เป็นวัยเก๋าคุณภาพของจริง ทั้งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และการทำงานที่โดดเด่นในแง่ของการพยากรณ์ที่การันตีความแม่น กระทั่งล่าสุดได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำหรับ อ.ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ในวัย 69 ย่าง 70 ปี ที่ปัจจุบันยังควบตำแหน่งที่ปรึกษาสถาบันศาสตร์แห่งชีวิตอีกด้วย นอกจากการตรวจวิเคราะห์ดวงชะตาคนดังในแวดวงการเมืองบ้านเราอย่าง “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ว่าจะอยู่ยาว 2 สมัยแล้ว
(อ.ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล)
เจ้าตัวยังเดินสายขึ้นเหนือล่องใต้ เพื่อตรวจฮวงจุ้ยบ้านและที่อยู่อาศัย ตลอดจนทำเลค้าขายให้กับผู้ที่เชื่อเรื่องโหราศาสตร์ดังกล่าวทั่วประเทศ รวมถึงตรวจวิเคราะห์ตำแหน่งการตั้งศาสนกิจอย่างวัดวาอารามแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะศาลเจ้าหรือวัดใดที่ตั้งไม่ตรงตามหลักโหราศาสตร์ นอกเหนือจากภารกิจในการเป็นซินแสแล้ว การใช้ชีวิตแบบคิดบวก และทำหน้าที่เตือนให้ผู้ที่เชื่อในศาสตร์ของการดูดวงดูฮวงจุ้ย ก้าวข้ามผ่านปัญหาอุปสรรคชีวิตไปได้ โดยไม่สูญเสียหรือได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ก็ถือเป็นมุมมองการใช้ชีวิตที่น่าสนใจ
ซินแสภาณุวัฒน์ บอกว่า “การดูแลสุขภาพของตัวเองนั้น โดยทั่วไปแล้วเมื่ออายุมากขึ้นก็มักจะมีโอกาสเกิดความเหงาและความว้าเหว่ได้ค่อนข้างง่าย ดังนั้นก็จำเป็นต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ตัวเองอยู่บ้านว่างๆ เพราะนั่นจะยิ่งทำให้ผู้สูงวัยคิดว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ซึ่งบางคนก็อาจจะใช้เวลาว่างเลี้ยงลูกหลาน ก็ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาได้ ดังนั้นคนสูงวัยจึงไม่ควรกลัวหรือรำคาญเวลาที่ลูกหลานร้องไห้ เพราะอาจจะทำให้ยิ่งรู้สึกเหงาและเกิดความเหี่ยวเฉาลงได้ เพราะอันที่จริงแล้วเด็กก็เหมือนกับดอกไม้ที่ช่วยสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับคนเป็นปู่ย่าตายาย
ส่วนการดูแลสุขภาพโดยรวมนั้น การเดินดูฮวงจุ้ยรอบบ้านก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงชอบเผาผลาญพลังงานด้วยการเดิน หรือเวลาที่อยู่บ้านก็จะพยายามเคลื่อนไหวตัวให้มากที่สุด ที่สำคัญก็จะนัดเจอเพื่อนเก่าสมัยที่เรายังเป็นเด็กก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการที่เราออกไปสังสรรค์กับเพื่อนนั้น ถือเป็นการปลุกความเป็นวัยเด็กให้กลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะความรู้สึกในช่วงวัยนั้น เรามักจะมีความสนุกสนาน สดชื่น หรือบางครั้งการที่เราได้เจอเพื่อนเก่าที่เราเคยแอบชอบ แต่ว่าเราไม่ได้ลงเอยกัน ซึ่งต่างคนต่างแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ก็จะทำให้เรารู้สึกนึกย้อนถึงวัยหนุ่มสาวขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ชีวิตของเรามีชีวาและชุ่มชื่นหัวใจ เพราะถึงอย่างไรเมื่ออายุมากแล้ว เราก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องชู้สาวแล้ว แต่พบกันเพื่อย้อนรำลึกถึงมิตรภาพที่ดีต่อกัน
“ขณะที่การเลือกรับประทานอาหารนั้น เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีและสื่อโซเชียลค่อนข้างมาเร็วและแรง จึงยิ่งทำให้เราต้องพิถีพิถันในการเลือกกินให้มากยิ่งขึ้น เช่น การที่กินอย่างพอดี และไม่กินอาหารซ้ำ เพราะการกินซ้ำจะทำให้ร่างกายสะสมไขมัน ซึ่งเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆ ได้ง่าย เช่น ถ้ากินส้มตำก็ต้องไม่กินติดต่อกันทุกมื้อ แต่ให้กินสลับกับอาหารอย่างอื่นบ้าง เช่น เปลี่ยนมารับประทานหมูปิ้งข้าวเหนียวได้ในมื้อถัดมา แต่ก็ต้องกินในปริมาณที่น้อยไม่มากเกินไป ประกอบกับอาจารย์ต้องเดินทางไปดูฮวงจุ้ยต่างจังหวัด และต้องขึ้นเหนือลงใต้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นก็จะเลือกกินอาหารตามภาค เช่น วันนี้อยู่ภาคใต้ก็กินอาหารใต้ พรุ่งนี้ขึ้นเหนือก็กินอาหารเหนือ จึงทำให้เราได้รับประทานอาหารที่ค่อนข้างหลากหลายและไม่จำเจครับ ที่สำคัญต้องหมั่นเช็กตัวเองว่าเราแพ้อาหารชนิดใด หรือเมื่อกินเข้าไปแล้วเกิดปัญหากับสุขภาพ ก็ควรลด ละ เลิก โดยส่วนตัวอาจารย์ก็จะหมั่นไปตรวจเช็กสุขภาพอยู่บ่อยๆ แต่โชคดีที่เราไม่เป็นโรคเบาหวานและไม่เป็นความดันโลหิตสูง พูดง่ายๆ ว่าก็ใส่ใจดูแลสุขภาพและพบแพทย์เป็นประจำ เพราะไม่อยากกินยาโรคเรื้อรังต่างๆ”
อ.ภาณุวัฒน์ บอกอีกว่า “สำหรับไลฟ์สไตล์อีกอันที่น่าสนใจคือ การดูภาพยนตร์ตลกขบขัน เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้รู้สึกอารมณ์ดีและไม่เครียด ทั้งนี้ก็จะเลี่ยงการรับชมภาพยนตร์ที่ทำให้รู้สึกเศร้าและหดหู่ รวมถึงคลิปวิดีโอที่เกี่ยวกับการทำร้ายเด็กและผู้อ่อนแอ เพราะจะยิ่งทำให้รู้สึกสะเทือนใจและสงสารผู้ที่ถูกกระทำ ซึ่งนั่นจะทำให้จิตของเราตกและหดหู่อย่างชัดเจนก็จะเลี่ยงไป และอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เรามีชีวิตชีวา คงปฏิเสธเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ ซึ่งก็ยังต้องมีบ้าง เนื่องจากเป็นวิถีชีวิตของมนุษยชาติ เพราะจะทำให้คนสูงวัยกลับมารู้สึกกระปรี้กระเปร่าและไม่แก่เฉา”
ไล่มาถึงการทำงานหลังวัย 60 ปี เพราะปัจจุบัน ที่ปรึกษาสถาบันศาสตร์แห่งชีวิต อายุ 69 ใกล้ 70 ปี เจ้าตัวบอกว่ายังทำงานอยู่เหมือนเดิม ทั้งงานด้านภาระบ้านเมือง อีกทั้งงานดูฮวงจุ้ยทั่วประเทศ ซึ่งการเดินทางขึ้นเหนือลงใต้นั้น คือการที่ทำให้ตัวเองได้พักผ่อนไปในตัว ซึ่งรูปแบบนั้นคือการตรวจดูฮวงจุ้ยให้ผู้ที่สนใจด้านโหราศาสตร์ดังกล่าว ที่เกี่ยวกับการตั้งบ้านเรือน จุดหรือทิศทางของทำเลค้าขายที่ดี รวมไปถึงการดูฮวงจุ้ยให้กับวัดวาอารามหรือศาลเจ้า เพื่อป้องกันปัญหาติดในการก่อสร้างหรือปัญหาต่างๆ โดยเคสนี้จะดูให้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะถือเป็นการทำประโยชน์เพื่อสังคมและส่วนรวม
เนื่องจากการดูดวงและดูฮวงจุ้ยสถานที่นั้นไม่ใช่เรื่องงมงาย แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้จังหวะชีวิต เพื่อที่จะได้ป้องกันหรือแก้ไขให้ดีขึ้น หรือทำให้เราไม่ประมาทในการใช้ชีวิต สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราต้องเตือนเขาให้รู้จักระมัดระวังตัว หรือแม้แต่การเตือนไม่ให้ไปค้ำประกันให้ใคร เพื่อป้องกันการเจ็บเนื้อเจ็บตัวภายหลัง
ซินแสภาณุวัฒน์ ปิดท้ายไปยังเด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่ว่า “ในสังคมทุกวันนี้เต็มไปด้วยสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งง่ายต่อการเข้าสู่วงจรที่ไม่ดี ดังนั้นการเลือกคบคนจึงเป็นสิ่งที่ต้องยิ่งพิจารณาให้รอบคอบ เพราะทุกวันนี้ไม่มีของฟรี และไม่มีของดีราคาถูก ดังนั้นจึงต้องยิ่งคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุและผล ที่สำคัญต้องเป็นคนดีมีคุณธรรม ช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข และไม่พาตัวเองไปในแวดวงอโคจร เพราะนั่นจะทำให้ได้คนกลุ่มนั้นมาเป็นเพื่อน และทำให้ชีวิตหันเหไปในทางที่ไม่ดี”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |