"ชวน" อบรม "ปารีณา-เสรีพิศุทธ์" เป็น กมธ.ชุดเดียวที่มีปัญหามาก ฝากใช้วุฒิภาวะทำงานร่วมกันให้ได้ตามข้อบังคับ ย้ำถ้าขัดแย้งปัญหาก็ตามมา ภาพพจน์สภาก็เสียหาย คนไม่กี่คนทำให้ส่วนรวมมีปัญหาเป็นลบไปหมด "วันชัย" ชำแหละ "ทอนอนาคตไหม้" พรรคแตก ผึ้งก็แตกรัง
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่พิพิธภัณฑ์มูลนิธิสุขุโม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พลังประชารัฐ แถลงข่าวกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติกรณีปิดไมโครโฟนในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ยืนยันว่าไม่ได้เลือกปฏิบัติ แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการเปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้ปรึกษาหารือถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน คนละ 2 นาที แต่ น.ส.ปารีณากลับเอาเรื่องความขัดแย้งในกรรมาธิการมาพูดและวิจารณ์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งจากเหตุการณ์ตนพอจะเดาได้ว่า หากปล่อยให้มีการพูดจะเกิดอะไรขึ้น ที่อาจจะทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะลุกขึ้นตอบโต้ จึงจำเป็นต้องป้องกันเหตุการณ์ อีกทั้งเวลา 2 นาที ควรจะพูดเรื่องของประชาชนหรือเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับความขัดแย้งในกรรมาธิการ ซึ่งข้อบังคับก็กำหนดไว้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ที่ น.ส.ปารีณามากล่าวหาตนนั้น เห็นว่าไม่เป็นไร และไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ เพราะที่พูดมาคงเข้าใจผิด
เมื่อถามถึงกรณีที่ น.ส.ปารีณาออกมาระบุว่าที่ผ่านมาประธานเคยอนุญาตให้ ส.ส.หารือเรื่องอื่นด้วย นายชวนยืนยันว่า ไม่เคยมี มีแต่เป็นการพูดนอกเวลาการปรึกษาหารือ ซึ่ง น.ส.ปารีณาคงจำไม่ได้ ย้ำว่าเวลา 2 นาทีเขาไม่เอาเรื่องพวกนี้มาพูดกัน
"ผมขอย้ำว่า ถ้าปล่อยให้พูด เรื่องก็ไม่จบ ซึ่งผมได้บอกแล้วว่าปัญหาความขัดแย้งในกรรมาธิการ โดยเฉพาะหาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมจริง ก็ร้องเรียนมาได้ จะดำเนินตามข้อบังคับให้"
เมื่อถามถึงปัญหาความวุ่นวายของกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ประธานสภาผู้แทนฯ ตอบว่า กรรมาธิการชุดนี้ชุดเดียวที่มีปัญหามาก ต้องฝากให้ประธานและกรรมาธิการช่วยกันดู เพราะสมาชิกทั้งหมดเป็นผู้แทนราษฎร มีวุฒิภาวะ ต้องหาทางทำงานร่วมกันให้ได้ตามข้อบังคับ
ถ้าขัดแย้งปัญหาก็ตามมา
"ถ้าขัดแย้งปัญหาก็ตามมา ภาพพจน์สภาก็เสียหาย คนไม่กี่คนทำให้ส่วนรวมมีปัญหา เป็นลบไปหมด ต้องระวัง และเตือนสมาชิกไว้ ยืนยันในฐานะประธานไม่มีโอกาสได้กลั่นแกล้งใคร เพราะถ้ากลั่นแกล้งก็ถูกตำหนิถูกวิจารณ์ แต่เป็นหน้าที่ที่จะต้องควบคุมการประชุม เมื่อมีคำพูดอะไรออกมาก็รู้ได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น"
นายชวนย้ำว่า ส่วนตัวไม่ขอวิจารณ์ปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้น แต่ในฐานะประธาน ต้องควบคุมโดยไม่สนใจว่าเป็นคนของพรรคไหน
ด้านนายคณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง น.ส.ปารีณาว่า ผู้ที่มีวุฒิภาวะมากเพียงพอจะไม่นำเรื่องของความพอใจหรือไม่พอใจอะไรโดยส่วนตัวมาเป็นประเด็นตัดสินการกระทำในอำนาจหน้าที่ของตน และเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่านายชวนเป็นหนึ่งคนที่มีวุฒิภาวะมากพอ
นายคณวัฒน์กล่าวว่า จากเหตุการณ์การปิดไมค์ดังกล่าว จะเห็นได้ว่าท่านประธานชวนได้ชี้แจงอย่างชัดเจนแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในกรรมาธิการ แต่ น.ส.ปารีณายังดึงดันที่จะให้เกิดการตรวจสอบภายในรัฐสภา ดังนั้นการปิดไมค์จึงเป็นไปเพื่อให้ภายในรัฐสภาได้ทำหน้าที่ของการเป็นตัวแทนประชาชน นั่นคือการถกและเถียงกันในเรื่องของประชาชน ในเรื่องของประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่การมาฟ้องผู้ใหญ่เพื่อปกป้องเพียงแต่ตนเอง การแสดงออกซึ่งความมีวุฒิภาวะเป็นสิ่งที่ ส.ส.ควรมี เพราะท่านไม่ได้เพียงแบกแต่ชื่อของท่าน แต่การเป็นผู้แทนราษฎรยังหมายถึงการแบกชื่อของประชาชนที่เลือกท่านมาอีกด้วย
“ส่วนของความคิดที่ว่าเป็นเพราะประชาธิปัตย์เราแพ้ในเขตบ้านเกิดท่านชวนหรือเปล่า จึงต้นเหตุของเหตุการณ์นี้ ต้องนำเรียนอย่างนี้ครับว่านั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะหากประชาธิปัตย์เรามัวแต่เจ้าคิดเจ้าแค้นใครก็ตามที่ชนะในเขตที่เคยเป็นของเราไป ผมว่าวันนี้ประชาธิปัตย์คงไม่ได้ทำอะไรหรอกครับ เพราะรอบนี้เราแพ้หลายเขตเลย การที่ใครก็ตามจะแพ้หรือชนะเลือกตั้ง ไม่ว่าพรรคอะไร ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหงุดหงิดหรือรู้สึกไม่พอใจอะไรจนจะมากระทบต่อการทำงาน เราทำในสิ่งที่นักการเมืองควรทำ คือมุ่งมั่นทำนโยบายเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน มากกว่าจะเอาเวลาไปทำในสิ่งที่เปล่าประโยชน์” นายคณวัฒน์กล่าว
ซัด"ปารีณา"ฟาดงวงฟาดงา
ขณะที่ น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ คณะทำงานการเมืองประธานสภาผู้แทนราษฎร เผยว่าเห็นข่าวคุณปารีณาออกมาฟาดงวงฟาดงา ทำตัวไม่น่ารักใส่ท่านชวน เมื่อผู้ใหญ่สอนด้วยความเมตตาอย่างสุภาพ ให้รู้จักกฎกติกา ระเบียบและมารยาท ระหว่างการประชุมสภาที่คุณปารีณายกปัญหาส่วนตัวในกรรมาธิการ ป.ป.ช.มาหารือในช่วงที่ควรจะหารือเกี่ยวกับปัญหาทุกข์สุขของประชาชนแล้ว บอกได้คำเดียวว่าอาการหนัก รู้สึกสงสารเธอ ที่จนป่านนี้ยังไม่รู้ตัวว่าทำไม่ถูก ผู้ใหญ่สั่งสอนก็ยังไม่หลาบจำ แถมลามปามต่อว่าอีก
"คนที่ควรทบทวนตัวเองไม่ใช่ท่านชวน เพราะท่านทำหน้าที่ได้สมเกียรติการเป็นประธานแล้ว แต่คุณปารีณาต่างหากที่เยอะจนไม่รู้แล้วว่าความพอเหมาะพอดีอยู่ตรงไหน โตๆ กันแล้ว ประสบการณ์ก็มาก เป็น ส.ส.มาหลายสมัย ควรเป็นตัวอย่างที่ดี เอาที่พอดีๆ อย่าเยอะ จะสวยและดีงามนะคะ" น.ส.พิมพ์รพีระบุ นายวิรัช ร่มเย็น อดีต ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่อาจจะเสนอให้ปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ออกจากประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบฯ ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการว่า กรณีแบบนี้ไม่สมควรที่จะให้เกิดขึ้น เพราะหากมีการปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกจากตำแหน่ง แล้วอีก 34 คณะก็น่าจะทำตามอย่าง เพราะต้องยอมรับว่าในกรรมาธิการจะต้องมีสัดส่วนของแต่ละพรรคที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งต่างคนต่างมีข้อขัดแย้งส่วนตัวระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นอุดมการณ์ทางการเมือง หรือความเห็นส่วนตัว และยิ่งคณะกรรมาธิการในสภาชุดปัจจุบันนี้ หลายคณะมี ส.ส.ฝ่ายค้าน มากกว่าฝ่ายรัฐบาลเสียอีก ดังนั้นห่วงว่าหากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ก็จะทำให้สภาและการทำงานของคณะกรรมาธิการจะเกิดความวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น
"ผมเองเคยเป็นประธานคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น ในสภาชุดปี 2551-2554 ก็ยอมรับว่ามีข้อขัดแย้งในการทำงานบ้าง แต่ก็ต้องรักษาบรรยากาศการทำงานให้เรียบร้อยและยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ดังนั้นข้อขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้น จึงขอให้เป็นเรื่องภายในของคณะกรรมาธิการแก้ไขเอาเอง ตามแนวทางที่ท่านประธานสภาฯ ชวน หลีกภัย แนะนำเอาไว้" นายวิรัชกล่าว
นายวิรัชยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ประเด็นสำคัญที่น่าจะต้องทำของคณะกรรมาธิการคือการตรวจสอบการทุจริต โดยเฉพาะหลายๆ โครงการที่ยังเป็นที่สงสัยของประชาชน ซึ่งฝากความหวังให้คณะกรรมาธิการชุดนี้ทำหน้าที่ แต่ข่าวที่ปรากฏออกมา มีแต่เรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน ดังนั้น ตนขอให้ทุกคนที่อยู่ในคณะกรรมาธิการทำหน้าที่ให้สมกับที่ประชาชนไว้วางใจให้ตรวจสอบการทุจริตแทนประชาชนด้วย
ป่วนเป็นขบวนการ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ความปั่นป่วนวุ่นวายในกรรมาธิการ ป.ป.ช.ว่า ประชาชนตัดสินใจได้ว่าการสลับตัวกรรมาธิการของพรรคพลังประชารัฐ เจตนาส่งคนไปป่วนหรือไปช่วยกันทำงานให้ประชาชน แม้แต่จะเอาคนมาร้องเรียนกล่าวหาคนอื่น ก็ยังถูกจับโป๊ะว่าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่วางแผนกันมาป่วนเป็นกระบวนการ เป็นขั้นเป็นตอน รวมถึงการที่พรรคพลังประชารัฐเตรียมเสนอนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ แทนนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ประชาชนมีสิทธิ์ตั้งคำถามได้ว่า การที่พรรคพลังประชารัฐ ตั้งใจจุดพลุเรื่องนี้ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจและสับขาหลอกการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปวันๆ หรือไม่ พรรคพลังประชารัฐมีความจริงใจต่อพรรคร่วมรัฐบาลที่ประกาศแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วนหรือไม่
“บันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยูไม่มีความจำเป็นต้องทำกับประชาชน ขอแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นตัวตั้ง ทำงานอย่างตรงไปตรงมา คิดถึงบ้านเมืองให้มาก ป่วนการเมืองให้น้อย” นายอนุสรณ์กล่าว
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา เขียนในเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง "เส้นทางอนาคตไหม้" ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่พ้นสภาพการเป็น ส.ส. ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีถือหุ้นสื่อว่า ช่างเหมือนกันเสียเหลือเกิน เส้นทางเดินของธนาธรอนาคตใหม่กับทักษิณไทยรักไทย ต่างกันที่ธนาธรมาเร็ว เคลมเร็ว แล้วก็ไปเร็ว แต่จุดหมายปลายทางคงไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้นเหมือนๆ กัน แต่ขอพูดถึงธนาธรอนาคตใหม่ ที่จะกลายเป็นอนาคตไหม้ ดังนี้
1.ตัวธนาธรไม่ได้เป็น ส.ส. แน่นอนตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้จะเป็นหัวหน้าพรรคหรือจะเป็นนักการเมืองอย่างไรก็แล้วแต่ ก็วนๆ อยู่นอกสภา และก็จะวนไปวนมาอย่างนี้เป็นสัมภเวสีทางการเมือง
2.จากคำวินิจฉัยแทบจะเห็นคดีอาญาอยู่รำไร และมีคุกเป็นที่หมาย แถมถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองอีกเกือบ 20 ปี แล้วจะไปผุดไปเกิดกันเมื่อไหร่ หรือว่าจะไปอยู่ต่างประเทศเหมือนคนอื่นเขา
3.อีกเรื่องหนึ่งก็เป็นเรื่องที่จะต้องตายยกรัง แทบจะไม่ต้องค้นคว้าหาพยานที่ไหน เพราะตัวเองรับสารภาพทั้งด้วยวาจาและเอกสาร ว่าปล่อยเงินกู้ให้พรรคของตนเป็นร้อยๆ ล้าน แล้วมันจะดิ้นไปได้อย่างไร เรื่องนี้เขียนคำวินิจฉัยง่ายกว่าคดีหุ้นสื่อเสียอีก ถึงขั้นยุบพรรค กรรมการบริหารพรรคโดนกันเป็นตับๆ บรรดาหัวหอกก็คงจะหอกหักกันล่ะคราวนี้
พรรคแตก ผึ้งก็แตกรัง
4.เมื่อพรรคแตก ผึ้งก็แตกรัง จะอยู่ถึง 80 คนเหมือนเดิมหรือเปล่า แม้จะมีพรรคใหม่สำรองไว้ก็อาจจะเหลือสักครึ่งๆ นอกนั้นทางใครทางมัน ใส่คอนเวิร์สไปคนละทิศคนละทางแน่นอน ตอนนี้มันก็กรุ่นๆ อยู่แล้ว
5.กระแสวัยรุ่น กระแสของพรรคตอนเลือกตั้งกับตอนนี้มันต่างกันลิบลับ เรตติ้งลดลงมาโดยลำดับ ก็ดูสิ..จัดกิจกรรมแต่ละครั้งก็คนหน้าเดิมๆ พวกป้าพวกลุงก็เสื้อแดงหน้าเก่าๆ หนุ่มสาวที่ลงคะแนนเลือกตั้งก็ไม่ได้มาวี้ดว้ายกระตู้วู้เหมือนตอนนั้น
"สรุปแล้ว อนาคตใหม่ไม่น่าจะไหม้เร็วเกินไป ทั้งหมดทำตัวเองแท้ๆ อยู่ไม่เป็นไม่เป็นไร แต่ดันทำไม่เป็นนี่สิ..ผลมันจึงอยู่ไม่ได้" นายวันชัยกล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการ ‘หัวใจไม่หยุด ‘เต้น’’ เผยแพร่ทางแฟนเพจ ‘นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ ช่วงหนึ่งว่าสำหรับกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบกิจการสื่อมวลชนในวันที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายธนาธรสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.62 ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การพ้นจาก ส.ส.ของธนาธร ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย แต่ผลไม่ได้ทำให้บทบาททางการเมืองของเจ้าตัวเปลี่ยนแปลงไป เพราะนับแต่วันที่เข้าไปกล่าวคำปฏิญาณในสภาผู้แทนราษฎร ธนาธรก็ไม่เคยได้ทำหน้าที่ ส.ส.อยู่แล้ว เงินเดือนก็ไม่เคยได้รับ ความเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งหมดทำในฐานะหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งยังคงดำรงอยู่ แต่เรื่องจะไม่จบเท่านี้ครับ พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย กกต.ก็ขานรับจะจับเอาประเด็นนี้ดำเนินคดีอาญาต่อทันที นอกจากนั้นยังมีชะตากรรมของพรรคอนาคตใหม่ซึ่งถูกร้องเรียนเอาไว้หลายต่อหลายคดีความด้วยกัน
เขากล่าวว่า หลายคนอาจจะประเมินว่าผลลัพธ์คงไม่สู้ดีนัก แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นนักการเมือง เมื่อยืนอยู่บนเวทีของการต่อสู้ก็ต้องสู้อย่างถึงที่สุดด้วยสติปัญญา เต็มกำลังความสามารถสำหรับผม คำวินิจฉัยกรณีธนาธรเป็นการให้คำอธิบายกับสังคมว่านักการเมืองคนหนึ่งสิ้นสภาพ ส.ส. เพราะถือหุ้นสื่อ ในขณะที่ ส.ส.อีกหลายคนสิ้นสภาพนักการเมือง เพราะถือเผด็จการเป็นหุ้นส่วนคำว่านักการเมืองมันกินความหมายกว้างไกลและลึกซึ้งกว่า ส.ส.มากมายนัก
"ช่อ"อ้างโอนหุ้นหลักฐานชัด
"ถึงตรงนี้เชื่อว่าแต่ละคดีความทั้งที่เกี่ยวกับตัวธนาธรและเกี่ยวกับพรรคอนาคตใหม่ คงเดินไม่ช้าล่ะครับ ดังนั้น ฝ่ายที่จะรับมือก็ต้องคิดไวทำไว ซึ่งเชื่อว่าทุกคนในพรรคอนาคตใหม่เขาคงประเมินสถานการณ์อยู่บนโลกของความเป็นจริงอยู่แล้ว ‘คำวินิจฉัยนี้ จะเป็นบรรทัดฐานให้คดีถือหุ้นสื่อของ ส.ส.คนอื่นด้วยมั้ย? คำวินิจฉัยคดีธนาธร ผมว่าอาจจะเป็นเฉพาะตัว พอไปดูของคนอื่นๆ อาจจะว่ากันเป็นรายกรณีหรือเปล่า เข้าใจตรงกันนะ’ นายณัฐวุฒิกล่าว
น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะดำเนินคดีอาญาต่อนายธนาธร ในความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 151 ว่า ตนทราบว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีการลงมติในเรื่องนี้ ดังนั้นจึงปล่อยให้ดำเนินกระบวนการไปตามปกติ ซึ่งพรรคมั่นใจในความบริสุทธิ์ใจของนายธนาธร เรื่องการโอนหุ้นที่มีหลักฐานชัดเจน แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินมาแบบนี้ พรรคก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เธอบอกว่าขั้นตอนการดำเนินคดีทางอาญา เมื่อศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ชี้ชัดว่านายธนาธรนำเสนอหลักฐานการโอนหุ้นในวันที่ 8 ม.ค.2562 เป็นข้อมูลเท็จ จึงหมายความว่านายธนาธรมีความตั้งใจที่จะโอนหุ้นตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.แล้ว จึงลงสมัครรับเลือกตั้งโดยที่ขาดคุณสมบัติ
น.ส.พรรณิการ์ระบุว่า หัวใจของมาตรา 151 คือ คำว่าตั้งใจที่ลงสมัครรับเลือกตั้งโดยที่รู้ว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติ เมื่อนายธนาธรโอนหุ้นไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ก็ย่อมเข้าใจว่าตัวเองมีคุณสมบัติ จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญมาตัดสินนายธนาธรจึงได้ทราบว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติ
ด้านนาย?ณัฐชา? บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และรองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร? วงษ์สุวรรณ? รองนายกฯ ถาม?นายธนาธร? จึงรุ่งเรืองกิจ? หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ว่า “ทหารไปทำอะไรให้ ทหารไม่ได้ทำอะไรเลย” และบอกว่าการเมืองในอดีตมีปัญหา เดินหน้าต่อไม่ได้ นายกรัฐมนตรีจึงต้องเข้ามาช่วยเหลือ เท่านั้นเอง รัฐบาลนี้เข้าถูกต้องตามหลักรัฐธรรมนูญ
นายณัฐชากล่าวว่า? ที่ท่านพูดมาก็ถูกหมด? แต่การเมืองมีปัญหาก็ต้องแก้ด้วยการเมือง? ไม่ใช่การเมืองมีปัญหาแล้วทหารเสนอหน้าเข้ามาปฏิวัติรัฐประหาร หนำซ้ำยังร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อให้ตัวเองมีความชอบธรรมและอยู่ในอำนาจยาวๆ ?ถ้าจะอ้างว่าการเมืองมีปัญหา ที่ผ่านมาในอดีตการที่ทหารเข้ามาแก้มันดีขึ้นหรือไม่? ประเทศชาติเดินหน้าด้วยฝีมือการแก้ปัญหาของพวกท่านแค่ไหน?
พร้อมชี้แจงในทุกประเด็น
"เลิกอ้างประเทศชาติ ?เลิกอ้างความเป็นอยู่ของประชาชนเพื่อหาความชอบธรรมให้ตัวเองเสียที? อำนาจ? ลาภยศที่ท่านภูมิใจมันน่ารังเกียจในสายตาประชาชน? วันนี้ควรละอายใจ และยอมรับว่า ที่ผ่านมา 5 ปี นายทหารที่อาสามาแก้ปัญหาการเมืองนำพาประเทศไทยสู่หายนะอย่างที่ประชาชนไม่สามารถให้อภัยได้" รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่กล่าว
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลทำงานด้วยความราบรื่นเพื่อพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้มีปัญหาความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับพรรคภูมิใจไทยนั้น ผู้ใหญ่ของพรรคคุยกันอยู่ตลอด ที่สำคัญคือ รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไม่ต้องการขัดแย้งกับใคร เอาเวลาทั้งหมดไปทำงานให้กับพี่น้องประชาชนดีกว่า เพราะประเทศยังมีหลายสิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้จึงเป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลได้ประกาศไว้
นายธนกรกล่าวอีกว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคร่วมฝ่ายค้านนั้น รัฐบาลพร้อมที่จะชี้แจงในทุกประเด็น ซึ่งทราบข้อมูลมาบ้างว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายในประเด็นรัฐบาลบริหารงานล้มเหลวเป็นหลัก เพราะรัฐบาลนี้ไม่มีปัญหาในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันเหมือนรัฐบาลในอดีต ดังนั้น ตนมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถชี้แจงได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่เพื่อพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ หากพรรคฝ่ายค้านไม่มีอคติมากจนเกินไป จะเข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ทุ่มเททำงานให้ประชาชนด้วยหัวใจจริงๆ ยิ่งตอนที่เห็นเด็กนักเรียนวิ่งไปกอดพล.อ.ประยุทธ์ แล้วส่งเสียงบอกรักลุงตู่นั้น เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมีกำลังใจทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ว่าในการประชุมสภา วันที่ 27-28 พ.ย.นี้ จะมีการพิจารณาญัตติดังกล่าว ต่อจากการลงมติญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการใช้มาตรา 44 ของ คสช. ส่วนตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวนั้น พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันที่จะเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ และมอบหมายให้นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)ไปขอความชัดเจนจากมติวิปรัฐบาลว่าจะสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ หรือไม่ ซึ่งจากการที่ตนได้พบกับนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น ยังยืนยันว่าจะยังส่งชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ
ให้ฟังเสียงโพล
นายเทพไทกล่าวต่อว่า แต่กระแสข่าวล่าสุดระบุว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นการเสนอชื่อ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯแทน ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวถือก็เป็นสิทธิและเรื่องภายในของพรรคพปชร. ที่จะเสนอบุคคลใดก็ได้ตามที่เห็นสมควร แต่อยากจะให้พิจารณาถึงความเหมาะสมของบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ในครั้งนี้ด้วย รวมถึงอยากให้ฟังเสียงสะท้อนจากทุกภาคส่วนของสังคมด้วย หรือจะให้สำนักโพลสำรวจความเห็นของประชาชน ว่าระหว่างนายอภิสิทธิ์กับนายสุชาติ หรือนายไพบูลย์ ใครมีความเหมาะสมกับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการฯ มากกว่ากัน
“โดยในการประชุม ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์สัปดาห์หน้า ผมจะสอบถามถึงความชัดเจนของตัวบุคคลที่จะมาเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ ว่าถ้าหากพรรค พปชร.จะขอสิทธิความเป็นพรรคใหญ่ หรือพรรคแกนนำของรัฐบาล เพื่อขอตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการฯ ในครั้งนี้ ในโอกาสต่อไปผมก็จะขอเสนอพรรคประชาธิปัตย์ให้ใช้สิทธิ ในฐานะพรรคเล็กหรือพรรคร่วมรัฐบาล และขอสงวนสิทธิ์ในการกระทำการใดๆ ตามจุดยืนและแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์บ้าง” นายเทพไทกล่าว
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณาบุคคลมาทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ สภาผู้แทนราษฎร ในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี จำนวน 6 คน ว่าขณะนี้ได้ตัวบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ครบแล้ว โดยในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ จะนำรายชื่อทั้งหมดรายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบต่อไป รวมถึงรายงานในที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลด้วย คาดว่าญัตติเรื่องดังกล่าวจะเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |