15 มี.ค.61- พล.อ.อักษรา เกิดผล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้กล่าวถึงการแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องใช้แนวทางสันติวิธี โดยยึดถือยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนว่าตลอดห้วงระยะเวลาที่ผ่านมากลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐได้ใช้ความรุนแรงมาอย่างต่อเนื่องก็เพราะเขา “อยากจะคุย” จึงใช้ความรุนแรงเป็นเงื่อนไขยื่นข้อเสนอต่อรองรัฐบาล
“โดยยอมรับว่ามีกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงานที่แอบติดต่อผ่านตัวแทนแหล่งข่าว นอกจากนี้ ยังมีแนวร่วมในพื้นที่ให้การสนับสนุนช่วยกันสร้างความรุนแรงแบบป่วนเมือง ขยายความขัดแย้งไปทั่วจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งถ้าเราไปคุยกับคนพวกนี้ก็เท่ากับเรานั่นแหละสนับสนุนการใช้ความรุนแรง รัฐบาลปัจจุบันต้องการยุติความรุนแรงจึงไม่ให้ความชอบธรรมกับพวกใช้ความรุนแรงและประกาศใช้แนวทางสันติวิธีบีบบังคับ ให้ขบวนการผู้เห็นต่างจากรัฐเหลือเพียงช่องทางเดียวที่จะบรรลุความต้องการของเขาคือแนวทางสันติวิธีและยุติการใช้ความรุนแรง โดยผู้ที่ได้รับผลประโยชน์คือประชาชนที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงอีกต่อไป ผมขอทำความเข้าใจว่าการพูดคุยนั้นไม่สามารถยุติความรุนแรงได้ เพียงแค่เปลี่ยนการต่อสู้ที่ใช้ความรุนแรง มาเป็นแนวทางสันติวิธี แต่การต่อสู้ยังคงดำรงอยู่ต่อไปและประชาชนเท่านั้นคือคำตอบของการต่อสู้ในแนวทางสันติวิธีว่าจะเลือกอนาคตอย่างไร”
พล.อ.อักษรา กล่าวอีกว่า รัฐบาลยินดีคุยกับพวกที่ไม่ใช้ความรุนแรงซึ่งการเปลี่ยน กระบวนทัศน์นี้ทำให้รัฐบาลสามารถดึงกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ เกือบร้อยละ 90 เข้ามาพูดคุยและร่วมกันสร้างสันติสุข ด้วยการสร้าง Safety Zone ที่ทุกฝ่ายสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับ พื้นที่สาธารณะปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็นสำหรับทุกคน (Common Space) ที่ทางด้านวิชาการถามหาและนี่คือเสียงเรียกร้องจากประชาชนอย่างแท้จริง
“ผมขอเรียนอีกครั้งว่า คณะพูดคุยฯ ไม่เคยมีวาระของตัวเองได้แต่นำเสียงของประชาชนที่ต้องการความปลอดภัยและสันติสุขในการดำเนินชีวิตประจำวันไปบอกกับ ผู้เห็นต่างทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ให้ยุติการใช้ความรุนแรงและหันมาสร้างพื้นที่ปลอดภัยร่วมกัน สำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการแก้ปัญหาทั้ง 3 ส่วน ได้แก่ เจ้าหน้าที่รัฐ นักวิชาการ สื่อมวลชนและประชาชนยังมีผู้ที่ไม่เชื่อมั่นกระบวนการพูดคุย ไม่ไว้ใจคณะพูดคุยฯ ไม่ไว้ใจรัฐบาล ไม่ไว้ใจประเทศเพื่อนบ้านและในที่สุดก็ไม่ไว้ใจแม้กระทั่งกระบวนการก่อการร้าย กลุ่มคนเหล่านี้จึงเป็นปัญหาความรุนแรงส่วนหนึ่งของจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทำให้ขยายความขัดแย้งไปเรื่อยๆ จนตกเป็นแนวร่วมมุมกลับของกลุ่มโจรก่อการร้าย โดยไม่รู้ตัว
เขาตั้งข้อสังเกตว่า ยังมีคอลัมนิสต์บางคนพยายามบอกสังคมให้เชื่อว่าพี่น้องมุสลิมยอมรับได้กับการสูญเสียเพื่ออุดมการณ์ คือ มีตายบ้าง บาดเจ็บบ้าง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของ BRN ซึ่งน่ากังวลว่า คอลัมนิสต์ดังกล่าวอาจตกเป็นแนวร่วมสนับสนุนโจรให้ใช้ความรุนแรงโดยไม่รู้ตัวและยังพยายามชี้นำสังคมให้เชื่อตามอีกด้วย อย่างไรก็ตามโลกนี้จะอยู่ได้ด้วยความรักไม่ใช่ความเกลียดชัง ดังนั้นการแก้ไขปัญหาทุกอย่างในโลกจึงต้องมองโลกในแง่ดีปราศจากอคติจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้แม้ต้องใช้เวลานานเพียงใดก็ตาม เช่นเดียวกับปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หากเราสามารถกำหนดพื้นที่ปลอดภัยที่มีทุกฝ่ายเข้ามาร่วมกันกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยมีพี่น้องประชาชนในพื้นที่และนักวิชาการเข้ามาช่วยกันปฏิเสธกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงร่วมกันแล้ว สันติสุขก็จะค่อยๆ เกิดขึ้นได้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเป็นรูปธรรมในที่สุด
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |