(รศ.ญาณเดช ทองสิมา)
ผ่านร้อนผ่านหนาวโดยเฉพาะการทำงานในหลากหลายอาชีพ สำหรับ รศ.ญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการบริหาร รพ.นครธน ที่เริ่มจากการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ตามด้วยเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังเป็นที่ปรึกษาประธานรัฐสภา และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีก 4 ปี แต่ลาออกเมื่อปี 2547 กระทั่งปัจจุบันเป็นผู้บริหาร รพ.นครธน งานนี้ถือได้ว่าแต่ละอาชีพที่ทำไม่เพียงเพิ่มพูนประสบการณ์ในการใช้ชีวิต แต่สิ่งเหล่านี้ทำให้เจ้าตัวหันมาตระหนักและใส่ใจส่วนรวม เพราะสังคมจะเดินไปได้นั้น ก็ย่อมต้องมีผู้ให้และผู้เสียสละเพื่อผู้อื่น หรือแม้แต่การใส่ใจในการบริการ ด้านการบริหารโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับความสะดวกสบาย ตรงตามมาตรฐานสากล ก็เป็นสิ่งที่ รศ.ญาณเดช ทำมาตลอด แต่ทว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนวัย 72 ปี จะน่าสนใจและเป็นแง่คิดสอนคนรุ่นใหม่ได้ดีอย่างไร มีคำตอบมาบอกกัน
รศ.ญาณเดช บอกว่า ตอนนี้ผมทำโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการบริหารทรัพย์สินที่มีของคุณพ่อคุณแม่ และก็พัฒนาเป็นโรงเรียนนานาชาติ เครือข่ายของโรงพยาบาลนครธน รวมถึงเอาที่ดินมาสร้างสาธารณประโยชน์ บริเวณห้างเซ็นทรัล ห้างบิ๊กซี ตลอดจนในปั๊มน้ำมัน หรือห้างโฮมโปรก็ดี ถามว่าปรัชญาชีวิตคือความไม่ประมาทและพอเพียง ไม่ทำอะไรเกินตัว เวลาทำอะไรก็ทำเต็มที่ ตลอดจนลมหายใจนั้นก็อยู่ที่งาน อีกทั้งต้องไม่เอาเปรียบสังคม ถ้าทำอะไรได้ก็ทำให้ดีที่สุดและไม่นิ่งดูดาย และรักษาสุขภาพกายและจิตให้ดี เพื่อให้ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้นานๆ
“การเป็นวัยเก๋าอย่างมีพลังของตัวเองนั้น ผมเองสุขภาพไม่ดีมาก แต่ส่วนหนึ่งเราทำธุรกิจด้านโรงพยาบาล ดังนั้นตัวเราเองก็ต้องแข็งแรงขึ้น ที่สำคัญก็อย่าลืมตัว พอเพียง อย่าฟุ่มเฟือยมาก และต้องอยู่ให้สมกับฐานะ ทำอารมณ์ให้ดี ทุกอย่างจะดีครับ ทุกวันนี้ผมออกกำลังน้อยก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องอ้างว่าไม่มีเวลา เนื่องจากมีประชุมอยู่ถึง 5 โมงเย็น อีกทั้งทุกวันเสาร์และอาทิตย์ก็ไม่ได้หยุด เพราะต้องเข้ามาดูแลตรวจตรา รพ. ว่ากันตั้งแต่การมาจับดูว่ามีขี้ฝุ่นไหม เพราะผมเป็นคนทุ่มเท เนื่องจากงานบริการมันต้องมาเป็นเลิศ เราอยากทำ แต่เหนื่อยมาก แต่กิจกรรมวัติประจำในการบริหารงานของเรา ก็เท่ากับเป็นการออกกำลังกายไปด้วยในตัวส่วนหนึ่งครับ และอายุมากขึ้นก็จะกินน้อย แต่ก็เลือกกินของที่มีประโยชน์ อาหารมันๆ เปรี้ยวจัด หวานจัด เค็มจัดก็ไม่กินครับ
เพราะตอนบ่าย 3 โมงก็จะเดินตรวจวอร์ดรักษาผู้ป่วย และทุกห้องที่ว่างเมื่อมีคนออก ผมก็จะเข้าไปดูแม่บ้านเขาทำความสะอาด เช่น แม่บ้านเขาตั้งนาฬิกาตรงหรือไม่ ถ้าผิดไปสัก 4-5 นาที ถือว่าเขาทำงานผิดพลาดแล้ว ซึ่งเรื่องนี้สำคัญแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เล็กน้อย แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจ ในการทำงานด้านการบริการผู้ป่วยครับ หรือแม้แต่เวลาที่คนร้องเรียนมา ผมก็จะลงไปดู เช่น ก๊อกน้ำปิดไม่สนิท หรือชักโครก 2 สี ฝาปิดกับที่นั่งไม่เหมือนกัน ก็จะไปดูเอง และแก้ทันทีแบบวันต่อวัน ไม่ทิ้งไว้ค้างวัน เพราะจะมีผู้ป่วยมาใช้บริการอยู่ตลอด หรือถ้าหากมีคนเสนอแนะว่า อาหารเค็มไปบ้าง หรือพนักงานมือหนัก เจาะเลือดแล้วเจ็บ ผมก็จะเอาเข้าที่ประชุมเพื่อแก้ไข ผมเจาะรายละเอียดมาก จนทำให้ชื่อเสียงโรงพยาบาลของเราดีขึ้น และไม่เพียงความใส่ใจในเรื่องการบริการ แม้แต่พนักงานเราก็จะมีอบรมให้ความรู้ เพื่อให้เขาบริการด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสกับผู้ป่วยครับ”
รศ.ญาณเดช บอกว่า สำหรับการดูแลจิตใจ เพิ่งจะมาดูแลดีขึ้นเมื่อ 4-5 ปีครับ เพราะเมื่อก่อนผมจะค่อนข้างโกรธง่ายแต่ก็หายเร็ว จนตอนหลังก็พยายามไม่โกรธ พยายามมีสติ และมองอย่างมีเหตุมีผล พูดจามีเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ และอย่าตั้งข้อหาผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐาน อย่ามั่นไส้คนง่ายเกินไป เพราะเราต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา คนไหนที่เข้ากันได้ดีและคบกันได้ดีก็รักกันไปนานๆ ส่วนคนไหนที่แตะไม่ได้ ก็อย่าไปยุ่งกับเขา ถอยออกมาครับ
“สำหรับการทำงานหลังวัยเกษียณของผม ผมสนุกทุกวัน จนลืมไปแล้วว่าตอนนี้อายุ 72 ปี ผมไม่เคยหยุดนิ่งเลย แม้กระทั่งการทำงานไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตาม ผมจะเขียนโน้ตรายละเอียดสิ่งที่จะต้องทำ เช่น ต้องไปเปิดงานต่างๆ ผมต้องทำการบ้านมาก่อน เพราะผมเป็นคนละเอียด เช่น ผู้ที่จะมาร่วมงานนั้นเป็นใครบ้าง โดยเฉพาะหากเป็นแขกผู้ใหญ่ ก็จะต้องเน้นชื่อเขา หรือแม้ผู้ที่จะมาร่วมทุกคนทุกตำแหน่ง ต้องให้ความสำคัญเท่ากันหมด อีกทั้งต้องอ่านทบทวน 2-3 รอบ เพราะถ้าหากเราไม่ทำการบ้าน ไปนั่งอ่านสคริปต์ และขึ้นมาพูดแบบตะกุกตะกักก็คงไม่ใช่ครับ
แม้การทำงานที่ผ่านในบทบาทหลายอาชีพ ที่ผมต้องเดินทางไปต่างประเทศ ก็จะให้ทีมงานมาบริฟให้ฟังว่า ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง ทำให้เราไม่เด๋อและไม่ผิดพลาด หรือแม้แต่การแต่งตัวก็ตาม เราต้องพร้อมเสมอ เพราะเรามีอาชีพ ดังนั้นมันต้องละเอียด เนี้ยบ ยกตัวเวลาที่ไปเจรจากับชาวชาติ และแม้ว่าเราจะมีล่ามแปลภาษาให้ แต่โดยมารยาทนั้น ขณะที่ล่ามทำหน้าที่ของเขา เราต้องหันไปพูดคุยกับแขก เพราะไม่อย่างนั้นจะเป็นการเสียมารยาท ดังนั้นการเดินทางมากและการทำงานที่ค่อนเยอะๆ ก็ทำให้เรามีประสบการณ์ครับ”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |