ขสมก.ย้ำแผนฟื้นฟูไม่ปรับลดพนักงาน


เพิ่มเพื่อน    

22 พ.ย.2562 นายสุระชัย เอี่ยมวชิระสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่าตามที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เรื่องการปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการของ ขสมก. และมีสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร.ขสมก.) กว่า 300 คนเดินทางมายังกระทรวงคมนาคม พร้อมทั้งคัดค้านการดำเนินการนั้น จึงได้ตัดสินใจเลื่อนการ Workshop ดังกล่าวออกไปก่อน เนื่องจากเพื่อให้สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งยังเพื่อไปทำความเข้าใจในรายละเอียดให้มีความชัดเจนต่อไป นายสุระชัย กล่าวว่า จากกระแสความเข้าใจของพนักงาน ขสมก. ที่มองว่าแผนฟื้นฟูใหม่ จะนำไปสู่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจฯ นั้น ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการแปรรูปแต่อย่างใด

โดยจากกรอบการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูฉบับที่เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2562 ที่ผ่านมา นำมาสู่แนวทางการปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.ใหม่ มีการเปลี่ยนแปลง 2 ประเด็นหลัก กล่าวคือ 1.ในส่วนของแผนเดิมในการจัดหารถโดยสารใหม่ พร้อมปรับปรุงสภาพรถ เปลี่ยนเป็นการเช่ารถโดยสารปรับอากาศโดยจ่ายตามกิโลเมตรบริการที่วิ่ง จำนวน 3,000 คัน ซึ่งเป็นการเช่ารถและการบริการจากเอกชนเท่านั้น ในส่วนของพนักงานขับรถยังคงเป็นพนักงาน ขสมก. ในส่วนการเออร์รี่รีไทร์และการเกษียณอายุนั้น ก็ยังคงเป็นไปตามแผนเดิม พร้อมทั้งจะไม่มีการปลดพนักงานตามที่มีกระแส

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ขสมก.มีพนักงานขับรถประมาณ 5,500 คน ใกล้เคียงกับจำนวนพนักงานเก็บค่าโดยสารในส่วนของรถที่จะเช่า 3,000 คันนั้น นายสุระชัย กล่าวว่า ถือเป็นการบริหารต้นทุนที่ดีที่สุด และดีกว่าการจัดซื้อรถ ที่จะมีค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงในระยะยาว พร้อมทั้งจากแผนการพัฒนาโครงข่ายระบบรถไฟฟ้า ที่จะครอบคลุมในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑลในอนาคตนั้น ในอนาคต ขสมก.จะต้องปรับเป็นการให้บริการรถเชื่อมต่อระบบขนส่งอื่น (Feeder) จึงมองว่าการเช่ารถระยะเวลา 7 ปี มีความคุ้มค่ามากที่สุด นายสุระชัย กล่าวต่อว่าในต่างประเทศ อาทิ ลอนดอน และโซล (เกาหลี)ได้นำวิธีการดำเนินดังกล่าวมาใช้ อีกทั้ง อาจจะเป็นรถขนาดเล็กลงจากเดิม 12 เมตร เป็น 9-10 เมตร โดยจะเป็นระบบไฟฟ้า และเชื้อเพลิงNGV ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาการขาดทุนสะสม และมีผลการดำเนินการเป็นกำไรต่อไป รวมถึงยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการ เนื่องจากตามแผน ขสมก. วางแผนที่จะเก็บค่าโดยสารที่ 30 บาทต่อวัน ซึ่งก็จะทำให้ค่าเดินทางถูกลง หากต้องมีการต่อรถหลายต่อ และทำให้การเดินทางสะดวกสบายมากขึ้น

“ที่ผ่านมา ผมอาจจะสื่อสารไม่ดี หรือไม่มากพอในทุกประเด็น แต่ยืนยันว่าแผนฟื้นฟูนี้ เราไม่ได้แก้ทั้งหมด มีแค่การปรับเปลี่ยนจากการซื้อรถ มาเป็นการเช่ารถจากเอกชนและจ่ายเงินตามกิโลเมตรบริการที่วิ่ง ต้นทุนการซ่อมบำรุงก็ต่ำกว่า สามารถยืดหยุ่นได้ นอกจากนี้ หาก ขสมก. เดินตามแผนฟื้นฟูดังกล่าว หลังจากนี้ รัฐจะไม่ต้องมารับภาระ มีผลสุทธิเป็นกำไร และพนักงานก็อาจจะมีโบนัสด้วย” นายสุระชัย กล่าว นายสุระชัย กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของอีก 1 แนวทางที่มีการเปลี่ยนแปลงจากแผนฟื้นฟูเดิม คือ การปรับปรุงเส้นทางเดินรถ ที่ได้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ทั้งนี้ ยืนยันว่า การปรับปรุงดังกล่าวนั้น เพื่อไม่ให้เกิดการทับซ้อนกับระบบขนส่งมวลชนหลักหรือระบบรถไฟฟ้า ทั้งยังเพื่อให้เกิดความกระชับขึ้น และสามารถเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ

โดย ขสมก.ตั้งเป้าไว้ว่า หากลดการทับซ้อนของเส้นทางแล้วนั้น ในอนาคตผู้โดยสารจะรอรถที่ป้ายหยุดรถประจำทางไม่เกิน 5-10 นาที เนื่องจากจะมีจำนวนรถถี่ขึ้น ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า การปรับปรุงเส้นทางการเดินรถของ ขสมก. จะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับ ขสมก. ประชาชน และรัฐบาล อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาจราจร รวมถึงมลพิษด้วย อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการปรับปรุงเส้นทางดังกล่าวนั้น การเดินทางโดยใช้รถเมล์ที่วิ่งจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิผ่านพหลโยธิน ไปยัง 5 แยกพร้าว จะมีรถเมล์มากกว่า 30 สาย ซึ่งมีการทับซ้อนกันอยู่ โดยมั่นใจว่าการปรับปรุงเส้นทาง จะช่วยให้การบริการมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมได้สั่งการให้นายสุระชัย ผอ.ขสมก. ไปทำความเข้าใจกับสหภาพฯ ว่าต้องการสิ่งใด โดยต้องคำนึงถึงประโยชน์กับประชาชน และส่วนรวมมากที่สุด อย่างไรก็ตาม จะมีการกำหนดวันจัดประชุมทำ work shop ต่อไป ทั้งนี้ ในการ Workshop "การปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก." นั้น ประกอบด้วย 5 ประเด็นหลัก คือ 1.เนื่องจากแผนฟื้นฟู ขสมก. ฉบับที่จะนำเสนอเป็นแผนฟื้นฟูที่จะทำให้ประชาชนได้ใช้บริการราคาถูกลง ค่าเดินทางด้วยรถ ขสมก.ทั้งระบบ ราคาวันละ 30 บาท ตลอดทั้งวัน และหากเป็นตั๋วรายเดือน จะมีราคาเพียง 750 บาท หรือวันละ 25 บาทเท่านั้น 2.แผนฟื้นฟูฉบับดังกล่าว ไม่มีการก่อหนี้สาธารณะ เนื่องจากไม่มีการจัดซื้อรถ 3,000 คัน ตามที่แผนฟื้นฟู ฉบับเดิมเสนอไว้ แต่จะใช้วิธีบริหารจัดการเช่ารถจากเอกชนมาวิ่งแทน 3.จะมีการปรับเส้นทางให้รถเมล์ไม่วิ่งทับซ้อนกัน ซึ่งจะ สามารถลดจำนวนรถเมล์ ซึ่งเดิมการจดทะเบียนอนุญาตไว้จำนวน ประมาณ 6,000 คัน เหลือเพียง 3,000 - 3,500 คัน 4.แผนฟื้นฟูฉบับใหม่กำหนดให้รถเมล์ที่จะเช่าวิ่ง ต้องเป็นรถใช้พลังงาน ที่ไม่สร้างปัญหากับสิ่งแวดล้อม โดยจะต้องเป็นรถที่ใช้พลังงาน ไฟฟ้า หรือเชื้อเพลิง NGV รวมถึงต้องเป็นรถปรับอากาศเท่านั้น และ 5.ในส่วนของการดูแลสวัสดิการของพนักงานนั้น จะเป็นรูปแบบเดียวกันกับแผนฟื้นฟูฉบับก่อนที่เสนอไว้ทุกประการ “เสียดายที่วันนี้ไม่สามารถจัดประชุม work shop ได้ ทำให้การฟื้นฟู ขสมก. จะต้องล่าช้าออกไปอีก และรถเมล์ก็ไม่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น ยังเป็นรถร้อน ราคาแพงกว่ารถปรับอากาศที่แผนฟื้นฟูใหม่เสนอมา” แหล่งข่าว กล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"