กมธ.ปราบโกงป่วนอีก! ก่อนมีมติ 7 ต่อ 2 อุ้ม "เสรีพิศุทธ์" นั่งประธานต่อ "สิระ" ไม่ยอมแพ้ จ่อฟ้อง "ชวน" ร้อง ป.ป.ช.ฟันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ "บิ๊กป้อม" ปัดรัฐช่วย "ปารีณา" ปมที่ดิน โวยอยู่ดีๆ เอาคนไปติดคุกได้อย่างไร "ศรีสุวรรณ" ยื่น ป.ป.ช.สอบ 3 ส.ส.รัฐบาล ถือครองที่ดิน ภ.บ.ท.5
ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน เวลา 09.00 น. มีการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ที่ปรึกษาประธาน กมธ. นั่งข้าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทันทีที่เปิดประชุม น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ กมธ. ยกมือประท้วง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ว่าไม่ควรให้ผู้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประธาน กมธ.นั่งข้างๆ ควรเป็นรองประธาน กมธ.มากกว่า
จากนั้นบรรยากาศในที่ประชุมเริ่มมีการโต้เถียงกัน โดย น.ส.ปารีณาอ้างธรรมเนียมปฏิบัติว่าตำแหน่งที่ปรึกษาต้องนั่งต่อจาก กมธ. จะให้ ส.ส.สอบตกนั่งตรงนั้นไม่ได้ เนื่องจากไม่ให้เกียรติกมธ.คนอื่น
ด้านเจ้าหน้าที่รัฐสภาชี้แจงว่า ตามระเบียบข้อบังคับไม่มีกำหนดไว้ว่าใครจะต้องนั่งตรงไหน จากนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จึงตัดบทว่าใครจะนั่งตรงไหนก็ได้ ทำให้ น.ส.ปารีณากล่าวว่า ขอไปนั่งข้างประธาน ก่อนจะลุกขึ้นไปลากเก้าอี้มานั่งหัวโต๊ะข้างพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์บอกกับสื่อมวลชนว่า “เอ้า นักข่าวถ่ายหน่อย ผมได้นั่งใกล้คนสวย อย่ากอดผมแล้วกันนะ”
จากนั้นที่ประชุม กมธ.เข้าสู่วาระเสนอปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกจากตำแหน่งประธาน กมธ.ป.ป.ช. แต่ประชุมได้ไม่นาน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์หันไปต่อว่า น.ส.ปารีณา ว่ากำลังพิมพ์อะไรในโทรศัพท์รายงานใคร ทำให้ น.ส.ปารีณาชี้แจงว่า "กำลังเสิร์ชข่าวนายชวน หลีกภัย ปลดเสรีพิศุทธ์อยู่ค่ะ" บรรยากาศจึงวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ถามหาข้อบังคับห้ามใช้เครื่องมือสื่อสารในห้องประชุม ถ้าไม่หยุดใช้จะฟ้องประธานสภาฯ เพราะรบกวนโสตประสาทการทำหน้าที่ประธาน กมธ. ทำให้นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวหา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ว่าที่รบกวนโสตประสาทเพราะไม่ได้มองจอโทรศัพท์ แต่มองอย่างอื่นของ น.ส.ปารีณา ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์โต้ว่า "ผมจะไปมองอะไร มีอะไรให้ผมมอง" นายสิระจึงต่อว่า "นี่หรือคำพูดของผบ.ตร."
มติ 7:2 ไม่ปลดเสรีพิศุทธ์
จากนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตัดบทและเข้าสู่วาระการประชุมเสนอปลดตัวเอง โดย ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเสนอให้ทำเรื่องถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า กมธ.สามารถลงมติปลดประธาน กมธ.ได้หรือไม่ แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตัดบทให้กรรมาธิการลงมติว่าสามารถปลดประธาน กมธ.ได้หรือไม่ โดยที่ประชุม กมธ.มีมติ 7 ต่อ 2 งดออกเสียง 4 เสียง ไม่เห็นด้วยที่จะนำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาในที่ประชุม แต่ให้นายสิระไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งหนึ่งในบุคคลที่ลงมติเสียงข้างมากนั้นมีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ด้วย และอีก 6 คนเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย และอนาคตใหม่ ขณะที่ 2 เสียงข้างน้อยคือนายสิระและ น.ส.ปารีณา ส่วนงดออกเสียงเป็น ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ช่วงก่อนที่จะมีการลงมติ นายสิระได้ชักชวนกมธ.ในสัดส่วนของรัฐบาลให้วอล์กเอาต์ แต่ไม่มีกรรมาธิการคนใดสนับสนุน
ภายหลังการประชุม นายสิระเปิดเผยว่า แม้ที่ประชุมจะมีมติเสียงข้างมากไปแล้ว แต่จะไม่หยุดอยู่แค่นี้ และยืนยันว่าการแต่งตั้งตำแหน่งกรรมาธิการสามัญต่างๆ ยังเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีการใช้อำนาจหน้าที่มิชอบของประธาน กมธ.ป.ป.ช. ดังนั้นจะดำเนินการต่อไปใน 3 แนวทาง ได้แก่ 1.จะเสนอเรื่องต่อประธานสภาฯ ให้ตรวจสอบพฤติกรรมประธาน กมธ. ในการกระทำดังกล่าว โดยมีการใช้ตำแหน่ง รวมถึงมติ กมธ.ว่าสามารถปลดประธานได้หรือไม่ 2.ในวันที่ 2 ธ.ค. เวลา 10.00 น. จะยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ตรวจสอบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีใช้คำสั่งเรียกนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีโดยไม่มีมติที่ประชุม รวมทั้งการแต่งตั้งที่ปรึกษาประธาน กมธ. และ 3.หารือในที่ประชุมสภาว่าตำแหน่ง กมธ.มีอำนาจแค่ไหน
วันเดียวกัน นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน นำเอกสารเข้ายื่นคำร้องต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เพื่อขอให้ตรวจสอบและติดตามการดำเนินคดีการบุกรุกป่าสงวนกว่า 1,700 ไร่ ของ น.ส.ปารีณา เนื่องจากเป็น ส.ส.ของพรรคแกนนำรัฐบาลที่มีอิทธิพล อาจจะทำให้พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่รัฐไม่กล้าดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ประกอบกับมีพฤติการณ์ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ส่อว่าอาจจะมีความพยายามช่วยเหลือผู้กระทำความผิดไม่ให้รับโทษทางอาญา
"เจ้าหน้าที่มีความพยายามทำให้พื้นที่ป่าสงวนที่มีการบุกรุกกลายเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. เพื่อไม่ให้ น.ส.ปารีณาได้รับโทษทางอาญา เพราะขณะนี้พนักงานสืบสวนคดีนี้รู้สึกอึดอัด เพราะมีข่าวการแทรกแซงจากผู้บังคับบัญชาในระดับสูง ส่วนตัวมั่นใจหากพนักงานสอบสวนทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา จะทำให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษตามกฎหมายอย่างแน่นอน จึงขอให้กรรมาธิการเร่งตรวจสอบเรื่องนี้" นายวีระระบุ
ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า กรณีของ น.ส.ปารีณา แบ่งออกเป็น 2 ประเด็น คือ 1.รุกป่า ในส่วนของ กมธ.คงมีมติให้รอไว้ก่อน เพราะเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่ และ 2.รายงานบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ซึ่งที่ประชุมของกรรมาธิการอาจจะมีมติทำหนังสือไปถึงเลขาธิการ ป.ป.ช. เพื่อขอบัญชีทรัพย์สินที่ น.ส.ปารีณาแจ้งต่อ ป.ป.ช. ขณะที่เป็น ส.ส. 3 สมัย รวมถึงครั้งนี้ด้วย ซึ่งดูแล้วเป็นการแสดงทรัพย์สินเป็นเท็จ อย่างเช่นที่ดิน ภ.บ.ท.5 เขายืนยันว่าเป็นทรัพย์สินของตัวเอง หากกรมป่าไม้หรือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่ดำเนินการ เราจะดำเนินการ เพราะสิ่งที่แสดงคือโรงเรือนต่างๆ ที่เลี้ยงไก่ ซึ่งมีการเลี้ยงไก่จำนวนมาก แต่บอกราคาเป็นศูนย์บาท อาคารที่ทำการที่ใช้รับซื้อไก่และไข่ราคาเป็นศูนย์ อย่างนี้เป็นเท็จหรือไม่
เมื่อถามว่า น.ส.ปารีณาเป็นหนึ่งในกรรมการชุดนี้ด้วยจะกระทบกับการสอบสวนนี้หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า "ไม่เห็นเป็นอะไรเลย คุณทะลึ่งเข้ามาเอง ถ้าไม่พร้อมก็ลาออก เข้ามาเจอผมก็อย่างนี้แหละ สุภาษิตจีนเขาบอกว่าลูกแมวไม่กลัวเสือ ลูกแมวเพิ่งเกิดใหม่จะไปรู้เรื่องอะไร เจอเสือมันไม่กลัว ถ้าเปรียบ น.ส.ปารีณาก็เหมือนลูกแมว ส่วนผมใหญ่กว่าเสือ"
บิ๊กป้อมปัดอุ้มปารีณา
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการถือครองที่ดินดังกล่าวของ น.ส.ปารีณาว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกันอยู่ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีการอุ้มในคดีดังกล่าวแน่นอน ฝ่ายบริหารจะไม่เข้าไปแทรกแซง ไม่มีใครเข้าไปยุ่ง ขนาดตนก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรเลย เรื่องนี้่จบแล้ว
ส่วนที่ น.ส.ปารีณาขอรังวัดที่ดินใหม่นั้น เป็นเรื่องที่เจ้าตัวต้องไปหารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้งสองกระทรวงต้องร่วมมือกัน ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเป็นชาวบ้านที่ไม่ใช่ น.ส.ปารีณาจะสามารถทำเช่นนี้ได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า สามารถทำได้เหมือนกัน
เมื่อถามว่า สังคมกำลังวิจารณ์ว่านักการเมืองสังกัดรัฐบาลจะได้รับการเลือกปฏิบัติ แต่หากเป็นชาวบ้านทั่วไปอาจติดคุกไปแล้ว พล.อ.ประวิตรกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “เฮ้ย! พวกคุณพูดกันไปเองจะไปติดคุกได้อย่างไร ยังไม่มีการดำเนินการอะไรเลย จึงไม่มีทาง ไม่ว่าจะเป็นใครหรือชาวบ้านก็ยังไม่ติดคุกทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องดำเนินการตามขั้นตอนแล้วถึงจะมีการดำเนินคดี แม้จะมีการแจ้งความแล้วก็ต้องไปตรวจสอบดำเนินการตามขั้นตอนของคดีก่อนให้เรียบร้อย ก่อนที่จะตัดสิน อยู่ดีๆ จะเอาคนไปติดคุกได้อย่างไรไม่มีหรอก”
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ เปิดเผยว่า ได้ทำการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายสิระ พบว่ามีพิรุธเกี่ยวกับการถือครองที่ดิน ที่ได้ยื่นต่อ ป.ป.ช. จำนวน 2 แปลง ในพื้นที่หมู่ 8 ต.ปัถวี อ.มะขาม จ.จันทบุรี โดยเป็นที่ดินที่อยู่ติดกันแปลงละ 50 ไร่ แต่กลับมีการแสดงราคาต่อ ป.ป.ช.แตกต่างกันถึง 90 ล้านบาท เเปลงเเรกคือ เลขที่ 97 แสดงราคา 100 ล้านบาท และแปลงที่ 2 เลขที่ 98 แสดงราคา 10 ล้านบาท จึงเป็นเหตุอันควรสงสัยที่ ป.ป.ช. ตรวจสอบตามหน้าที่และอำนาจต่อไป ว่าการยื่นบัญชีที่ดินทั้ง 2 แปลงดังกล่าว ซึ่งเป็นของคู่สมรสของนายสิระ เป็นไปโดยความถูกต้องหรือไม่
ขณะที่นายสิระชี้แจงว่า แจ้งราคาผิด แต่ได้ให้ทนายความไปแก้ไขต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 19 ก.ย. โดยแก้ไขเป็นมูลค่าปัจจุบัน 10 ล้านบาท เนื่องจากพิมพ์ผิดพลาด และไม่ได้ตรวจทานโดยถี่ถ้วน ทั้งนี้ ขอเตือนนายเรืองไกรว่าอย่าตรวจสอบในการกลั่นแกล้ง ที่ผ่านมาได้รับความเสียหายสองเรื่องแล้ว สงสัยครั้งนี้ต้องให้ทนายตนจัดการแล้ว
ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบเอาผิดนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กรณีครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 2 แปลงรวม 200 ไร่ ในหมู่ที่ 8 ต.ห้วยยูง จ.กระบี่ นายเกียรติ เหลืองขจรวิทย์ ส.ส.ลพบุรี พรรคภูมิใจไทย ถือครองที่ดิน ส.ป.ก.3 จำนวน 67 แปลง และที่ดิน ภ.ท.บ.5 จำนวน 13 แปลง 133 ไร่ และนายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคพลังประชารัฐ มีที่ดิน ภ.ท.บ.5 จำนวน 2 แปลง 498 ไร่ ซึ่งน่าจะขาดคุณสมบัติของการมีสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นเท่ากับว่าอาจมีเจตนาที่จะทุจริตต่อหน้าที่ตาม กฎหมาย ป.ป.ช. พ.ศ.2561 และอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ 2561 อย่างร้ายแรงในข้อ 7 ข้อ 8 และข้อ 9 และยังเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลักในข้อ 11 ข้อ 12 ข้อ 17 และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมทั่วไปในข้อ 21 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 219
นอกจากนี้ จะยื่นคำร้องไปยังกรมป่าไม้ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ให้เอาผิด ส.ส.ทั้งสาม นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบ ส.ส.เพิ่มเติมอีก 2-3 คน ที่น่าจะเข้าข่ายกรณีเดียวกัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |