ซูเปอร์โพลเปิดผลสำรวจ ภาพลักษณ์ ครม.ในใจประชาชน "บิ๊กตู่" มือสะอาดสุด ตามด้วย "บิ๊กป๊อก" ส่วนภาพลักษณ์ด้านผู้มีบารมีคุมผู้มีอิทธิพลได้ "3 ป." เข้าวิน "ตู่-ป้อม-ป๊อก" เหนือรัฐมนตรีคนอื่น
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ภาพลักษณ์ ครม. ในใจประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,212 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15-22 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา
พบว่า ภาพลักษณ์ ครม.ในใจประชาชนด้านทำงานหนัก กล้าคิด กล้าทำ ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร้อยละ 43.5 รองลงมา อันดับที่สอง ได้แก่ นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง ร้อยละ 34.4, อันดับที่สาม ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ร้อยละ 32.5, อันดับที่สี่ ได้แก่ นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ ร้อยละ 31.3 และอันดับห้า ได้แก่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ร้อยละ 30.8 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ภาพลักษณ์ของ ครม.ด้านมือสะอาด ไม่ด่างพร้อย ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 42.8, อันดับที่สอง ได้แก่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ร้อยละ 35.9, อันดับสาม ได้แก่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ร้อยละ 32.7, อันดับสี่ ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ร้อยละ 31.6 และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 30.2
อย่างไรก็ตาม ภาพลักษณ์ด้านบริหารเก่ง เชี่ยวชาญธุรกิจ ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ร้อยละ 32.5, อันดับสอง ได้แก่ นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง ร้อยละ 32.1, อันดับสาม ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ร้อยละ 30.6, อันดับสี่ ได้แก่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 28.8 และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ร้อยละ 25.4
ที่น่าสนใจคือ ภาพลักษณ์ของคณะรัฐมนตรีด้านบารมีคุมผู้มีอิทธิพลได้ ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 47.1, อันดับสอง ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อยละ 42.8, อันดับสาม ได้แก่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ร้อยละ 40.4, อันดับสี่ ได้แก่ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ร้อยละ 35.2 และอันดับห้า ได้แก่ นายวิษณุ เครืองาม ร้อยละ 31.9 ตามลำดับ
นอกจากนี้ เมื่อถามถึงภาพลักษณ์ด้านมีนโยบายช่วยเหลือคนรายได้น้อยใน 5 อันดับแรก พบว่า อันดับแรก ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร้อยละ 42.4, อันดับสองได้แก่ นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง ร้อยละ 41.6, อันดับสาม ได้แก่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ร้อยละ 40.9 , อันดับสี่ ได้แก่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 36.7 และอันดับห้า ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 35.3 ตามลำดับ
เมื่อถามถึงความเหมาะสมกับตำแหน่งใน 5 อันดับแรก (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) ถ้าไม่นับรวมนายกรัฐมนตรี พบว่า อันดับแรกได้แก่ นายอุตตม สาวนายน พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 37.9, อันดับสอง ได้แก่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ พลังประชารัฐ ร้อยละ 36.5, อันดับสาม ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 31.6, อันดับสี่ ได้แก่ นายวราวุธ ศิลปอาชา พรรคชาติไทยพัฒนา ร้อยละ 30.4 และนายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 29.3 ตามลำดับ
ที่น่าพิจารณาคือ การรับรู้ของประชาชนว่าหน่วยงานรัฐภาพลักษณ์ดี ส่งเงินเข้ารัฐ รักษาผลประโยชน์ชาติได้สูงสุด ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (กฟผ.) กระทรวงพลังงาน ร้อยละ 43.1, อันดับสอง ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กระทรวงพลังงาน ร้อยละ 42.9, อันดับสาม ได้แก่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กระทรวงการคลัง ร้อยละ 39.8, อันดับสี่ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรฯ กระทรวงการคลัง ร้อยละ 39.3, อันดับห้า ได้แก่ ธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง ร้อยละ 37.7
อย่างไรก็ตาม ประชาชนจำนวนมากหรือร้อยละ 44.1 มีความเคลือบแคลงสงสัย ทำไมหน่วยงานรัฐของบางกระทรวงส่งเงินเข้ารัฐน้อย เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 55.9 ไม่สงสัย
ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า ผลโพลครั้งนี้ชี้ให้เห็นภาพลักษณ์ของรัฐมนตรีที่น่าสนใจหลายด้าน โดยเฉพาะด้านผู้มีบารมีคุมผู้มีอิทธิพลได้ พบว่า 3 ป. ของคณะรัฐมนตรีติด 3 อันดับแรกผู้ทรงอิทธิพล นอกจากนี้ยังมีด้านบริหารเก่งเชี่ยวชาญธุรกิจที่มีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน, นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุขติด 3 อันดับแรก แต่ถ้าพูดถึงความเหมาะสมกับตำแหน่งถ้าไม่นับรวมตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะพบว่าพรรคพลังประชารัฐในวันนี้ติดอันดับหนึ่งและสองคือ นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายวราวุธ ศิลปอาชา พรรคชาติไทยพัฒนา และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ติดอันดับความเหมาะสมกับตำแหน่งใน ครม.เช่นกัน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า สำหรับปัญหาเศรษฐกิจขณะนี้ เครื่องจักรเศรษฐกิจที่จะสร้างการเติบโตให้กับประเทศวิกฤติหมดทั้ง 5 ด้าน สิ่งที่สร้างรายได้ให้กับประเทศชะลอตัวลงทุกรายการ โดยเครื่องจักรที่เคยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 5 ด้าน ประกอบไปด้วย 1.การส่งออก มีการติดลบ จากภาคอุตสาหกรรมหดตัว ยอดคำสั่งซื้อลดลง โรงงานลดจำนวนเวลาทำงาน ลดโอที ปลดพนักงาน เลิกกิจการ เหตุจากเศรษฐกิจใน-ต่างประเทศชะลอตัว เงินบาทแข็งค่า รวมถึงราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ที่กระทบเกษตรกร ทำให้ผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ
2.การบริโภคภายในประเทศ ปัจจุบันชะลอตัว คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง เงินเฟ้อหดตัว เงินเดือนไม่ปรับขึ้น เงินออมไม่กล้านำออกมาใช้, 3.การลงทุนภาครัฐ ขณะนี้หดตัว การลงทุนเมกะโปรเจ็กต์หลายโครงการเลื่อนออกไป หรือดำเนินการล่าช้า ไม่มีการลงทุนใหม่ๆ, 4.การลงทุนภาคเอกชน มีการลงทุนลดลง อันเกิดจากความไม่ชัดเจนของรัฐบาลในการเจรจาการลงทุนจากต่างประเทศ และความล่าช้าของงบประมาณ ทำให้ภาคเอกชนไม่กล้าลงทุน ดูได้จากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ของสภาอุตสาหกรรม เทียบปีต่อปี หรือไตรมาสต่อไตรมาส รวมถึงตัวเลขคาดการณ์ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า และ 5.การท่องเที่ยว เมื่อดูรายประเทศ รายภูมิภาค นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง เหตุจากภาครัฐไม่มีมาตการระยะยาวในการทำโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวรองรับ ปัญหาเงินบาทแข็งค่า จนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว
นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ จะไปหาความมั่นใจหรือความเชื่อมั่นจากที่ไหน เพราะขนาดในทีมเศรษฐกิจทีมเดียวกันเองยังโบ้ยความรับผิดชอบ ส่งสัญญาณคายฟันยาง ตัวใครตัวมัน สุดท้ายปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนก็ถูกทิ้งไว้โดยไม่สามารถแก้ไขอะไรได้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |