หรือเดอะบิ๊ก อดีตประธานสโมสรทีมฟุตบอลเพื่อนตำรวจ ในศึกไทยลีกและนายสิทธินันท์ หลอมทอง อายุ 36 ปี กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัดร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้ตั๋วเงินปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 266 (4), 268

ตามฟ้องของอัยการโจทก์เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2559 ระบุพฤติการณ์ความผิดของจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.2556 – 21 ก.ค.2557 จำเลยกับบริษัทบิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด โดยนายสิทธินันท์ หลอมทอง กรรมการผู้มีอำนาจ และในฐานะส่วนตัว กับพวกของจำเลย ได้ร่วมกันปลอมเอกสารตั๋วแลกเงิน หรือดราฟท์ (Draft ตราสารที่ธนาคารจะเป็นผู้ออกให้ใช้สำหรับการเรียกเก็บหรือชำระเงินค่าสินค้าต่างๆที่จะระบุว่าให้บุคคลใดจ่ายเงินให้แก่บุคคลใด) ทั้งฉบับของธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ แบงก์กิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยพวกจำเลยร่วมกันนำกระดาษที่มีลวดลาย  พิมพ์ด้วยอักษรภาษาอังกฤษสีเทาจางๆ ในชื่อของธนาคารดังกล่าวเรียงต่อกันจนเต็มพื้นที่หน้ากระดาษ และตัดให้มีขนาดประมาณ 8 x 20 ซม.ใกล้เคียงกับขนาดแบบฟอร์มตั๋วแลกเงิน ฉบับตัวจริง และพิมพ์อักษรตัวย่อภาษาอังกฤษของ HSBC  ตามด้วยเครื่องหมายของธนาคารบนมุมด้านซ้ายมือ รวมทั้งการพิมพ์หมายเลข, วันที่ แสดงไว้สำหรับการสั่งจ่ายเงินก่อนที่จะนำตั๋วแลกเงินปลอม มูลค่า 100 ล้านดอลล่าร์สหรัฐหรือประมาณ 3,200 ล้านบาทไปแสดงต่อสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กระทรวงศึกษาธิการ ผู้เสียหาย จนหลงเชื่อว่า เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันตั๋วสัญญาใช้เงินของ บริษัท บิลเลี่ยนฯ จำนวน 2,100 ล้านบาท ที่จำเลยกับพวกร่วมกันนำมาหลอกขายให้ สกสค. ทำให้ สกสค.เชื่อว่า พวกจำเลยสามารถหาหลักทรัพย์ที่มีความน่าเชื่อถือเทียบเท่ากับธนาคารเป็นอาวัล (การรับประกัน การใช้เงินตามตั๋วเงิน) กระทั่งคณะกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ชพค.) ยึดถือไว้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน 

การที่จำเลยกับพวกนำตั๋วสัญญาใช้เงินปลอมมาหลอกขายให้กับ สกสค.ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นของปลอม จึงเป็นความผิด โจทก์จึงขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 266 (4), 268 จำเลยให้การปฏิเสธในการต่อสู้คดี โดยไม่ได้รับการประกันตัวตั้งแต่ชั้นจับกุม -ฝากขัง และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเรื่อยมา 

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่โจทก์ – จำเลย นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266 (4), 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 ที่จำเลยทั้งสองเป็นผู้ร่วมกันปลอมและใช้ตั๋วเงินปลอมนั้นเอง พิพากษาลงโทษฐานร่วมกันใช้ตั๋วเงินปลอมเพียงกระทงเดียว ตามมาตรา 268 วรรคสอง ให้จำคุกจำเลยทั้งสองไว้คนละ 10 ปี ริบของกลาง

ภายหลังศาลมีคำพิพากษา นายสัมฤทธิ์ หรือเดอะบิ๊ก อดีตประธานสโมสรฟุตบอลทีมเพื่อนตำรวจและนายสิทธินันท์ ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการกล่าวหาความผิดดังกล่าว สืบเนื่องจากได้มีการกู้เงินกับกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ชพค. จำนวน 3 ครั้ง มูลค่ารวมกว่า 2,000  ล้านบาท แต่ต่อมาทาง สกสค. ตรวจสอบพบว่า ไม่ได้มีการทำเรื่องกู้ที่ถูกต้องตามขั้นตอน เนื่องจากการกู้ยืมดังกล่าวไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจาก สกสค. และยังพบว่าเอกสารที่ใช้ในการกู้ยืมเป็นเอกสารปลอม ไม่สามารถใช้เป็นเอกสารหรือหลักฐานในการค้ำประกันเงินกู้ได้จริง จึงร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบและดำเนินคดีกับจำเลยในที่สุด 

สำหรับนายสัมฤทธิ์ หรือเดอะบิ๊ก ได้รับฉายาว่า “ปาเกียว เมืองไทย” เนื่องจากมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับ "เดอะ แพ็คแมน" แมนนี่ ปาเกียว นักชกชื่อดังแชมป์โลกขวัญใจชาวฟิลิปปินส์  ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ  กก.สส.บก.น.1 จับกุมตัวเมื่อวันที่ 19 ม.ค.2559 ส่วนนายสิทธินันท์ถูกตำรวจ สน.ดุสิต จับกุมตัวเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2559.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"