ปีใหม่กับความสำคัญของการรู้-รัก-สามัคคี


เพิ่มเพื่อน    

ยังแค่ออกอาการฉุนๆ...ไม่ถึงกับโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ด้วยเหตุนี้...อะไรที่พอพูดจากันได้ พอจับเข่า จับหัวหน่าว ปรับความไม่เข้าใจ ให้กลายเป็นความเข้าใจเพิ่มขึ้นบ้างนิดๆ ก็ยังดี ย่อมถือเป็นเรื่องที่ดี ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมด้วยกันทั้งสิ้น ด้วยเหตุเพราะความ รู้-รัก-สามัคคี ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อสังคมใดๆ ไปโดยตลอดเท่านั้น แต่สำหรับปีหน้า ฟ้าใหม่ สังคมประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ยิ่งน่าจะต้องการสิ่งที่ว่านี้มากยิ่งๆ ขึ้นไปเท่านั้น...

                                                        ----------------------------------------------

            เพราะเท่าที่ดูจากฉากสถานการณ์ความเป็นไปของโลก ตลอดช่วงปีไก่ ปีระกา ที่ผ่านมา...ต้องเรียกว่า ออกไปทางหวีดหวิว ฉิวเฉียด เป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่การเผชิญหน้าระหว่างประเทศใหญ่กับประเทศเล็ก อย่างมหาอำนาจอเมริกาที่เคยเผชิญหน้ากับอัฟกานิสถาน อิรัก ซีเรีย ลิเบีย ซึ่งสามารถไล่ทุบ ไล่บี้ รุมยำมือ ยำตีน ให้พังพินาศลงไปได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ ชนิดม้วนเดียวจบ แต่หลังๆ นี้...มันกลายเป็นการเผชิญหน้าระหว่างผู้ที่สามารถสร้างความฉิบหาย วอดวาย ให้แต่ละฝ่ายไปด้วยกันทั้งคู่ ไม่ว่าระหว่าง คิมน้อย กับ ทรัมป์บ้า แขก ซาอุฯ กับ อิหร่าน หรือแม้แต่มหาอำนาจสูงสุดอย่างอเมริกากับมหาอำนาจรายใหม่อย่างจีนและรัสเซีย ที่ต้องว่ากันอีกหลายต่อหลายม้วน ต้องต่อภาคสอง ภาคสาม หรือภาคพิสดารไปโน่นเลย...

                                                         -----------------------------------------------

            แม้ว่า ภาวะเศรษฐกิจ ในระดับโลกทำท่าว่าจะดีขึ้นๆ จากเคยโต 3.2 เพิ่มขึ้นมาเป็น 3.6 และอาจไปถึง 3.7 ในปีหน้า แต่ถ้าหากดันต้องมาเจอกับ ภาวะสงคราม ก็ไม่รู้ว่ามันจะหด จะห่อเหี่ยวกันไปถึงขั้นไหน แค่เฉพาะ คิมน้อย กับ ทรัมป์บ้า เปลี่ยนความฉุนเต่า ฉุนตะพาบ ให้กลายเป็นความโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท แบบจริงๆ จังๆ ถึงขั้นต้องสาดบ้องข้าวหลามยักษ์ หล่นไปใส่หัวกบาลของกันและกัน ขึ้นมาเมื่อไหร่ รับรองว่า...ต่อให้ร้อยๆ ป๋าดัน หมื่นๆ เฮียกวง ยังไงๆ ก็คง เอาไม่อยู่ ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

                                                         -------------------------------------------------

            และก็ไม่ใช่แต่เฉพาะ คิมน้อย กับ ทรัมป์บ้า เท่านั้น...ที่ทำให้โลกทั้งโลกต้องนั่งลุ้น นั่งเกร็ง มาโดยตลอดช่วงปีไก่ ปีระกาที่ผ่านมา ความพยายามแย่งกันเป็น พี่เบิ้มใหญ่ ระหว่างซาอุฯ กับอิหร่าน โดยมีอิสราเอลร่วมใส่ฟืน ใส่ไฟ ร่วมยุแยงตะแคงรั่วอย่างเป็นระบบ เป็นกิจการ ส่งผลให้การนับศพในตะวันออกกลาง ยังคงนับไม่เสร็จจนตราบเท่าทุกวันนี้ แม้จะผ่านการนับมาแล้วไม่รู้กี่หมื่น กี่แสนศพ หรือเกือบนับล้านๆ ศพเข้าไปทุกที ยิ่งคุณพ่ออเมริกาท่านโดดมาร่วมด้วยช่วยยุแยง ตะแคงรั่ว ร่วมใส่ฟืน ใส่ไฟ ให้ยิ่งร้อนๆ ขึ้นไปอีก ประกาศยกกรุงเยรูซาเลมให้เป็นของอิสราเอลซะเฉยเลย ยิ่งทำให้โอกาสที่จะร้อนกันไปทั้งโลก ร้อนในระดับ ไฟนรกสุดขอบฟ้า ถูกจุดขึ้นมาจริงๆ ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเป็นไปได้เอาซะเลย...

                                                         -----------------------------------------------

            อีกทั้งการปรากฏตัวของมหาอำนาจรายใหม่อย่างจีนและรัสเซีย ที่หันมาใส่รองเท้าผ้าใบคอนเวิร์ส เดินไปคนละทาง สร้างดาวกันคนละดวง กับมหาอำนาจรายเก่าอย่างคุณพ่ออเมริกา อย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และในแทบทุกกรณีก็ว่าได้ จนทำให้สัมพันธภาพระหว่างมหาอำนาจทั้งสองฝ่าย ตกต่ำ เสื่อมโทรม หนักซะยิ่งกว่ายุค สงครามเย็น เอาเลยด้วยซ้ำ การเผชิญหน้าทางทหาร การงัดอาวุธทำลายล้างระดับอภิมหาวินาศทั้งหลาย ออกมาอวดโชว์ซึ่งกันและกัน ปรากฏให้เห็นในแต่ละภูมิภาค แต่ละแนวรบ พร้อมๆ กับความพยายามบ่อนทำลายเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สังคม ของแต่ละฝ่าย อย่างไม่บันยะบันยังยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...

                                                         -----------------------------------------------

            ภายใต้โลกที่มัน อันตราย ยิ่งขึ้นๆ เช่นนี้...อันนี้นี่แหละ ที่ทำให้ความ รู้-รัก-สามัคคี จึงเป็นอาวุธลับเพียงประการเดียวเท่านั้น ที่พอจะช่วยปกป้อง คุ้มครอง ไม่ให้ประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยามของหมู่เฮา ต้องกลายเป็น หญ้าแพรก แหลกลาญอยู่ใต้ฝ่าเท้าของอภิมหาประเทศทั้งหลาย เพราะถึงจะมีเรือดำน้ำ ดันน้ำ มีรถถังยูเครน ติดปืนใหญ่สวีเดน วิ่งด้วยล้อญี่ปุ่น หรืออะไรต่อมิอะไรก็ตามแต่ มีเรือเหาะ มีไม้ล้างป่าช้าเอาไว้ตรวจจับวัตถุระเบิด ซักกี่แท่ง กี่ด้าม โอกาสที่จะปกป้องความสงบ ร่มเย็น ให้คงอยู่ต่อไปได้ ยังไงๆ...ย่อมไม่เท่ากับ ขวัญ และ กำลังใจ อันเกิดจากความ รู้-รัก-สามัคคี อย่างที่ว่า...

                                                           ---------------------------------------------

            ด้วยเหตุนี้...ถึงแม้นต้องกัดกัน ขม้ำกัน ฝังเขี้ยวจมน่อง กันในบางระยะ แต่ควรต้องหันไปมองความเป็นไปของโลกเป็นส่วนประกอบเอาไว้ด้วย โดยเฉพาะ ทหาร ทั้งหลายนั่นแหละเป็นหลัก คือถึงจะไม่มีขีดความสามารถพอที่จะสู้รบปรบมือกับประเทศใหญ่ๆ ได้อย่างเป็นเนื้อ เป็นหนัง แต่การเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างความรัก ความเข้าใจ กับผู้คนพลเมืองในประเทศตัวเอง ย่อมต้องถือเป็นส่วนหนึ่งและส่วนสำคัญในทางยุทธศาสตร์ ที่มิอาจปฏิเสธได้เลยแม้แต่น้อย อะไรที่จะทำให้ผู้คนไม่รัก ให้เกิดความระแวง สงสัย ไม่ว่าจะเป็นแหวนพ่อ นาฬิกาแม่ ตำแหน่งเพื่อน ผลประโยชน์พรรคพวกพี่น้องและบริวาร ถ้าหากพอตัดได้ เลิกได้ คงต้องหั่นๆ เฉือน อวัยวะร้ายๆ เพื่อรักษาชีวิตให้ดำรง คงอยู่ เอาไว้ได้นั่นแล...

                                                              ----------------------------------------------

            แต่ถ้ายังออกไปทางวี้ดๆ แว้ดๆ กับใครไปทุกเรื่อง ยังหนักไปทาง ลับ-ลวง-ครางง์ง์ง์ ไม่คิดจะแหวะใจ เปิดใจ ว่ากันไปตรงไป-ตรงมาตามคุณลักษณะของชายชาติทหาร อันนี้...มันก็เลยออกจะน่าเบื่อ น่ารำคาญ อยู่ตามสมควร ด้วยเหตุนี้...ปีหน้าฟ้าใหม่ อะไรที่ปรับได้ แก้ได้ ก็น่าจะลองแก้ๆ กันดูซะมั่ง อย่างน้อย...ถึงจะ ปฏิรูป อะไรไม่สำเร็จซักกะเรื่อง น่าจะลองหันมา ปฏิรูปตัวเอง ให้พอได้เกิดบรรยากาศใหม่ๆ อันจะนำมาสู้ความรู้-รัก-สามัคคีได้บ้าง ก็ถือเป็นพระคุณยิ่งแล้ว...

                                                            ------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก David Gergen... Morality in government begins with officials using words as possible to describe the truth.- คุณธรรม (ธรรมาภิบาล) ในรัฐบาลจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลได้ใช้ถ้อยคำตรงไป-ตรงมาที่สุดในการอธิบายความจริง...

                                                             -----------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"