นายกฯ ลงพื้นที่ “ชาวชุมชนบ้านบุ-ตลาดวังหลัง” ไม่นัดหมายล่วงหน้า หวังเช็กภาวะเศรษฐกิจท่องเที่ยวหลังรับรายงานว่าซบเซา จ่อลงพื้นที่ต่อเนื่อง ยันประเทศจำเป็นต้องมีทหารเกณฑ์ "ไพบูลย์" พร้อมชน "เสรีพิศุทธ์" ลั่นห้ามที่ปรึกษาร่วมประชุม กมธ.-ควรยุติเรียกนายกฯ มาชี้แจง พปชร.ชง กมธ.ป.ป.ช.คนกันเองสอบเสรีฯ 6 ข้อกล่าวหาหนักพ่วงประเด็นหมิ่นสถาบันฯ "ปารีณา" อารมณ์ค้างเหน็บ "นายชวนเยอะเกินไปแล้ว" คงไม่พอใจที่ตนเองยืนใกล้ ส.ส.ตรัง พปชร. ที่ชนะ ส.ส.ปชป.ในเขตบ้านตัวเอง "องครักษ์ชวน" โต้กลับในฐานะหมอเคยเรียนนิติเวชไม่ถือสา หึ่ง! รัฐบาล-พปชร.ดัน "ไพบูลย์" นั่งประธาน กมธ.ศึกษาแก้ รธน.
เมื่อวันศุกร์ เวลา 12.00 น. ที่ชุมชนบ้านบุ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม “ชุมชนบ้านบุ” ดูงานหัตถกรรม “ขันลงหินบ้านบุ” มรดกทางปัญญาที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งควรอนุรักษ์ไว้กับ "ตลาดไร้คาน" โดยจุดแรกที่วัดสุวรรณาราม มีนักเรียนจากโรงเรียนสุวรรณารามมารอให้การต้อนรับ ซึ่งทันทีที่นายกฯ เดินทางมาถึง ได้พูดคุยทักทายกับคณะนักเรียน ก่อนจะถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก
โดยนายกฯ ได้เรียกนายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เขตบางกอกน้อย มาถ่ายภาพร่วมกัน พร้อมกล่าวว่า รัก ส.ส.ต้องรักนายกฯ ด้วย นายกฯ ก็ต้องรักษา ส.ส.จากนั้นนักเรียนได้กล่าวให้การต้อนรับพร้อมแนะนำสถานที่สำคัญของพื้นที่ชุมชนบ้านบุ นายกฯ จึงกล่าวว่า หลายอย่างเป็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นวัฒนธรรมอัตลักษณ์ของความเป็นไทย ซึ่งจะหายไปไม่ได้ เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของเราสร้างกันมา
ต่อจากนั้นนายกฯ ได้เข้าสักการะหลวงพ่อพระศาสดาพระประธานในพระอุโบสถ รวมทั้งได้กราบนมัสการพระเทพสุวรรณเมธี เจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม ซึ่งได้มอบพระพุทธรูปจำลองหลวงพ่อพระศาสดา ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว ก่อนนายกฯ จะสนทนากับเจ้าอาวาสตอนหนึ่งว่า คนไทยจะต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ไม่ใช่รู้แบบงูๆ ปลาๆ แล้วมีคนมาบิดเบือนได้ เพื่อที่จะได้รักษารากเหง้าและวัฒนธรรมของประเทศไว้
โดยช่วงหนึ่งเจ้าอาวาสกล่าวว่า คนที่จะต้องเข้าเกณฑ์ทหารใหม่มักจะมาบนที่วัดแห่งนี้ เพราะมีความเชื่อว่ามาบนที่นี่แล้วจะไม่ถูกทหาร พล.อ.ประยุทธ์จึงกล่าวว่า การเกณฑ์ทหารมีความสำคัญ เป็นผู้ที่ช่วยเหลือสังคม และมีการสร้างความเป็นธรรมให้กับคนทุกคน คนที่เรียนหนังสือสูงๆ ก็มีกฎเกณฑ์ผ่อนผัน
"แล้วจะไม่ให้มีทหาร พอถึงเวลาแล้วจะไปเกณฑ์มามันไม่ได้ เพราะออกรบไม่ได้ จำเป็นต้องผ่านการฝึก กองหนุนต่างๆ ต้องมี จึงถือว่าวันนี้ทหารยังมีความจำเป็น ไม่เชื่อให้ถาม พล.อ.อนุพงษ์ได้ ผมก็มีความกังวลตรงนี้ เป็นเรื่องการสร้างความเท่าเทียม ไม่ใช่ว่าคนรวยจะไม่ต้องไปเป็นทหาร หลักเกณฑ์เขามีอยู่แล้ว เป็นการเตรียมกำลังช่วงที่ไม่มีภาวะสงคราม เราก็มีขั้นตอนและความพร้อม มีทั้งกองเกิน กองหนุน ถ้าไม่ให้เป็นทั้งหมดมันเป็นไปไม่ได้" จากนั้นเจ้าอาวาสได้มอบหนังสือในเรื่องความต้องการของประชาชนในพื้นที่ให้กับนายกฯ ด้วย
ต่อจากนั้นนายกฯ ได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก่อนจะให้อาหารปลาที่บริเวณท่าน้ำร่วมกับนักเรียน และเดินไปทักทายเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดกรุงเทพฯ ก่อนถ่ายภาพร่วมกัน โดยเจ้าหน้าที่ กทม.ได้เข้ามาสวมกอดนายกฯ พร้อมบอกว่า "ท่านเป็นตัวอย่างในการทำงานของหนูเลยค่ะ"
ขณะเดียวกันนายกฯ ได้สอบถามกับนักเรียนในชุมชนด้วยว่า ในชุมชนมีผู้นับถือศาสนาใดบ้าง พร้อมระบุว่า ทุกศาสนาเป็นการสร้างความปรองดองให้กับคนในชาติ
เช็กภาวะ ศก.ซบเซา
ในตอนหนึ่งนายกฯ ได้เข้าไปพูดคุยกับบรรดาแม่ค้าที่นำขนมไทยโบราณในชุมชนมามอบให้ โดยพูดไปพร้อมจับที่ข้อมือแม่ค้าคนหนึ่งซึ่งใส่กำไลทอง พร้อมเอามือแม่ค้าลูบที่ท้องนายกฯ แล้วถามว่าเศรษฐกิจยังพอได้อยู่ไหม มีทองใส่อยู่แสดงว่าเศรษฐกิจยังพอได้นะ ช่วยๆ รัฐบาลอธิบาย เดี๋ยวมันก็ได้เองแหละ
จากนั้นนายกฯ ได้เยี่ยมชมโรงงานขันลงหินบ้านบุ ซึ่งเป็นมรดกทางปัญญาที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน โดยปัจจุบัน นางเมตตา เสลานนท์ ทายาทรุ่นที่ 6 เป็นผู้สืบทอด ซึ่งนางเมตตาได้มอบขันลงหินขนาด 6 นิ้ว ราคาไม่เกิน 3,000 บาทให้เป็นที่ระลึกขณะที่นายกฯ ได้ซื้อขันลงหินจำนวน 1 ชุด ราคา 16,000 บาท
โอกาสนี้ นายกฯ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับช่างตีขันหิน ซึ่งทำกับภรรยากว่า 46 ปีแล้ว ว่าให้สืบทอดภูมิปัญญาไม่ให้สูญหาย พร้อมบอกให้นางเมตตาดูแลช่างให้ดีที่สุด
การลงพื้นที่ในครั้งนี้ถือเป็นการลงพื้นที่โดยไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า โดยทราบจากการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวของนายกฯ เพียง 30 นาที เนื่องจากนายกฯ อยากเห็นสภาพจริงของชุมชนโดยไม่มีการจัดเตรียมไว้ แม้กระทั่งตำรวจในพื้นที่บางส่วนก็ทราบว่านายกฯ จะมีการลงพื้นที่ หลังจากที่นายกฯ เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลแล้ว
ทั้งนี้ สาเหตุการลงพื้นที่ครั้งนี้ เนื่องจากมีการรายงานให้รับทราบว่าชุมชนดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เริ่มซบเซา มีเพียงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติบางส่วนเท่านั้นที่ยังเดินทางมาท่องเที่ยวอยู่ จึงอยากให้นายกฯ เข้ามากระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว
ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่ตลาดวังหลัง ท่าน้ำศิริราช พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาเยี่ยมเยียนผู้ค้า พร้อมสอบถามถึงภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งให้กำลังใจกับผู้ค้า ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ที่พบเห็น ได้มีการขอถ่ายรูปและจับมือ มีบางคนถึงกับเข้าไปกอดและหอมแก้มนายกฯ แต่ช่วงหนึ่งได้มีชาวบ้านแสดงอาการไม่พอใจเนื่องจากเป็นช่วงที่มีผู้คนมาเดินซื้อสินค้าจำนวนมาก ทำให้เกิดการเบียดเสียดกับทีมงานและคณะนายกฯ โดยถึงกับกล่าวว่า “ไม่จำเป็นไม่ต้องมาเดินแถวนี้” และมีร้องเพลงประชดประชันขอให้ทำตามสัญญา
จากนั้นเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์และคณะแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวคนไทย บริเวณตลาดวังหลัง เสร็จแล้วได้ออกมาเพื่อปฏิบัติภารกิจทันที โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้ทักทายบรรดาลูกค้าที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวว่า “ช่วยทำให้ประเทศชาติมั่นคงนะ ซึ่งผมก็ได้ทำให้ตรงนี้แล้ว ซึ่งพวกเราต้องช่วยกัน”
ต่อมาเวลา 14.30 น. นายกฯ เดินทางมายังพระตำหนักแดง วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เพื่อสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้บูชาดาบเสริมบารมีบูชา พร้อมอธิษฐานขอให้ฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ ก่อนที่จะชักดาบหนึ่งครั้งก่อนจะเก็บเข้าฝัก จากนั้นนำถวายตามลำดับ
จากนั้นที่บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวัดระฆัง ได้มีกลุ่มนักเรียนมายืนรอต้อนรับนายกฯ พร้อมส่งเสียงเรียกลุงตู่ ขณะนักเรียนหญิงคนหนึ่งชื่อน้องใบพลู แสดงความดีใจถึงกับร่ำไห้ เมื่อได้เห็นนายกฯ พร้อมเข้าสวมกอด โดยบอกว่าชื่นชอบนายกฯ มากๆ พล.อ.ประยุทธ์จึงกล่าวว่า ขอให้ตั้งใจเรียน จากนั้นเดินทักทาย เด็กนักเรียนและชาวบ้านที่ตั้งแถวต้อนรับจนถึงบริเวณทางเข้าวัดระฆังโฆสิตารามฯ ก่อนที่นายกฯ จะกราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดระฆังฯ โดยเจ้าอาวาสได้มอบพระพุทธรูปสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) หรือสมเด็จวัดระฆัง ให้แก่นายกฯ ขณะที่มีชาวบ้านคนหนึ่งได้มอบพระหลวงปู่โต๊ะรุ่น 100 ปี ให้กับนายกฯ ด้วย
จ่อลงพื้นที่ต่อเนื่อง
ต่อจากนั้นนายกฯ ได้ถ่ายภาพที่บริเวณลานระฆังทอง ระหว่างนั้นนักเรียนโรงเรียนสตรีวัดระฆังได้ออกมายืนเกาะขอบหน้าต่างห้องเรียนเรียกนายกฯ พร้อมตะโกนว่า รักลุงตู่ ซึ่งนายกฯ ได้หันไปโบกมือทักทาย ก่อนเดินทางกลับนายกฯ ยังได้สักการะหลวงปู่โต ณ ลานหลวงปู่โต พร้อมร่วมถ่ายรูปกับเด็กนักเรียนอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างที่นายกฯ เดินดูการจับจ่ายใช้สอยที่ตลาดวังหลัง ได้ให้ทีม รปภ.ซื้อยาอมสมุนไพรในร้านขายยาโบราณ ซึ่งเป็นยาอมก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบาย จำนวน 20 ขวด
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวด้วยว่า จากนี้นายกฯ จะใช้ช่วงเวลาที่ไม่มีภารกิจลงพื้นที่ในลักษณะที่ไม่มีการแจ้งหมายล่วงหน้าอีก เพื่อตรวจติดตามงานนโยบายด้านต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นระยะ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเปลี่ยนตัวกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร จากนายดล เหตระกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) มาเป็นนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ว่า เขาว่าอย่างนั้น แต่เรายังไม่รู้ ส่วนที่มีข่าวว่าจะส่งนายไพบูลย์เข้าไปแทนนั้น ยอมรับว่าใช่ จะส่งนายไพบูลย์ไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการย้อนเกล็ด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช.หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ได้ย้อนเกล็ด แต่เพราะท่านมีความรู้ด้าน ป.ป.ช. เมื่อถามย้ำว่าการส่ง ส.ส.ฝ่ายบู๊เข้า จะกลายเป็นการปะทะใน กมธ.หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ได้ปะทะ ต้องดูว่าข้อกฎหมายใครแม่นกว่ากัน
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา กล่าวถึงกรณีนายดลลาออกจาก กมธ.ป.ป.ช.ว่า เรื่องนี้เดี๋ยวจะมีการเข้าใจผิด ซึ่งตั้งแต่แรกนายดลมีความประสงค์ต้องการจะเข้าไปนั่งใน กมธ.การสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ กมธ.คณะอื่น เพราะไม่มีความถนัดใน กมธ.ป.ป.ช. แต่เนื่องจากสัดส่วนของพรรคเราเป็นพรรคเล็ก จึงมีตำแหน่งเหลือใน กมธ.ป.ป.ช.เพียงที่เดียว นายดลจึงมีความจำเป็นที่ต้องไปอยู่ใน กมธ.ชุดนี้ แต่พอไปอยู่แล้วปรากฏว่าใน กมธ.คณะอื่นมีตำแหน่งว่าง จึงประสงค์ที่จะไปทำงานในด้านที่ตัวเองถนัดคือ กมธ.การสื่อสารโทรคมนาคมฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีปัญหากันภายใน กมธ.หรือไม่ นายเทวัญ กล่าวว่า นายดลเป็นคนนิสัยสนุกสนาน ไม่ได้มีปัญหากับใคร และก็สนิทสนมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เป็นอย่างดี และพรรคร่วมไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เพียงแต่เป็นช่วงที่ กมธ.มีปัญหา ทุกคนจึงมองว่าเป็นประเด็นการเมือง ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะส่งใครมาเราก็ไม่ได้ทราบล่วงหน้า ยืนยันว่าไม่ใช่การปรับตำแหน่งเพื่อต่อสู้ใน กมธ.จริงๆ แล้วถ้านายดลก็ต่อสู้ได้
"ไพบูลย์"พร้อมชน"เสรีพิศุทธ์"
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน กล่าวว่า ได้รับการแจ้งจากวิปของพรรคว่าจะส่งตนไปทำหน้าที่ กมธ.แทนนายดล ทั้งนี้ ไม่ใช่การเข้าไปเพิ่มความขัดแย้ง แต่พรรคเห็นว่าตนเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนแล้ว ซึ่งน่าจะมีประโยชน์เข้าไปช่วยเหลืองาน กมธ.ให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อประโยชน์ประชาชน ส่วนกรณีที่เสนอปลดพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์นั้น ยังไม่ทราบเรื่อง แต่ทุกอย่างต้องพิจารณาตามหลักเหตุและผล ตามกฎหมายและความถูกต้อง สำหรับการทำงานหน้าที่ของประธาน กมธ. ก็มีกรอบอยู่ คงจะทำเกินเลยจากกรอบที่กำหนดไว้ไม่ได้
"หากผมได้เข้าไปเป็น กมธ. ถ้าเห็นว่าประธานทำอะไรเกินอำนาจหน้าที่ ก็จะเข้าไปพูดคุย แต่ที่ไม่เห็นด้วยเลย คือการนำที่ปรึกษาประธาน กมธ.มาร่วมประชุมในคณะ กมธ.ด้วย เพราะความจริงต้องแยกประชุม ไม่ใช่เอามานั่งหัวโต๊ะ เรื่องนี้เป็นทั้งข้อบังคับ ระเบียบ วิธีการปฏิบัติ และมารยาทในการประชุม"
เมื่อถามถึงการส่งเข้าไปนั่งเป็น กมธ.ชุดนี้เป็นยุทธศาสตร์ของพล.อ.ประวิตรใช่หรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า เป็นเรื่องสัดส่วนของพรรคที่มีน้อยผิดปกติ ซึ่งควรมี 4-5 คน ในแต่ละ กมธ. อีกทั้งตนมีความเหมาะสมด้วย และเคยทำงานด้านนี้มา ส่วนที่นายดลลาออก ซึ่งเขาอาจจะไม่ถนัดในการทำหน้าที่ตรงนี้ ไม่ได้เป็นการเบียดโควตาของพรรคการเมืองใด แต่เพื่อความเหมาะสมมากกว่า ส่วน กมธ.เรียก พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรมาชี้แจงอีก เป็นเรื่องไม่สมควรและควรยุติได้แล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยมีประเพณีไหนที่นายกฯ เข้ามาชี้แจง กมธ.ด้วยตนเอง มีเพียงส่งตัวแทนและหนังสือชี้แจงเท่านั้น นายกฯ ไม่ควรมา หากมา กมธ.ชุดนี้อาจจะมีอีกกว่า 30 คณะ กมธ.เชิญมาชี้แจง ทำให้นายกฯ ไม่มีเวลาทำงานในภารกิจ
ขณะที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรค พปชร. เเถลงข่าวถึงกรณีขอหารือในสภาเพื่อให้สอบจริยธรรม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แต่ถูกนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ตัดบทว่า ตนน้อยใจที่ถูกเลือกปฏิบัติ ขนาด ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ขอหารือ แต่พูดจาดูถูกดูหมิ่น พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึง ส.ส.พรรคอื่นๆ ขอหารือเรื่องห้องน้ำในสภา นายชวนยังอนุญาตได้ แต่ขอให้สอบจริยธรรม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กลับไม่อนุญาต แล้วบอกว่าเป็นเรื่องภายใน กมธ. ซึ่งคำว่าสวะ มีเเต่คนต่ำเท่านั้นที่จะพูดได้ และต้องพูดกับคนต่ำๆ ด้วยกัน จึงอยากให้นายชวนได้เมตตา
น.ส.ปารีณากล่าวว่า มีเพื่อนสมาชิกหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงที่ตนหารือในสภา ตนยืนอยู่ใกล้กับนายนิพันธ์ ศิริพร ส.ส.ตรัง พรรค พปชร. ที่ชนะการเลือกตั้งในเขตบ้านนายชวนเอง ทำให้ท่านไม่พอใจ อาจจะหงุดหงิดเรื่องนี้หรือไม่ อยากให้นายชวนหยุดตัดไมโครโฟนตนเสียที ที่ผ่านมาเเม้ตนจะบ่นกับเพื่อนสมาชิกบ้างเเต่ไม่เคยเเถลงข่าว แต่วันนี้ที่ตองมาเเถลงเพราะเห็นว่านายชวนเยอะเกินไปแล้ว
ชงสอบเสรีฯ 6 เรื่อง
ต่อมานายสนธิญา สวัสดี สมาชิกพรรค พปชร. ยื่นหนังสือผ่านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ขอให้ตรวจสอบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช. 6 ประเด็นคือ 1.กรณีครั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ขณะดำรงตำแหน่งรักษาการ ผบ.ตร. มีการจัดซื้อรถจักรยานยนต์ไทเกอร์ รุ่น BOX200 จำนวน 19,147 คัน งบประมาณกว่า 44 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเป็นเอกฉันท์ 2.พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้เข้าไปตรวจสอบโครงการนี้ในฐานะผู้ดูแลแล้วหรือยัง 3.ให้ตรวจสอบการใช้คำพูดที่มิบังควร เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2551 ขณะที่ดำรงตำแหน่งรักษาการ ผบ.ตร. 4.ขอให้ตรวจสอบคำสั่งสำนักนายกฯ ที่ 34/2551 ที่ให้ สตง.ดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 112 ต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ 5.ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้ให้สัมภาษณ์สื่อช่องหนึ่งว่า ประเทศนี้เป็นของใคร ของสถาบัน เหตุใด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ต้องดึงสถาบันลงมาเกี่ยวข้องกับการเมือง และ 6.กรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เซ็นแต่งตั้งที่ปรึกษาโดยอ้างว่าเป็นมติที่ประชุม กมธ. ลงวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่นายวัฒนา เมืองสุข ในฐานะที่ปรึกษาประธาน กมธ.ป.ป.ช. กลับโพสต์เฟซบุ๊กวันที่ 18 พ.ย. และที่อ้างว่าเป็นมติที่ประชุม แต่หนังสือออกก่อน ทั้งนี้ หาก กมธ.รับเรื่องทั้งหมดไว้ตรวจสอบ อยากเสนอให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าการตรวจสอบจะแล้วเสร็จ
เมื่อถามถึงการวัดพลังเสียงในการขอมติปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นายสิระกล่าวว่า เชื่อว่าสัปดาห์หน้าที่จะมีการประชุม ตนขอท้าให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มาร่วมประชุม โดยตนจะนำหลักฐานที่มีมาแสดงให้ กมธ.รับทราบ ซึ่งคาดว่าเสียงโหวตของ กมธ. จะอยู่ในทิศทางเดียวกัน ซึ่งทุกอย่างจะอยู่บนเหตุ และผล ท่านเสรีพิศุทธ์อย่ายึดติดเลยลองคิดว่าไม่ใช่ตัวกูของกู ตนเป็นห่วงท่านว่าหากยึดติด หากตายไปไม่ว่าจะอยู่สวรรค์หรือนรก ก็อย่าไปอ้างอีกว่าตัวเองเป็นประธาน กมธ. เป็นอดีต ผบ.ตร. ตนสงสารท่านเหลือเกิน
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามว่าผู้ที่มาร้องเป็นผู้เสียหายหรือ น.ส.ปารีณาตอบแทนว่า มาร้องในฐานะประชาชนทั่วไป ขณะที่ น.ส.ปารีณากล่าวว่า นายสนธิญาเป็นอดีตรองโฆษกพรรคชาติไทย
นายสิระกล่าวด้วยว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กำลังเอาเชือกมามัดคอตัวเอง ในฐานะที่เป็นนักกฎหมาย กลับออกมติลักไก่ ก็ต้องดูว่าใครจะตายอีกกี่ศพ โดยสัปดาห์หน้าตนจะไปร้อง ป.ป.ช.ว่ามีการใช้เอกสารเท็จ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม น.ส.ปารีณาถึงการตรวจสอบการถือครองที่ดิน ส.ป.ก. 1,700 ไร่ น.ส.ปารีณาเก็บไมค์ลงแล้วตอบปากเปล่าว่า ได้ทำเอ็มโอยูไว้กับนักข่าวแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ ไปลองถามเพื่อนๆ ดู ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามกันเองว่าได้ทำเอ็มโอยูกับใคร ซึ่งก็ไม่มีนักข่าวคนใดตอบ จึงรุมถามจี้และซักว่าเป็นการพยายามปกปิดเรื่องของตัวเองใช่หรือไม่ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า “ดิฉันขอความเห็นใจเถอะค่ะ” พร้อมยกมือไหว้
ทางด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่นายดลลาออกว่า ยังไม่ได้รับหนังสือลาออกจากนายดล และไม่กังวลที่พรรค พปชร.จะส่งนายไพบูลย์มาทำหน้าที่แทน เพราะเชื่อว่าเป็นการกดดันจากฝั่ง ส.ส.รัฐบาล เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนตัวให้นายสิระและ น.ส.ปารีณามากรรมาธิการก็มีแต่ป่วน
เมื่อถามว่า น.ส.ปารีณาไปแจ้งความเอาผิดท่านกรณีฝืนมติที่ประชุม กมธ. ที่ให้ออกหนังสือเรียกนายกฯ และรองนายกฯ แบบธรรมดา แต่ท่านกลับสั่งการให้ออกเป็นหนังสือคำสั่งเรียก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า เป็นความไม่เข้าใจของ น.ส.ปารีณา ตนดำเนินการตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ แต่รูปแบบการออกหนังสือ ไม่มีการกำหนดรูปแบบ จึงต้องใช้รูปแบบของหนังสือคำสั่งเรียก ส่วนการออกประกาศแต่งตั้งที่ปรึกษาประธาน กมธ.ที่ระบุมติที่ประชุมในวันที่ 20 พ.ย. ได้ยกเลิกหนังสือดังกล่าวไปแล้วเพื่อเปลี่ยนหนังสือใหม่ เป็นเพื่อให้ทราบ
"องครักษ์ชวน"โต้"น้องเอ๋"
ขณะเดียวกัน นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาฯ แถลงกรณี น.ส.ปารีณาพูดพาดพิงถึงนายชวนว่า เป็นการพูดที่ทำให้สังคมเข้าใจผิดว่าประธานสภาฯ เลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้นำเรื่องหารือเข้าสู่ที่ประชุม ซึ่งเรื่องที่ประธานสภาฯ จะไม่อนุญาตให้มีการหารือคือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง ซึ่งกรณี น.ส.ปารีณาหารือประธานสภาฯ เห็นว่าไม่ใช่เรื่องความเดือดร้อนของประชาชน ก็มีความเมตตาโดยบอกว่าจะดำเนินการให้ต่อไป
"เด็กคนใดที่ก้าวร้าวต่อผู้ใหญ่ ใส่ร้ายว่าสองมาตรฐาน ก็มองว่าเป็นผู้น้อยที่ไม่เคารพผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างให้เยาวชนได้เห็น น.ส.ปารีณา ส.ส. 4 สมัย ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้สังคมเห็นว่า เราหน้าตาดี มีการศึกษาสูง การทำหน้าที่ในฐานะผู้แทน ก็ขอให้เป็นความภาคภูมิใจของประชาชนที่เขาเลือกมาให้เป็นผู้แทนของคนราชบุรี” นายสมบูรณ์กล่าว
นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่ถือสากับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะตนเป็นหมอ เคยเรียนจิตเวช รู้จิตใจของคนดีว่าเป็นอย่างไร ยืนยันว่าตนและนายชวนไม่ใช่พวกที่เอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับหน้าที่การงาน ทั้งนี้ การเลือกตั้งของ จ.ตรัง น.ส.ปารีณาไปถามคนตรังดีกว่าว่าพรรคการเมืองไหนใช้วิธีสกปรกอย่างไร คนตรังรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น
นายชวน หลีกภัย กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งภายในของกรรมาธิการบางคณะว่า ส่วนใหญ่ไม่พบว่ามีปัญหา จะมีทะเลาะกันก็เพียง 1 หรือ 2 คณะเท่านั้น ซึ่งโดยทั่วไปต้องแก้ปัญหากันภายในคณะกรรมาธิการ ด้วยการเชิญสมาชิกไปพูดคุยว่ามีปัญหาความขัดแย้งในเรื่องใด หากเป็นเรื่องงานก็ทำความเข้าใจได้ง่าย แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวก็คงจะยากหน่อย พร้อมย้ำว่าทุกปัญหาควรทำความเข้าใจกันเอง เพื่อไม่ให้ชาวบ้านรู้สึกเบื่อหน่ายกับภาพความขัดแย้งที่ออกมา
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่วาระการประชุมของสภาฯ ในช่วงสัปดาห์หน้าว่า ในส่วนของตัวแทน กมธ.โควตาพรรคการเมืองต่างๆ เริ่มลงตัว โดยมีการเปิดเผยรายชื่อผ่านหน้าสื่อเป็นระยะ เหลือเพียงโควตาของ ครม.ที่ยังคงต้องทาบทามเพิ่มบางส่วน แทนผู้ที่ขอถอนตัวไปก่อนหน้านี้ ขณะที่ตำแหน่งประธาน กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีความเห็นไม่ตรงกันระหว่าง 2 พรรคร่วมรัฐบาล โดยพรรคประชาธิปัตย์เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่พรรคพลังประขารัฐมีแนวโน้มที่จะเสนอนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ อีกด้านพรรคร่วมฝ่ายค้านก็เสนอคนนอกมีความเหมาะสมที่จะเป็นประธานมากกว่า ทั้งนี้ นายสุชาติเองก็ได้แสดงท่าทีปฏิเสธไม่ขอรับตำแหน่งมาตลอด โดยให้เหตุผลว่ามีภารกิจในสภาค่อนข้างมาก
ล่าสุด มีรายงานจากพรรคพลังประชารัฐเตรียมเสนอนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งมีรายชื่ออยู่ในโควตาของครม. เป็นประธาน กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ โดยนายไพบูลย์ถือเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเคยเป็นอดีต กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน มาแล้ว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |