เหลือเวลาหาเสียงอีกประมาณ 25 วัน หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดวันและเวลาในการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 7 จ.ขอนแก่น ในวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค.62 เวลา 08.00-17.00 น.
พร้อมกับกำหนดวันรับสมัครเลือกตั้งในวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย. ถึงวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค.62 เวลา 08.30-16.30 น. โดยไม่เว้นวันหยุดราชการ
ถือเป็นอีกสนามเลือกตั้งซ่อมที่สำคัญไม่แพ้การเลือกตั้งซ่อมเขต 5 จ.นครปฐมที่ผ่านมา เพราะ 1 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรขณะนี้ล้วนมีความหมาย
โดยปัจจุบันพรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงในสภาจำนวน 253 เสียง ฝ่ายค้าน 244 เสียง และฝ่ายค้านอิสระ 2 เสียง คือ พรรคไทยศรีวิไลย์ และพรรคประชาธรรมไทย
ยังจัดว่าเป็น "เสียงปริ่มน้ำ" เพราะแม้ฝ่ายรัฐบาลจะมีมากกว่าฝ่ายค้าน 11 เสียง แต่เมื่อตัดประธานสภาผู้แทนราษฎร รองประธานสภาคนที่ 1 และ 2 ซึ่งต้อง "งดออกเสียง" จะทำให้มีช่องว่างห่างกันแค่ 8 เสียงเท่านั้น
เป็นคะแนนที่หายใจรดต้นคอ ดังนั้นหากชัยชนะในสนามเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 7 จ.ขอนแก่นตกเป็นของฝ่ายค้าน จะทำให้ช่องว่างลดไปอีก เหลือห่างเพียง 7 เท่านั้น
กลับกันหากเป็นฝ่ายรัฐบาลชนะการเลือกตั้งในเขตนี้ได้ จะรักษาช่องว่างเดิมเอาไว้ 8 เสียง สนามเลือกตั้งซ่อมที่ดินแดนหมอแคนหนนี้จึงมีความหมายอย่างมาก
และเขตนี้น่าจะเป็นการแข่งขันกันระหว่างพรรคเพื่อไทย ในฐานะแชมป์เก่า ซึ่งการเลือกตั้งใหญ่เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 นายนวัธ เตาะเจริญสุข เป็นฝ่ายชนะ กับพรรคพลังประชารัฐที่ครั้งก่อนส่ง นายสมศักดิ์ คุณเงิน ลงแข่ง และแพ้ให้นายนวัธเพียง 3,157 คะแนน
โดยการเลือกตั้งดังกล่าวนายนวัธได้ 29,710 คะแนน นายสมศักดิ์ได้ 26,553 คะแนน นายสมควร ไกรพน จากพรรคอนาคตใหม่ได้ 12,414 คะแนน และนายนาวิน คำเวียง จากพรรคประชาชาติได้ 9,350 คะแนน
แต่ครั้งนี้พรรคเพื่อไทยไม่สามารถส่งนายนวัธได้ จึงตัดสินใจส่ง นายธนิก มาสีพิทักษ์ ซึ่งครั้งก่อนเคยมีปัญหากับนายนวัธแย่งกันลงสมัครในเขตดังกล่าว ก่อนสุดท้ายต้องถูกจับไปอยู่ในบัญชีรายชื่อ
ส่วนพรรคพลังประชารัฐยืนยันผู้สมัครคนเดิมคือ นายสมศักดิ์ ที่เคยพ่ายแพ้ให้นายนวัธเพียงนิดเดียว และคาดหวังไว้สูงมากว่าครั้งนี้จะล้มแชมป์ได้
สำหรับนายธนิกและนายสมศักดิ์ เป็นคนจังหวัดขอนแก่นและเป็นอดีต ส.ส.ทั้งคู่ ที่สำคัญมีพื้นเพอยู่ในเขต 7 อ.หนองเรือ และ อ.มัญจาคีรี จึงเป็นคู่ขับเคี่ยวที่สูสี
ในส่วนของนายสมศักดิ์แม้จะแพ้ให้นายนวัธครั้งก่อน แต่ถือว่าเป็นพวก "ดาวฤกษ์" ที่มีแสงในตัวเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งกระแสพรรคเท่าไร
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาลงทำพื้นที่ใน จ.ขอนแก่นและภาคอีสานมาตลอด ในฐานะประธานมูลนิธิน้ำเพื่ออีสาน และประธานสภาเกษตรกรจังหวัดขอนแก่น แม้แต่ในช่วงที่สอบตกก็ยังลงทำพื้นที่จนมีฐานเสียงของตัวเอง
ขณะที่นายธนิกแม้จะถูกจับไปลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ก็เป็นคนที่อยู่ในพื้นที่ตลอดเช่นเดียวกัน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พรรคเพื่อไทยเลือกเขา แทนที่จะเป็นนายอดิศร เพียงเกษ ที่แม้จะมีชื่อเสียงมากกว่าก็ตาม
ครั้งนี้นายสมศักดิ์มีความได้เปรียบในแง่ของการเป็นผู้สมัครจากพรรครัฐบาล ที่สามารถนำปัญหาพี่น้องประชาชนไปสู่การแก้ไขได้ ส่วนนายธนิกนั้นมีเรื่องคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยที่ยังเข้มขลังในถิ่นอีสาน
ขณะเดียวกันนายสมศักดิ์มีพลังภายในจากพรรคต้นสังกัด ที่ช่วยสนับสนุนเต็มในการโค่นแชมป์เก่าให้ได้เพื่อเพิ่มเสียงให้รัฐบาล รวมถึงยังมีนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่รับผิดชอบ จ.ขอนแก่น และภาคอีสานตอนบนมาช่วยลงแรงอีกคน
นายเอกราชเองต้องการเพิ่มปริมาณ ส.ส.ของกลุ่มภายในพรรคเพื่ออำนาจต่อรอง เนื่องจากปัจจุบัน ส.ส.ในกลุ่มมีเพียงไม่กี่คน จึงน่าจะออกแรงช่วยนายสมศักดิ์ราวกับลงสมัครเอง
เป็นอีกเขตที่หลายฝ่ายจับตาว่าอาจมีรายการล้มแชมป์เก่าได้ เหมือนกับการเลือกตั้งซ่อมเขต 5 จ.นครปฐม ที่นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ สามารถล้มพรรคอนาคตใหม่ได้แล้วครั้งหนึ่ง
ถึงตรงนี้อาจพูดได้ว่า นอกจากเป็นศึกฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ยังเป็นศึก "พลังประชารัฐ-เพื่อไทย" อีกด้วย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |