"บิ๊กป้อม" ชี้ที่ดิน "ปารีณา" รุกล้ำเขตป่าต้องดำเนินคดีตาม กม. ไม่มีใครปกป้องได้ "วราวุธ" ลั่นไม่มีแรงกดดันแม้เป็น ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน "อธิบดีกรมป่าไม้" เผยไม่เกิน 27 พ.ย.แจ้งเอาผิด "เอ๋" บุกรุกป่าสงวนฯ 46 ไร่ "ธรรมนัส" ซ้ำดาบสองฟันคดีแพ่ง ใช้ประโยชน์ที่ดินรัฐโดยมิชอบ "ประมวล" แฉมีนักการเมือง-ขรก.-นายทุนฮุบป่าอีกอื้อ จี้รัฐเร่งตรวจสอบยึดคืน

    เมื่อวันที่ 25 พ.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้เข้าตรวจสอบและรังวัดที่ดินเขาสนฟาร์ม อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี  พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พบรุกล้ำเขตป่า 46 ไร่ว่า เจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ต้องพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่งในส่วนของรายละเอียด ตนไม่ทราบมากนัก ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทำงานก่อน
    พล.อ.ประวิตรยืนยันว่า ถ้าผิดจริงจะไปปกป้องได้อย่างไร ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมาย  ระหว่างนี้ต้องให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สำรวจและตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
    "เรื่องนี้เป็นเรื่องของกฎหมาย ไม่มีใครจะไปปกป้องใครได้ ทุกอย่างต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย" รองนายกฯ กล่าว
    นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้สั่งให้กรมป่าไม้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา แม้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนกัน แต่กฎหมายต้องเท่าเทียมกันและมีความศักดิ์สิทธิ์ ตนไม่มีแรงกดดันใดๆ ไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวข้อง
    ถามว่าในฐานะที่กรมป่าไม้เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก เหตุใดไม่ทำหนังสือถึง ป.ป.ช.เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น นายวราวุธกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของกรมป่าไม้จะต้องไปดำเนินการ เพราะประเด็นที่ดินของ น.ส.ปารีณาสังคมกำลังจับตา จะต้องดำเนินการทุกอย่างด้วยความโปร่งใส
    ส่วนนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ไม่เกินวันที่ 27 พ.ย.กรมป่าไม้จะดำเนินการแจ้งความผู้บุกรุกป่าสงวนฯ ในพื้นที่ 46 ไร่ของ น.ส.ปารีณา ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ และรวบรวมเอกสารให้ชัดเจน
    ซักว่าการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนฯ 46 ไร่ เป็นพื้นที่รับผิดชอบของกรมป่าไม้ทั้งหมดใช่หรือไม่ หรือเป็นที่ดินที่กรมป่าไม้มอบให้ ส.ป.ก.ดูแลด้วย อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวว่า เป็นพื้นที่ป่าสงวนฯ และพื้นที่ป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ที่กรมป่าไม้ดูแลอยู่ ซึ่งกรมป่าไม้ตรวจสอบตามสภาพพื้นที่ไม่ได้ตรวจสอบตามเอกสาร ส่วนที่ น.ส.ปารีณาไปแจ้งครอบครอง ภ.บ.ท.5 กับ ป.ป.ช.ก็เป็นหน้าที่ที่ ป.ป.ช.จะต้องไปตรวจสอบเอง
    ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้สั่งการด่วนที่สุดถึงนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ให้ดำเนินการกรณี น.ส.ปารีณาครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน เพราะนายวิณะโรจน์รายงานว่าที่ดินซึ่ง น.ส.ปารีณาแสดงบัญชีแสดงทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.และบัญชีแสดงการจดทะเบียนครอบครองฟาร์มไก่เนื้อจากกรมปศุสัตว์ พบฟาร์มไก่เขาสน 1 และ 2 ตั้งอยู่เลขที่ 109 หมู่ที่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี พบเขาสน 1  อยู่ในเขตพื้นที่ปฏิรูปที่ดินทั้งหมดเนื้อที่ประมาณ 691 ไร่ ส่วนเขาสน 2 เป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 เนื้อที่ประมาณ 46 ไร่
    "การครอบครองพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินเกินกว่า 50 ไร่ผิดตาม พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม  จึงสั่งให้ยึดคืนทั้งหมด จากนั้นจะให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยการครอบครองที่ดินของครอบครัว น.ส.ปารีณาที่แจ้งว่าเข้ามาใช้ประโยชน์ตั้งแต่ พ.ศ.2489 ก่อนที่กรมป่าไม้จะมอบให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินใน พ.ศ.2536 ซึ่งตามประมวลกฎหมายที่ดินไม่สามารถดำเนินคดีได้แล้ว เนื่องจากครอบครองเกิน 10 ปีจึงหมดอายุความแล้ว แต่ให้พิจารณาว่าสามารถฟ้องร้องทางแพ่งฐานทำให้ที่ดินของรัฐเสียหายและใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาตได้หรือไม่" ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
    รมช.เกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมา ส.ป.ก.ได้ปักป้ายหน้าฟาร์มว่าเป็นที่ดินของ ส.ป.ก. ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 และได้เชิญ น.ส.ปารีณามาอุทธรณ์ โดยหากมีเอกสารการเข้าทำประโยชน์ให้นำมาแสดง จากนั้น ส.ป.ก.จะตรวจสอบว่าการอุทธรณ์และเอกสารที่นำมาแสดงนั้นฟังขึ้นหรือไม่ ถ้าฟังไม่ขึ้นต้องยึดคืน แล้วนำมาจัดสรรใหม่ให้ผู้มีคุณสมบัติเข้าประกอบอาชีพเกษตรกรรม
    "ถ้า น.ส.ปารีณายื่นขอเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ ส.ป.ก. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำการเกษตร แล้ว ทาง ส.ป.ก.ตรวจสอบพบว่ามีคุณสมบัติเป็นเกษตรกร สามารถได้รับหนังสือเข้าทำประโยชน์ ส.ป.ก.4-01 เนื้อที่ไม่เกิน 50 ไร่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกราย โดยตามหลักปฏิบัติ น.ส.ปารีณาต้องมาแสดงตัวกับ ส.ป.ก.ภายใน 30 วัน แต่ยังไม่ได้รับรายงานจากเลขาธิการ ส.ป.ก.ว่า น.ส.ปารีณามาพบหรือยัง" รมช.เกษตรและสหกรณ์กล่าว
    ด้านนายประมวล เอมเปีย อดีต ส.ส.ชลบุรี กล่าวว่า เท่าที่ทราบยังมีนักการเมืองจากหลายพรรค  รวมทั้งข้าราชการและพวกพ่อค้านายทุนอีกจำนวนมากที่ยังบุกรุกและครอบครองที่ป่าไม้ ทั้งป่าสงวนฯ  อุทยานแห่งชาติ ที่ดิน ส.ป.ก. และที่มีมากสุดคืออ้างที่ดิน บ.ภ.ท.5 ซึ่งถือว่าเป็นการได้ที่มาโดยมิชอบและผิดกฎหมาย จะต้องถูกดำเนินคดีให้เสมอเหมือนกัน ถือเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง อย่าลูบหน้าปะจมูกทำแค่ไฟไหม้ฟาง
    "กรณีของ น.ส.ปารีณาและนายทวี ไกรคุปต์ ถือว่าเดินเกมการเมืองพลาด คิดว่ามาอยู่กับพรรคแกนหลักในการตั้งรัฐบาลอย่างพรรค พปชร.และโดดเด่นในหน้าสื่อ เป็นองครักพิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ พล.อ.ประวิตร แล้วจะปกปิดสิ่งที่ตัวเองกระทำสิ่งผิดกฎหมายได้ และไม่เข้าใจเกมการเมือง ไม่ศึกษาประวัติศาสตร์ เพราะสุดท้ายเพื่อความอยู่รอดของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และพวกที่บอกยึดหลักกฎหมาย น.ส.ปวีณาก็ต้องโดนเทเพื่อตัดเนื้อร้ายออกไป ก่อนที่จะลุกลามเข้าตัวรัฐบาล และขอเตือนถ้ามีการละเว้นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผมและทีมงานจะร้องทุกข์กล่าวโทษผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป" นายประมวลกล่าว.