26 พ.ย.62- น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ เปิดเผยว่า จากการแถลงของสภาพัฒน์ฯ แถลงว่า กลุ่มสินค้าส่งออกที่มูลค่าลดลง คือ ข้าว (ลดลงร้อยละ 35.1) มันสำปะหลัง (ลดลงร้อยละ 27.3) ยางพารา (ลดลงร้อยละ 3.9) แผงวงจรรวมและชิ้นส่วน (ลดลงร้อยละ 8.4) เครื่องจักรและอุปกรณ์ (ลดลงร้อยละ 7.2) ผลิตภัณฑ์ยาง (ลดลงร้อยละ 14.2) รถยนต์นั่ง (ลดลงร้อยละ 4.4) ชิ้นส่วนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (ลดลงร้อยละ 10.6) ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (ลดลงร้อยละ 29.3) และเคมีภัณฑ์ (ลดลงร้อยละ 18.8) เป็นต้น ด้านการนำเข้าสินค้าก็ลดลงร้อยละ 6.8 (ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สาม) โดยส่วนใหญ่สินค้าที่ลดลงคือหมวดที่เป็นวัตถุดิบในการผลิต ส่วน NPL หนี้เสียเพิ่มขึ้น 12.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 2.81% ต่อสินเชื่อรวม อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลด GDP เหลือ 2.6 จากปลายปี 2561 คาดการณ์ว่า GDP ปีนี้จะมีค่า 3.8
น.ส.เกศปรียา กล่าว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจเหล่านี้บ่งบอกว่า เศรษฐกิจฐานรากของประเทศไปไม่รอดแล้ว การส่งออกสินค้าเกษตรหลักๆ ลดลงปริมาณมากทั้งข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา เกษตรกรซึ่งเป็นฐานอาชีพใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศจะเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น จนแทบไม่มีกำลังซื้อแล้ว สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ รถยนต์ เคมีภัณฑ์ ปิโตรเลียม ยอดการส่งออกก็ลดลงอาจจะเพราะค่าเงินบาทแข็งราคา ไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ เมื่อมาดูยอดการนำเข้าวัตถุดิบในการผลิตลดลง ซึ่งประชาชนกลุ่มที่จะต้องเดือดร้อนในเมื่อโรงงานหยุดการผลิตก็คือ พนักงานของแต่ละโรงงานนั่นเอง แค่สองกลุ่มนี้ก็มีผลกระทบโดยตรงกับเศรษฐกิจในครัวเรือนของคนทั้งงประเทศแล้ว
"คณะทำงานเศรษฐกิจรัฐบาลนี้จะทำอย่างไรต่อ ถ้าจะทุ่มงบออกมาโฆษณาชวนเชื่อว่าเศรษฐกิจดี ก็คงจะไม่ได้ผล เพราะตอนนี้คุณสมคิดก็ลอยตัวบอกว่าเหลือเพียงคลังที่ยังเครื่องไม่ดับ ที่เหลือดับหมดแล้ว และเรื่องเศรษฐกิจให้ไปถามนายกรัฐมนตรี ส่วนนายกรัฐมนตรีก็บอกทำดีที่สุดแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ทั้งรัฐบาลและผู้สนับสนุนกล่าวหาทุกคนที่ออกมาเตือนว่า ‘เศรษฐกิจไม่ดี’ ว่าเป็นผู้ปล่อยข่าวลวงชังชาติ นี่ยังไม่ได้นำข้อมูลในส่วนของอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น นักศึกษาจบปริญญาตรีตกงานเพิ่มขึ้น คดียาเสพติดเพิ่มขึ้น คดีอาชญากรรมปล้นชิงทรัพย์เพิ่มขึ้น มาบวกเข้ากับปัญหา จะเห็นว่ารัฐบาลนี้บริหารราชการล้มเหลว แม้แต่หัวหน้ารัฐบาลก็ยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยกำลังขาลง"
แต่ขอบอกว่าในความรู้สึกของประชาชนรัฐบาลก็อยู่ในภาวะขาลงเช่นเดียวกับเศรษฐกิจ เพราะตนพูดเรื่องเศรษฐกิจฐานรากจะไปไม่รอดมาหนึ่งปีแล้ว แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ไม่ฟังและไม่พิจารณาความสามารถของตนเองและคนรอบข้าง ทำให้ปัญหาหนักขึ้นเรื่อยๆ ถ้ายอมรับปัญหาตั้งแต่ปีทีแล้ว ยอมให้พรรคที่ได้ ส.ส. สูงสุด และมีความสามารถทางเศรษฐกิจเข้ามาแก้ปัญหา ไม่ใช่อยากมีอำนาจโดยอ้างว่ารักชาติแล้วทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ด้วยจับประชาชนและประเทศทรมานไว้เป็นตัวประกัน ประเทศไทยก็คงไม่มาถึงจุดที่ว่าจะปล่อยให้เศรษฐกิจพังไปพร้อมรัฐบาลที่รักอำนาจของตนมากกว่ารักชาติตามวาจา
"ต้นทุนการรักชาติของคุณประยุทธ์มีมูลค่าสูงมาก สูงเท่ากับมูลค่าเศรษฐกิจของคนไทยประมาณร้อยละ 80 กว่าที่สังคมไทยจะเรียนรู้ว่าต้นทุนความรักชาติของคุณประยุทธ์มีมูลค่าเท่ากับความยากจนของคนไทย ประมาณร้อยละ 80 และมูลค่าความเชื่อมั่นในสถาบันทหาร ตุลาการ ที่สูญไปจากประชาชนกว่าครึ่งประเทศที่ประเมินค่ามิได้ ว่าเกิดจากการต้องการมีอำนาจด้วยการกระทำทุกวิธีทาง แต่ไม่ประเมินความสามารถตนเองในการบริหารเศรษฐกิจของผู้อยากมีอำนาจ วาจาที่อ้างว่ารักชาติของรัฐบาลและผู้สนับสนุนเป็นการทำร้ายและทำลายชาติกว่าวาทกรรมชังชาติมากมาย" น.ส.เกศปรียา กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |