การหลุดจากตำแหน่ง ส.ส.ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วยเสียง 7:2 จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ จากความคลุมเครือของพยานหลักฐาน กอปรกับข้อพิรุธหลายจุดสอดรับแน่นหนาจากพฤติการณ์แวดล้อมที่มีน้ำหนักมากกว่าพยานของผู้ถูกร้อง จนหักล้างพยานของนายธนาธร ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้แจง
ขณะเดียวกัน ในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยนั้น บรรดาสาวกพรรคอนาคตใหม่เอง กลับไม่ได้ไปให้กำลังใจนายธนาธรเป็นจำนวนมากอย่างที่คาดการณ์กันไว้แต่อย่างใด แม้จะมีการจัดกิจกรรม “อยู่ไม่เป็น” เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อแสดงจุดยืนของพรรค ตามที่หลายฝ่ายมองว่าเวลาที่เลือกจัด ดูเหมือนเป็น “กระตุ้นมวลชน” ที่มีประชาชนเดินทางมาร่วมงานกว่า 2,000 คน ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จอย่างดี
นอกจากนี้ แม้ทางพรรคอนาคตใหม่เองจะประกาศว่าในวันที่ 19 พ.ย. ก่อนวันอ่านคำวินิจฉัย ขอให้มวลชนมาร่วมให้กำลังใจนายธนาธรตั้งแต่เวลา 13.00 น.ก็ตามที แต่ก็ไม่สามารถ “ปลุก” บรรดาฟ้าทั้งหลายได้มากนัก เพราะส่วนใหญ่มวลชนที่มาให้กำลังใจประมาณ 200 คนนั้น บางส่วนก็เป็นมวลชนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่โดยตรรง บางส่วนก็เป็นคนที่คอการเมืองคุ้นหน้าคุ้นตากันดี บางกลุ่มก็มักจะไปปรากฏตัวอยู่บ่อยๆ ตามการชุมนุมฟากสีแดงอยู่เกือบจะทุกครั้งอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม การดีดหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ให้หลุดจากตำแหน่ง ส.ส.นั้น อาจจะดูเหมือนมีผลกระทบอย่างมากในทางทฤษฎี เพราะเป็นการการันตีว่า อย่างไรเสียเกือบ 4 ปีต่อจากนี้ "ธนาธร” จะไม่ได้เข้าไปเหยียบรัฐสภาในฐานะ ส.ส.อีกแล้ว รวมทั้งสร้างความสะใจในระดับหนึ่ง(เพราะในอนาคตอาจจะมีความสะใจกว่านี้) ให้กับบรรดาฝั่งที่ไม่ชอบพรรคสีส้ม
แต่ในแง่ของการปฏิบัติแล้วนั้น เรียกได้ว่าแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิดเดียว นับแต่บรรดา ส.ส.ทั้งหมดเข้าสภาตั้งแต่วันแรก หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เองเคยมีโอกาสเข้าไปโชว์ตัวในห้องประชุมเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ซึ่งเป็นวันเปิดสภาวันแรก พร้อมทิ้งคำพูดไว้ว่า “ผม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคอนาคตใหม่ ขอหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่บัดนี้ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย” ก่อนจะโดนบรรดา ส.ส.ขั้วตรงข้ามโห่ฮาให้ออกนอกห้องประชุมไปตามระเบียบ
จากนั้นเจ้าตัวก็ทำได้เพียงแค่เข้ามาให้กำลังใจ ส.ส.ของพรรคในห้องรับรองที่รัฐสภาเท่านั้น ที่ใกล้เคียงที่สุดคือได้เข้าไปนั่งในกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในสัดส่วนของคนนอกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่จุดแข็งของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่แต่อย่างใด อย่างเรื่องที่ไปนั่งใน กมธ. อาจเป็นเพียงการยียวนให้ฝ่ายตรงข้ามขุ่นข้องหมองใจ จากการที่เจ้าตัวยังได้เข้าไปนั่งสลอนในรัฐสภา แม้จะไม่ใช่ในห้องประชุมใหญ่ ก็เป็นได้
แต่จุดแข็งของ “ธนาธร” จริงๆ ที่เห็นชัดตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้งจนถึงตอนนี้ คือ “การเคลื่อนไหวนอกสภา” ที่เล่นเอารัฐบาลปวดเศียรเวียนเกล้าไปหลายครั้งหลายหน เริ่มจากเบาะๆ อย่างการพูดในวงเสวนาวิชาการ ตามสถาบัน หรือมหาวิทยาลัยที่เชิญเจ้าตัวเป็นหนึ่งในวิทยากรอยู่เนืองๆ จากทั่วทุกภาคของประเทศไทย
แทบทุกครั้งก็จะมี “นักศึกษา” ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญเข้าไปฟังจนแน่ห้องประชุม แม้ในช่วงหลัง จะมีการพยายามขัดขวางการจัดงานลักษณะนี้อยู่บ้าง โดยกลุ่มคนที่เห็นต่างภาคประชาชน ที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มการ์ดชาตินิยม” (Thailand Wisdom Guard) คอยขัดขวาง โดยส่งหัวหมู่ทะลวงฟันอย่าง “ผู้กองปูเค็ม” ออกศึก
หนักข้อหน่อยก็เป็นแคมเปญที่พรรคจัด อย่างการรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ 4 ภาค และรวมตัวกับ 7 พรรคฝ่ายค้านเป็นกลุ่ม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการคลอด “กรรมาธิการศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” การจัดอีเวนต์งานโต๊ะจีน งานประมูลของ พบปะกับพี่น้องประชาชน การลงพื้นที่แจกใบปลิวรณรงค์เรื่องนโยบายของพรรค อย่างล่าสุดก็งาน “อยู่ไม่เป็น” ที่เป็นหนึ่งในแคมเปญใหญ่ของพรรค ที่จะมาทุก 3-4 เดือน
แต่ที่สร้างความปวดใจให้รัฐบาลมากที่สุดคือ “การเดินสายต่างประเทศ” โดยเฉพาะกับการเคลื่อนไหวเพื่อเข้าพบผู้แทนของสหภาพยุโรป รวมทั้งการเล่น “กำลังภายนอก” อย่างการว่าจ้างบริษัทต่างชาติดูแลเรื่องภาพลักษณ์ของนายธนาธร ที่คอยทำหน้าที่ประสานงานในสหรัฐอเมริกา และมีส่วนในการผลักดันให้นายธนาธรมีชื่อติดอันดับ 100 ดาวรุ่งผู้มีอิทธิพลของนิตยสาร TIME อีกด้วย
เช่นเดียวกับการกระตุ้นให้ฝั่งยุโรปจับตาการดำเนินกิจการภายในต่างๆ ที่รัฐกระทำต่อพรรคอนาคตใหม่ ทั้งในเรื่องการตัดสินคดี การเรียกพบตามหมายจับ ที่ผ่านมาทุกครั้งมักจะมีตัวแทนจาสถานทูตประเทศในยุโรปมาสังเกตการณ์อยู่เสมอๆ ที่แสบล่าสุดคือ การโผล่ไปถ่ายแชะรูปร่วมกับ “โจชัว หว่อง” ที่เจ้าตัวได้ไปร่วมงาน Open Future Festival ที่ฮ่องกง จนสถานทูตจีนต้องออกมาเตือนพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งจีนเองถือเป็นมหามิตรของไทยมาอย่างยาวนานทั้งในระดับการทูตและระดับประชาชน
ยิ่งเจ้าตัวไม่ได้เป็น ส.ส.ด้วยแล้ว จากนี้เราคงจะได้เห็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่วิ่งงาน จนทำให้รัฐบาลปวดหัวมากกว่าเดิมแน่นอน ซึ่งวิธีเดียวที่จะหยุดการเคลื่อนไหวแบบนี้ได้ เชื่อว่าทางฝ่ายผู้มีอำนาจเองนั้นก็รู้แล้วดีอยู่แล้วว่าจะต้องใช้ไม้ไหนต่อไปเพื่อให้หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เคลื่อนไหวไม่ได้อีก?.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |