อนาคตใหม่ฝันพรรคหลักแก้วิกฤติ


เพิ่มเพื่อน    

“สมชาย” ลั่น 16 มี.ค. ล่าชื่อครบยื่นตีความกฎหมายลูกว่าด้วย ส.ว.แน่ เพราะไม่กระทบโรดแมป ส่วนกรณี ส.ส.ทำแล้วไม่คุ้ม กรธ.แนะควรยื่นทั้ง 2 ฉบับ “ธนาธร” เปิดตัวพรรคอนาคตใหม่แล้ว วาดฝันสวยหรูไม่ใช่ไม้ประดับ แต่จะเป็นพรรคหลักพาชาติพ้นวิกฤติขัดแย้ง สร้างสังคมอุดมคติยูโทเปีย ย้ำจุดยืนตอนนี้ไม่เอานายกฯ คนนอก “บิ๊กป้อม” เขี่ยทิ้งข้อเสนอปลดล็อกทันที บอกอยู่ที่ คสช.ตัดสิน วิษณุเตือนทำอะไรอย่าล้ำเส้น
เมื่อวันพฤหัสบดี นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์  ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ท้วงติงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่าได้รับเอกสารจากนายมีชัยแล้ว และได้มีการพิจารณาร่วมกันหลายคน เห็นว่าควรยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อให้เกิดความชัดเจน แต่จะไม่ให้กระทบต่อโรดแมป เพราะที่ผ่านมาศาลใช้เวลาวินิจฉัยไม่เกิน 3 เดือน ประกอบกับร่างกฎหมายลูก ส.ส.ได้ขยายเวลาการบังคับใช้เผื่อออกไป 90 วัน แล้วจึงจะยื่นเฉพาะร่างกฎหมายลูก ส.ว.
“ขณะนี้อยู่ระหว่างร่วมกันยกร่างฯ ว่าจะยื่นประเด็นใดบ้าง เพราะสิ่งที่นายมีชัยท้วงติงมา สนช.เห็นว่าบางประเด็นไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงจะยื่นเฉพาะประเด็นที่น่าสงสัย ส่วนการรวบรวมรายชื่อ คาดว่าในวันที่ 16 มี.ค. น่าจะทำทุกอย่างเสร็จสิ้น” นายสมชายกล่าว และว่า ส่วนร่างกฎหมายลูก ส.ส. ถ้ายื่นศาลเห็นแล้วว่าไม่คุ้ม เพราะกระทบต่อโรดแมปเลือกตั้ง เว้นแต่พรรคการเมืองต่างๆ หรือใครอยากให้สิ้นกระแสความ ก็แจ้งความประสงค์มายัง สนช. แต่ขณะนี้ยืนยันว่ายื่นเฉพาะร่างกฎหมายลูก ส.ว.เท่านั้น
นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ กรธ. กล่าวว่า ต้องรอความชัดเจนจาก สนช.ในวันที่ 16 มี.ค. ว่าจะสรุปยื่นกี่ฉบับ แต่หากยื่น พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ฉบับเดียว ยังมีอีกช่องทางหนึ่งคือ นายกรัฐมนตรีก็สามารถยื่น พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ได้ ส่วนข้อห่วงกังวลว่า หากไม่ยื่นร่าง พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส.ให้วินิจฉัย แล้วภายหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ เกิดมีมือดีไปยื่น ก็แน่นอนว่าจะเกิดปัญหา เพราะไม่รู้จะถูกร้องประเด็นใดบ้าง หากเป็นสาระสำคัญ กฎหมายตกไปทั้งฉบับ ต้องร่างกันใหม่ ซึ่งหากเป็นก่อนการเลือกตั้ง ก็จะกระทบโรดแมปเลือกตั้งที่ต้องเลื่อนออกไปแน่นอน เพราะต้องร่างใหม่ แต่หากเกิดหลังเลือกตั้ง การเลือกตั้งก็ต้องโมฆะ ซึ่งฝ่ายการเมืองจะโจมตีกันวุ่นวายแน่นอน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นช่วงไหน จึงเห็นว่าควรยื่นให้ศาลวินิจฉัยทั้ง 2 ฉบับ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้ส่งร่างกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า ยังไม่ทราบ ตอบไม่ถูกในขณะนี้ แต่ไม่ถึงขนาดเป็นการโยนภาระให้รัฐบาล เพราะการจะยื่นให้ศาลได้ก็มีเพียงให้ สนช.ยื่น หรือให้ ครม.ยื่นเท่านั้น เมื่อเขามีปัญหาก็อาจให้รัฐบาลเป็นฝ่ายยื่นก็ได้เหมือนในอดีต แต่รัฐบาลจะเป็นฝ่ายเสนอให้หรือไม่ ก็จะพิจารณากันอีกทีหนึ่ง ต้องดูผลกระทบหลายอย่าง ตอนนี้ขอให้รอหนังสือนั้นมาถึงก่อน เพราะยังไม่มีการประสานมาที่รัฐบาลเลย เพียงแต่มีการคุยๆ กันเท่านั้น และไม่ถือเป็นเผือกร้อนอะไร
     “ตอนนี้ยังไม่อยากพูดอะไร เดี๋ยวเขาเห็นผมพูดเขาอาจบอกว่าดีแล้วรัฐบาลเอาไปทำเถอะ เพราะฉะนั้นยังไม่อยากพูดอะไรที่จะชี้โพรงให้กระรอก ซึ่งกระรอกมีหลายตัวด้วย และไม่อยากให้เป็นข่าวว่า วิษณุแบะท่า, อ้าขาผวาปีก, เตรียมรับ ผมไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น”นายวิษณุกล่าว 
     เมื่อถามถึงการเลือกตั้งจะมีขึ้นก่อน ก.พ.2562 แน่นอนใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า อย่างช้า ก.พ.2562 พูดอะไรพลาดนิดเดียวไม่ได้ ถ้าเผลอพยักหน้าไปนี่ซวยเลย แต่ถ้าถึงตอนนั้นเกิดฟ้าถล่ม ดินทลาย การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป ก็ไม่รู้จะตอบคุณยังไงแล้ว แต่คิดว่าประชาชนเข้าใจ 
“อนาคตใหม่” เปิดตัว
วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ที่ warehouse 30 ซอยเจริญกรุง 30 ซึ่งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานบริษัท ไทยซัมมิทฯ จัดกิจกรรม “ร่วมกินกาแฟกับธนาธร” เพื่อเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของคนหลากหลายวงการ โดยมีผู้ก่อตั้งทั้งสิ้น 26 คน ตั้งแต่ 20-60 ปี โดยสมาชิกพรรคที่อายุน้อยที่สุดคือ นายกฤตนัน ดิษฐบรรจง นักศึกษาคณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง อายุ 20 ขณะมี่สมาชิกพรรคที่อายุมากที่สุดคือ นายชำนาญ จันทร์เรือง อดีตประธานแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย อายุ 60 ปี
นายธนาธรกล่าวถึงจุดประสงค์การก่อตั้งพรรคว่า  เป็นพื้นที่สำหรับคนที่ไม่ยอมจำนวนต่อสภาวการณ์ปัจจุบัน อนาคตใหม่คือการเชิดชูและเทิดทูนคุณค่าประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน อนาคตใหม่คือการต่อสู้เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าและเป็นธรรมแก่คนทุกคน อนาคตใหม่คือความเชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์ ซึ่งมีความฝันและจินตนาการ และมีสิทธิที่จะได้เดินตามความฝันและปกป้องความฝันของตัวเองไว้
“ภายใต้ความขัดแย้งทางการเมืองที่ยาวนาน การกดขี่ลิดรอนเสรีภาพของประชาชน การใช้กำลังอันป่าเถื่อน และกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ปิดปากความคิดเห็นที่คิดต่างจากผู้มีอำนาจ ผมชื่นชมและภูมิใจในกลุ่มคนที่เข้าร่วมกับผม ที่มาร่วมสร้างพรรคการเมืองใหม่นี้ด้วยกัน” นายธนาธรกล่าว
นายปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค กล่าวว่า ประเทศไทยตกอยู่ในสถานการณ์การเมืองแบบแบ่งขั้วชนิดไม่สามารถหาจุดร่วมกันได้เลย เป็นอุปสรรคต่อการเจรจาหารือกัน ขณะที่การเมืองแบบเผด็จการทหารเองก็ปิดกั้นสิทธิและเสรีภาพของประชาชน กดทับปัญหาทั้งหมดไว้อยู่ใต้อำนาจปืน ทำให้ความขัดแย้งไม่อาจยุติลงได้ และไม่สามารถแสวงหาฉันทามติร่วมกันของคนในชาติได้ ตรงกันข้าม ความขัดแย้งนั้นกลับร้าวลึกลงไปยิ่งกว่าเดิม ขณะที่ผู้สนับสนุนแต่ละฝ่ายต่างทุ่มเทกำลังเพื่อทะเลาะเบาะแว้ง ทั้งที่ผู้สนับสนุนทั้ง 2 ฝ่ายต่างเป็นประชาชน ผู้ใฝ่ฝันถึงระบอบการเมือง เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมีแต่ทำให้ประชาชนแย่ลง ขณะที่ผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คนกลับตักตวงเอาผลประโยชน์จากความขัดแย้ง
นายปิยบุตรกล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่นำเสนอนโยบายก้าวหน้า ที่เน้นการกระจายอำนาจ นโยบายที่ทำให้ประชาชนมีโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียม พัฒนาคุณภาพชีวิต ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงทุนและทรัพยากร ทำลายการผูกขาดทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมให้ประชาชนเท่าทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลกที่มาพร้อมกับโอกาสและความท้าทาย สร้างกฎหมายให้ทันกับยุคสมัย โดยมีประชาชนทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าของพรรค ผ่านการระดมทุนและระดมสมอง บริหารจัดการผ่านประชาธิปไตยในระดับรากฐาน
“พวกเราเห็นพ้องต้องกันว่า ควรมีพลังใหม่เพื่อนำพาประเทศออกจากภาวะวิกฤติ พวกเราจึงรวมตัวกันตั้งพรรคเพื่อความหวังในการกลับสู่ประชาธิปไตย เปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ และปรับภูมิทัศน์การเมืองไทยให้ดีขึ้น ซึ่งพรรคจะทำให้ประชาชนไทยเห็นร่วมกันว่าเราสามารถกลับสู่การเมืองแบบประชาธิปไตยได้ จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ซึ่งกองทัพใช้เป็นเหตุผลสำหรับเป็นคนกลางเพื่อเข้ามาแก้ไข ทั้งที่ความจริงแล้ว กองทัพเป็นคู่ขัดแย้งและเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา พร้อมสร้างภาพหลอนที่น่าสะพรึงกลัวเสมอ ว่าหากกลับไปสู่ประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง ความขัดแย้งวุ่นวายจะกลับมาอีก ทำให้คนจำนวนมากต้องอยู่กับรัฐบาลทหารเรื่อยไป จนคนบางกลุ่มคิดไปว่าการเมืองแบบประชาธิปไตยนั้น หดหู่ น่าผิดหวัง และไม่สามารถแก้ปัญหาได้” นายปิยบุตรกล่าว
โอ่ขอเป็นพรรคหลัก
เมื่อถามว่า พรรคจะลบภาพของความเป็นนายทุนและภาพของอาจารย์คณะนิติราษฎร์ ที่เคยเคลื่อนไหวไม่เห็นด้วยกับกฎหมายมาตรา 112 อย่างไร นายปิยบุตรตอบว่า วันนี้เปลี่ยนบทบาทมาลงสนามการเมือง พรรคนี้เป็นของสมาชิกทุกคน ซึ่งนโยบายที่จะนำเสนอมีหลากหลาย ที่จะเกิดจากการตัดสินใจของสมาชิก และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ส่วนคณะนิติราษฎร์นั้น ก็ยังเป็นกลุ่มนักวิชาการที่ใช้เสรีภาพในการนำเสนองานวิชาการต่อไป ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกันกับตนเอง
นายธนาธรกล่าวว่า จะทำให้พรรคยืนอยู่บนหลักการประชาธิปไตยที่สุด เราจะเดินหน้าเพื่อโมเดลของพลังสังคมที่เราอยากให้เป็น ซึ่งพรรคไม่ใช่ของตนเองหรือนายปิยบุตร แต่เป็นพรรคของพวกเราที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง เราจะทำให้ประชาธิปไตยอยู่ในการตัดสินใจของสมาชิกทุกลำดับชั้น ตั้งแต่การทำยุทธศาสตร์พรรคไปจนถึงนโยบายพรรค ไม่ต้องการที่จะทำให้พรรคเติบโตด้วยเงินของตนเอง แต่จะเป็นการระดมเงินทุนจากประชาชน โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย
“พรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่พรรคเลือกข้าง แต่เรามีจุดยืน ข้างไหนที่ล้ำเส้นจุดยืนนี้ เราจะต่อต้านและโจมตี ทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทย นายทักษิณ ชินวัตร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ้าข้ามเส้นจุดยืนเมื่อไหร่ เราจะวิพากษ์วิจารณ์และต่อต้านทันที ซึ่งสมาชิกเราชัดเจนเรื่องนี้ เราไม่ใช่พรรคทางเลือก แต่จะเป็นพรรคทางหลัก ที่มีส่วนร่วมแก้ปัญหาประชาธิปไตย และพาสังคมเดินไปข้างหน้า ทุกพรรคการเมืองจะเป็นคู่แข่งของเรา เราจะต่อสู้ในสนาม ทุกเขตเลือกตั้ง ทุกชนชั้นอาชีพ เพื่อทุกคะแนนเสียง อุดมการณ์ทางการเมืองจะเป็นตัวกำหนด ว่าจะถือข้างใคร อย่างไหน เมื่อไหร่ ตราบใดที่เราทำงานการเมืองอยู่ จะไม่ประนีประนอมกับจุดยืนนี้ ถ้าตราบใดพรรคอนาคตใหม่ประนีประนอมกับจุดยืนนี้ ผมจะเป็นคนแรกที่ลาออกเอง” นายธนาธรกล่าว
นายธนาธรกล่าวว่า ขณะนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่ปลดล็อกทางการเมือง จึงไม่สามารถเสนอนโยบายกับประชาชนในชนบทได้ ทั้งเรื่องเกษตรกรและปัญหาคนจน เรายังพูดสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้ ขอฝากให้ช่วยกันบอกรัฐบาล และ คสช.ให้ปลดล็อกตรงนี้ให้เรา กฎกติกาที่มาจากทั้งรัฐธรรมนูญ 2560 และ พ.ร.บ.ประกอบการเลือกตั้งทำให้เราเสียเปรียบพรรคใหญ่มากพออยู่แล้ว อย่าทำให้เราเสียเปรียบเรื่องเวลาอีกเลย
เมื่อถามว่า หากมีเก้าอี้ในรัฐสภาจะรวมกับพรรคอื่น เช่นประชาธิปัตย์หรือเพื่อไทยหรือไม่ และมีรายชื่อใครที่จะเสนอเป็นนายกฯ หรือพร้อมที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ นายธนาธรตอบว่า เราไม่ได้หวังให้พรรคเป็นเสียงส่วนน้อย และหวังให้ชนะเลือกตั้ง เรามองทุกพรรคเป็นศัตรู คู่แข่ง ส่วนเมื่อเลือกตั้งไปแล้วจะทำงานร่วมกับพรรคไหนอย่างไร เรายังไม่รู้ เพราะยังไม่เห็นผลการเลือกตั้ง แต่เราจะทำให้ดีที่สุดเพื่อทุกคะแนนเสียง แต่จากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นไม่สามารถบอกได้ แต่อย่างเดียวเท่านั้นที่เราพูดได้ คือเราไม่รับนายกฯ คนนอก นี่คือสิ่งที่เรายืนยันได้วันนี้ แต่เรื่องไกลกว่านั้น จะร่วมมือกับพรรคไหน จะเสนอนายกฯ เป็นใคร เราไม่มีคำตอบในวันนี้ และไม่จำเป็นต้องตอบในวันนี้ แต่จะทำจากวันนี้ไปจนถึงการเลือกตั้งให้ดีที่สุด
ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายธนาธรพร้อมคณะได้มายื่นคำขอจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมือง ซึ่งถือเป็นกลุ่มการเมืองลำดับที่ 58 โดยนายธนาธรกล่าวถึงสีส้มของพรรคว่า เป็นสีที่มีพลัง สดใส อรุณรุ่ง ผ่องอำไพ ส่วนโลโก้พรรคที่เป็นสามเหลี่ยมหัวกลับ ข้างบนเป็นฐานหมายถึงประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งเราจะทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
    เมื่อถามว่า เป็นเหตุบังเอิญหรือไม่ เพราะสีส้มคือสีที่เกิดจากการผสมระหว่างสีเหลืองกับสีแดงนั้น นายธนาธรกล่าวว่า ไม่ได้มองอย่างนั้น แต่เราเห็นว่าเป็นสีที่สร้างสรรค์
เมินข้อเสนอปลดล็อก
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายธนาธรขอให้ปลดล็อกพรรคการเมืองว่า เขาสามารถคิดได้ ให้เขาคิดไป ส่วนจะทำหรือไม่เป็นเรื่องของ คสช.
ส่วนนายวิษณุไม่ปฏิเสธแสดงความเห็นเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมของนายธนาธร โดยระบุให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปว่ากันเอง ซึ่งวันนี้เสรีภาพมันมีอยู่ในการพูด เขียน แสดงความคิดเห็น เว้นแต่จะไปล้ำเส้นในส่วนที่เขากำหนดไว้ ฉะนั้นไปดูให้ดีว่า ถ้าคุณไม่ล้ำเส้นตรงนั้นก็ทำได้ ส่วนการเปิดโต๊ะแถลงข่าวทำได้หรือไม่ ไม่รู้ ตอบไม่ถูก ถ้าบอกว่าได้ เขาก็ทำเพราะเชื่อตนเอง หากถูกจับตนเองเดือดร้อนเลย ซึ่งไม่ได้ตอบว่าทำได้ แต่เชื่อว่าพวกคุณก็รู้อยู่แล้ว ก็ลองทำดูสิ อาจมีอะไรเกิดขึ้นก็ได้
เมื่อถามว่า คสช.จะพิจารณาใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ทั้ง คสช.และส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะตำรวจเมื่อคำสั่งออกไปแล้วจะเป็นผู้ปฏิบัติ พรรคการเมืองก็อย่าทำอะไรให้เกินเส้น หรือล้ำความสงบเรียบร้อยเท่านั้นพอแล้ว ความเหมาะสมเชื่อว่ารู้กันอยู่ เพียงแต่อยากท้าทาย อย่าไปท้าทายเลย บรรยากาศกำลังดีอยู่ ชอบใจ ผบ.ทบ.ที่บอกว่าอย่าไปทำอะไรที่ท้าทาย ตื่นเช้ามาให้เห็นข่าวดีๆ ก็สบายใจดีอยู่แล้ว
“ตอนนี้ผมสนใจละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ย้อนกันไปเถอะอดีต มองอนาคตไม่เห็น หมายถึงอนาคตตามนิยาย บุพเพแปลว่าเมื่อก่อน ส่วนอนาคตไม่รู้ สุดท้ายหมื่นเดชจะได้แต่งกับการะเกด ผมไม่รู้มันจะจบอย่างไร รู้อยู่แค่จะแข่งเรือแข่งพายอะไรกันอยู่สองวันนี้ นี่หมายถึงในละครที่นางเอกขอพระเอกไปเชียร์แข่งเรือ ไปเป็นกองหนุน แต่ผมรู้ว่าแข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แต่วาสนาแข่งไม่ได้ รู้แค่นั้น” นายวิษณุกล่าว
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงพรรคน้องใหม่ที่พร้อมเข้าบริหารประเทศ
ว่า ไม่ว่าพรรคการเมืองใดก็ต้องการเข้ามามีบทบาททางการเมือง และหวังนำแนวคิดของตัวเองมาผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่หลังจากนี้ยังมีอีกหลายขั้นตอนที่ทั้งพรรคการเมืองใหม่และเก่าจะต้องปฏิบัติ ดังนั้นต้องรอดูต่อไปว่าจะมีพรรคการเมืองทำได้มากน้อยแค่ไหน หรือทำได้หรือไม่ เมื่อถึงเวลาดังกล่าวก็จะชัดเจนมากขึ้น 
    “ยอมรับว่าการมีพรรคการเมืองใหม่เพิ่มขึ้นมาก จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องตั้งใจทำงานขึ้น และต้องกำหนดทิศทางนโยบายการทำงานเพื่อให้พรรคมีความเข้มแข็งและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ผู้บริหารพรรคเตรียมดำเนินการอยู่แล้ว” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณีนายพชร นริพทะพันธุ์ บุตรชาย ออกมาแสดงความเห็นส่วนตัว แต่ถูกคนในพรรคติติงว่า เป็นความงดงามของระบอบประชาธิปไตย ที่พรรคเพื่อไทยต่อสู้เรื่องนี้มาโดยตลอด และยินดีสำหรับทุกความเห็น และอยากเห็นความเบ่งบานของระบอบประชาธิปไตยนี้เพื่อทำให้ประเทศเจริญและพัฒนาต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"